มะกันไม่ทิ้งเฮติพบหญิงชรารอด

มะกันไม่ทิ้งเฮติพบหญิงชรารอด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ติดใต้ซากนาน4วันฮือจับโจรเผาทั้งเป็น

สหรัฐประกาศยืนเคียงข้างเฮติไม่มีทอดทิ้งกันแน่หลังเผชิญภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวรุนแรง ขณะที่ทีมกู้ภัยสามารถช่วยเหลือผู้ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังนานกว่า 100 ชั่วโมงขึ้นมาได้ เป็นหญิงวัย 62 ปี หุ้นส่วนเจ้าของโรงแรมที่พัง ส่วนชาวบ้านหมดความอดทนปล้นของกินกันแล้ว ตำรวจยอมรับต้านไม่อยู่ มีเหตุสลดชาวบ้านจับโจรรุมประชาทัณฑ์แล้วจุดไฟเผาคนตายทั้งเป็น เตือนเกาะสุมาตรอาจเผชิญ สึนามิ อีก พิจารณาส่งข้าวไทยไปช่วยแถมได้โปรโมตอีก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 17 ม.ค. แจ้งความคืบหน้าของเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 7.0 ริคเตอร์ ถล่มกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของประเทศเฮติ เมื่อเย็นวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้างทั่วทั้งเมืองและอาจมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 2 แสนศพ ตามคำแถลงของ รมว.มหาดไทยเฮติ นานาชาติรวมทั้งไทยได้ระดมกำลังและเงินช่วยเหลือเพื่อนำไปช่วยผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในประเทศเฮติ

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ แถลงที่สวนกุหลาบภายในทำเนียบขาวกรุงวอชิงตัน พร้อมกับอดีตประธานา ธิบดีสหรัฐ นายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช และ นายบิล คลินตัน โดยกล่าวว่า ที่เราผู้นำสหรัฐมารวมกันในวันนี้ก็เพื่อส่งสารไปถึงประชาชนแห่งเฮติและประชาชนทั่วโลกว่า ในช่วงระยะเวลาอันยากลำบากนี้ อเมริกาขอยืนเคียงข้างประชาชนเฮติและช่วยเหลือพวกเขาในการฟื้นฟูประเทศ พร้อมกับเรียกร้องให้ร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว

ส่วนนางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ เดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่ประเทศเฮติเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เมื่อเดินทางไปถึง นางฮิลลารี คลินตัน เปิดแถลงข่าวหลังพบหารือกับประธานาธิบดีเรเน่ เพรวาล ที่ฐานปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ว่า สหรัฐมาตามคำเชิญของรัฐบาลเฮติเพื่อช่วยเหลือประชาชนชาวเฮติ และอย่างที่ประธานา ธิบดีโอบามากล่าวไว้ว่า เราจะอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ว่าวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ ตนขอบอกกับชาวเฮติว่า พวกท่านได้ผ่านการทดสอบอย่างแสนสาหัสมาแล้ว และหวังว่าเฮติจะกลับมาเข้มแข็งและดีขึ้นในอนาคต

อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และ อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากทำเนียบขาวให้เป็นผู้ประสานงานพิเศษเพื่อความช่วยเหลือเฮติ กล่าวในบทความในหนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ว่า พวกตนขอสัญญาว่าจะไม่ทอดทิ้งประเทศเฮติให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่การฟื้นฟูประเทศนั้นคงต้องใช้เวลานาน ในอนาคตนี้เฮติจำต้องการโรงเรียนที่ดีกว่าเดิม สิ่งปลูกสร้างที่แข็งแรงกว่าเดิม และ อุตสาหกรรมที่หลากหลายเพื่อสร้างงานและสร้างโอกาสเพิ่มขึ้นสำหรับการค้าขายที่จะขยายตัวต่อไป พร้อมกันนี้พวกตนก็อยากเรียกร้องให้ประชาคมโลกช่วยสร้างฝันเหล่านี้ให้เป็นจริงกับชาวเฮติด้วย

พล.อ.ดักลาส เฟรเซอร์ ผู้บัญชาการกองกำลังภาคใต้ของสหรัฐ แถลงว่า ปฏิบัติการของกองทัพสหรัฐเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาทุกข์สำหรับพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวเฮติมีชื่อว่า ปฏิบัติการสนองตอบความสามัคคี โดยผู้นำกองทัพสหรัฐได้ส่งกำลังทหาร 10,000 นายเข้าไปประจำการในเฮติ เพื่อทำงานแข่งกับเวลาในการส่งมอบอาหารและน้ำดื่มให้กับประชาชน ผู้รอดชีวิตก่อนที่ความอดทนของพวกเขาจะหมดไปกลายเป็นเหตุจลาจล และอาจมีคนต้องเสียชีวิตเพิ่มใต้ซากปรักหักพัง หากไม่รีบช่วยเหลือขึ้นมา

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ทีมกู้ภัยสามารถช่วยเหลือหญิงผู้หนึ่งเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมาชื่อ นางนาดีน คาร์โดโซ วัย 62 ปี เป็นหุ้นส่วนเจ้าของโรงแรมหรูหราในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ชื่อโรงแรมมอนทานา ที่พังถล่ม ลงมาจากเหตุแผ่นดินไหว หลังจากติดอยู่ใต้ซากนานกว่า 100 ชั่วโมง โดยนายไรน์ฮาร์ด เรย์ดิล สามีของเธอกล่าวว่า ภรรยาของเขาถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้วในสภาพที่อิดโรยเพราะอาการขาดน้ำอย่างรุนแรงแต่อาการอย่างอื่นไม่ร้ายแรง ทั้งนี้ทีมกู้ภัยต้องทำงานอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว เพราะยังมีผู้สูญหายไปอีกจำนวนมาก และก่อนหน้านี้ทีมกู้ภัยก็สามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตขึ้นมา้ว

นอกจากนั้นทีมกู้ภัยของสหรัฐสามารถช่วยเหลือหญิงชาวเฮติขึ้นมาจากใต้ซากปรักหักพังนาน 4 วัน หรือประมาณ 97 ชั่วโมง ของอาคารมหาวิทยาลัยปอร์โตแปรงซ์ เมื่อเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา นับเป็นอีกเหตุการณ์ของผู้รอดชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์ของเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในกรุงปอร์โตแปรงซ์ โดยหญิงผู้นี้เป็นชาวเฮติจากเมืองคาร์ฟูร์ ชื่อ น.ส.เซนต์-เฮเลน ฌอง-หลุยส์ วัย 29 ปี ติดอยู่ระหว่างชั้นที่ 2 กับชั้นที่ 3 ของอาคารมหาวิทยาลัยปอร์โตแปรงซ์ ที่พังถล่มลงมา เธอติดอยู่ในสภาพที่มีผู้เสียชีวิต 8 ศพ รายล้อมอยู่รอบตัวเธอ และมีรายงานอีกว่า ทีมกู้ภัยของรัสเซียสามารถช่วยเด็กหญิงชาวเฮติ 2 คน อายุ 11 ขวบ และ 9 ขวบ ขึ้นมาจากใต้ซากที่พังถล่มลงมาด้วย

น.ส.เอลิซาเบธ ไบรส์ โฆษกหญิงของสำนักงานผู้ประสานงานกิจการเพื่อมนุษยธรรมในสังกัดองค์การสหประชาชาติ แถลงว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยในเฮติซึ่งต้องทำงานแข่งกับเวลานั้น มีขวัญกำลังใจดีมากเพราะคาดหวังว่าจะยังพบผู้รอดชีวิตอยู่ใต้ซากปรักหักพังแม้เวลาผ่านมา 5 วันแล้วก็ตาม ส่วนองค์การอนามัยโลก (ฮู) แถลงว่า องค์การอนามัยโลกประเมินว่ามีผู้เสียชีวิต 40,000-50,000 ศพ จากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้

นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงว่า นายเฮดี อันนาบี หัวหน้าสำนักงานยูเอ็นประจำเฮติ เสียชีวิตในเหตุการณ์แผ่นดินไหวเฮติ เพราะอาคารสำนักงานพังถล่มลงมาเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยพบศพและยืนยันแล้ว สำหรับนายอันนาบี อายุ 65 ปี เป็นชาวตูนิเซีย นอกจากนั้นแล้วยังมีนายหลุยซ์ คาร์ลอส ดา คอสตา รองหัวหน้าสำนักงานยูเอ็น จากประเทศบราซิล และ นายดัก โคเตส รักษาการหัวหน้าตำรวจยูเอ็น จากประเทศแคนาดา ก็เสียชีวิตไปในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย ซึ่งทางแคนาดาและจีนก็แจ้งว่ามีเจ้าหน้าที่จากประเทศของตน 8 ศพ แล้วที่พบศพและยืนยันแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปล้นสะดมและแย่งชิงสิ่งของปรากฏให้เห็นเป็นระยะนับตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหว เพราะบ้านเรือนพังราบเป็นหน้ากลอง แต่ดูเหมือนว่าจะเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะประชาชนเริ่มหมดความอดทนแล้ว เมื่อยังไม่ได้รับความช่วยเหลือและสิ่งของบรรเทาทุกข์จนตำรวจต้องยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อหาทางยับยั้งพวกเขาเหล่านี้ แต่การกระทำดังกล่าว กลับเกิดผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นชาวบ้านก็ยังคงกลับมาฉกชิงสิ่งของเช่นเดิม แม้รัฐบาลเฮติมีคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่เหลือเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นที่แสดงว่ารัฐบาลเฮติยังบริหารจัดการแผ่นดินอยู่ในขณะนี้ ยิงปืนใส่กลุ่มฝูงชน ซึ่งชาวบ้านก็ไม่สนใจอันตรายที่จะได้รับ โดยยังคงปีนป่ายหรือขุดค้นซากปรักหักพังเพื่อค้นหาสิ่งของยังชีพ หากสิ่งของยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็จะนำไปขายในตลาดมืด เจ้าหน้าที่ตำรวจ หลุยส์ ฌอง เอฟิเซียง กล่าวว่า ชาวบ้านขโมยทุกอย่างที่เอาไปได้ไม่ว่าจะจำเป็นหรือไม่ก็ตาม เป็นเรื่องที่บ้ามาก แต่ตำรวจได้รับคำสั่งให้สลายกำลังเท่านั้น ไม่ให้ยิง แต่ก็ไม่ได้ผลแต่อย่างใด นอกจากนั้นก็ยังมีชาวเฮติบางส่วนหลบหนีเพราะทนความอดอยากไม่ไหวหนีข้ามเขตแดนเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านอย่างโดมินิกัน

อย่างไรก็ตาม ที่ย่านเพชั่นวิลล์ ชาน กรุงปอร์โตแปรงซ์ ชาวบ้านได้รุมกันจับชายคนหนึ่งซึ่งไปก่อเหตุลักขโมยสิ่งของ แล้วจับมัดแก้ผ้าลากไปตามท้องถนน พร้อมกับใช้ไม้รุมตีจนสลบ แล้วก็ยังจุดไฟเผาสุมกับกองขยะให้ตายทั้งเป็น ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า แก๊งอาชญากรอาวุธครบมือ ซึ่งเคยครองอาณาจักรของชุมชนผู้ยากไร้ในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ได้กลับมาอาละวาดอีกแล้ว เพราะเรือนจำที่คุมขังอาชญากรและผู้กระทำผิด 3,000 คนนั้น พังถล่มลงมาทำให้พวกเขาหลบหนีออกมาก่อเหตุร้ายได้อีก

สื่อท้องถิ่นรายงานด้วยว่า ชาวโดมินิกัน 2 คนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อวันเสาร์ ที่ผ่านมา ขณะกำลังแจกจ่ายสิ่งของในเฮติ โดยทั้งสองคนนี้มีชื่อนายคาร์ลอส เกตส์ กับนายมิลตัน มาโตส เดินทางมาถึงสถานทูตโดมินิกันในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ในสภาพที่ ถูกยิงอาการสาหัส ดังนั้นกองทัพโดมินิกันจึงส่งเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำเดินทางไปยังเมืองจิับเฮติเพื่อรับนายเกตส์กลับมายังเมืองบารา โฮนาของโดมินิกัน เพื่อรักษาตัว ส่วนนายมาโตสได้รับการรักษาตัวอยู่ที่อาคารสำนักงานยูเอ็น

เจ้าหน้าที่กองทัพเรือสหรัฐเปิดเผยว่า หญิงชาวเฮติผู้หนึ่งได้ให้กำเนิดทารกเพศชายบนเรือยามฝั่งของสหรัฐเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะเตรียมตัวจะเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ กลับไปยังเรือบรรทุกเครื่อง ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน ของสหรัฐ โดยหญิงผู้นี้เป็นหนึ่งในหกของชาวเฮติซึ่งเป็นผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวเฮติที่เรือยามฝั่งสหรัฐรับขึ้นเรือมาหลังจากคลอดแล้ว ทั้งหมดรวมทั้งแม่และเด็กทารกก็ถูกพาขึ้นเฮลิคอปเตอร์เดินทางกลับไปยังเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐที่ลอยลำอยู่นอกชายฝั่งเฮติ

กระทรวงการต่างประเทศของเม็กซิโก แถลงว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จะเปิดประชุมในวันจันทร์ที่ 18 ม.ค.นี้ เพื่อหารือเรื่องการประสานความร่วมมือในปฏิบัติการความช่วยเหลือจากนานาชาติให้กับผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในประเทศเฮติ โดยเม็กซิโกซึ่งเป็นสมาชิกไม่ถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงฯ เป็นผู้นำเสนอแนวคิดนี้ โดยได้รับความร่วมมือจากจีนในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงฯ ให้จัดประชุมได้ นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า นาย อแลง โจยันเดท์ รมว.ความร่วมมือของฝรั่งเศส ได้ยื่นประท้วงสหรัฐ เพราะเครื่องบินของฝรั่งเศสที่นำโรงพยาบาลสนามไปมอบให้นั้น ถูกปฏิเสธไม่ให้ลงจอด แต่ต่อมากระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสปฏิเสธว่าไม่เคยมีการยื่นประท้วงแต่อย่างใด

สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐแจ้งว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเกิดคลื่นสั่นสะเทือนตามหลังแผ่นดินไหว หรืออาฟเตอร์ช็อก ในกรุงปอร์โตแปรงซ์ 4 วันหลังเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง โดยวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 4.5 ริคเตอร์ มีจุดศูนย์กลางอยู่ 10 กม. ลึก ลงไปใต้ดิน และห่างจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ 25 กม. สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชน ที่ยังคงขวัญผวาจากภัยธรรมชาติรุนแรงใน ครั้งนี้

กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังนำโดยศาสตราจารย์จอห์น แมคคลอสกี้ แห่งสถาบันวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัย อูลสเตอร์ ไอร์แลนด์เหนือ ได้ทำหนังสือ ถึงวารสารเนเจอร์ จีโอซายน์ระบุว่า คลื่นยักษ์สึนามิที่เกิดจากแผ่นดินไหวรุนแรงเคยคร่าชีวิตผู้คนไปนับแสนศพเมื่อปี 2547 ถล่มประเทศรอบมหาสมุทรอินเดียนั้น อาจเกิดขึ้นได้อีกนอกชายฝั่งเกาะสุมาตราของ อินโดนีเซีย และเมืองปาดังของจังหวัดสุมาตรา ตะวันตกก็อยู่บนแนววงแหวนไฟ ซึ่งอาจเกิดอันตรายขึ้นมาอีกครั้งจากแผ่นดินไหวรุนแรงก็เป็นได้

ในส่วนของประเทศไทย นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือประเทศเฮติที่ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวว่า จากที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเงินช่วยเหลือที่รัฐบาลไทยอนุมัติไปจำนวน 2 หมื่นเหรียญสหรัฐน้อยเกินไปนั้น ขอชี้แจงว่าเงินดังกล่าวเป็นเพียงเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเท่านั้น โดยนายกฯ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการช่วยเหลือภัยพิบัติในต่างประเทศที่มีปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน ได้ประชุมในวันที่ 19 ม.ค.นี้ เพื่อพิจารณา ว่าจะให้ความช่วยเหลืออย่างไร และให้เสนอความเห็นต่อที่ประชุม ครม.ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าเฮติขาดแคลนอาหาร จึงจะพิจารณาส่งข้าว สารไปให้ความช่วยเหลือ ซึ่งนอกจากเป็นการระบายสินค้าเพื่อให้ราคาข้าวสูงขึ้นแล้วยังเป็นการประชาสัมพันธ์ข้าวไทยต่อ ทั่วโลกด้วย.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook