แดงแจ้งจับ สุรยุทธ์-ภรรยาบุกรุกป่าสงวน

แดงแจ้งจับ สุรยุทธ์-ภรรยาบุกรุกป่าสงวน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย อริสมันต์ บุกกองปราบฯ แจ้งจับ พล.อ.สุรยุทธ์ กับท่านผู้หญิงรุกป่าสงวน ระบุผิดทั้ง พ.ร.บ.ป่าสงวน และ พ.ร.บ.ป่าไม้ เร่งตามตัวเจ้าของที่ดินเดิมเข้าให้ปากคำ ลั่น 18 ม.ค.นี้ ลุยทำเนียบองคมนตรีถามความเห็นองคมนตรีทุกคนว่าเห็นด้วยกับการรุกป่าของ พล.อ.สุรยุทธ์ หรือไม่ ด้าน ปชป. ประเมินการเมืองแรง แดง-ทักษิณ-พท. จับมือขย่ม ศาล-สำนักราชเลขา-องคมนตรี จุดความขัดแย้งรอบใหม่ ชี้ 16-26 ก.พ. 10 วันอันตราย วอนเสื้อแดงฟังคนส่วนใหญ่ ขณะที่ ก.ม.ม. แนะรัฐบาลป้องกัน นปช. ป่วนเมือง

ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ม.ค.นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วยกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 100 คน เข้าพบ พ.ต.ท.แมน รัตนโมรา พนักงานสอบสวน (สบ3) กก.3 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และ พ.อ. (หญิง)ท่านผู้หญิงจิตรวดี จุลานนท์ ภริยา ในความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ และความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น

นายอริสมันต์ กล่าวต่อว่า ที่ดินที่ พล.อ.สุรยุทธ์ และภริยา ร่วมกันถือครองนั้น อยู่ในพื้นที่หมู่ 6 บ้านเขายายเที่ยง ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งอยู่ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายกฎกระทรวง พ.ศ. 2508 ที่ออกตามความใน พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ซึ่งถือเป็นที่ดินในเขตป่าสงวน การกระทำของ พล.อ.สุรยุทธ์ และภริยา ที่บุกรุกป่าสงวน สร้างบ้านพักบนเขายายเที่ยงนั้น จึงทำให้สภาพป่า และต้นน้ำลำธารเกิดความเสียหาย ทำให้เกิดความแห้งแล้งและภัยพิบัติ ประชาชนและประเทศชาติได้รับความเดือดร้อน ตนจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามให้ดำเนินคดีอาญากับ พล.อ.สุรยุทธ์ และภริยา รวมทั้งบริวารให้ได้รับโทษทางกฎหมายอย่าง ถึงที่สุด และให้ดำเนินการยึดคืนที่ดินดังกล่าวกลับมาเป็นของรัฐพร้อมเรียกค่าเสียหายในอัตราสูงสุดด้วย

นายอริสมันต์ กล่าวขยายความต่อว่า ที่ดินดังกล่าว เดิมเป็นของนายเบ้า สินนอก หรือพระเบ้า อัคคจิตโต พระลูกวัดหลวง ราชบำรุง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ต่อ มาพระเบ้าขายให้กับนายนพดล พิวานิชย์ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ก่อนจะขายต่อให้กับนายทหารคนสนิทของ พล.อ. สุรยุทธ์ แล้วโอนมาให้ พ.อ.(หญิง) ท่านผู้หญิงจิตรวดี เมื่อปี 2545 เราพยายามตามหาบุคคลทั้งสองมาเป็นพยาน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าลูกน้องของ พล.อ. สุรยุทธ์ บีบบังคับเอาที่ดินบนเขายายเที่ยงโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาทเดียว อย่างไรก็ตามวันที่ 18 ม.ค.นี้ ตนจะนำคนเสื้อแดงนับ พันคนเดินทางไปรัฐสภา หรือทำเนียบองคมนตรี เพื่อถามความเห็นองคมนตรีทุกคนว่าเห็นด้วยหรือไม่ กับการบุกรุกที่ดินป่าสงวนของ พล.อ.สุรยุทธ์ และถือว่าเป็นการกระทำความผิดหรือไม่ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรับเรื่องไว้ก่อนส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณา

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า คณะทำงานปฏิบัติการเพื่อประเมินสถาน การณ์ทางการเมือง (วอร์รูม) ของพรรค ประเมินสถานการณ์ทางการเมืองล่าสุด พบความเสี่ยง 3 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจ ความมั่นคง และการเมือง โดยปัญหาเศรษฐกิจ ที่ผ่านมา รัฐบาลบริหารจนประเทศก้าวพ้นความเสี่ยงมาได้แล้วระดับหนึ่ง และการปรับครม.ล่าสุด พรรคมั่นใจว่ารัฐมนตรีทั้ง 5 คน จะร่วมทีมเดินหน้าแก้ปัญหาประเทศได้ ส่วน ปัญหาความมั่นคง แบ่งเป็นปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยร่างกฎหมายศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบ.ชต.) ที่จะผ่านสภาในสมัยประชุมหน้า จะมีส่วนแก้ปัญหาได้อย่างบูรณาการ ส่วนกรณีไทย-กัมพูชา รัฐบาลพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคลื่อนไหวก็ยังมีผลต่อปัญหาชายแดน

นพ.บุรณัชย์ กล่าวต่อว่า ส่วนปัญหาการเมือง พรรคประเมินว่า มีการเตรียมสร้างเงื่อนไขเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง 4 ประการคือ 1.กดดันคุกคามการทำงานของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และองค์กรอิสระ โดยบิดเบือนข้อมูลว่ากระบวนการยุติธรรมมี 2 มาตรฐาน โดยเฉพาะคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท. ทักษิณ และคดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาท 2.กดดันเรื่องการถวายฎีกาอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีที่ดินรัชดาฯ พุ่งเป้าไปที่กระทรวงยุติธรรม และสำนักราชเลขาธิการ 3.กดดันในสภา โดยเมื่อ เปิดสภา กลุ่มเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวอยู่ภายนอก ใช้ข้อมูลเท็จพาดพิงสถาบันองคมนตรี เพื่อร่วมกันปลุกระดมสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันทหาร องคมนตรี และรัฐบาล 4.พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ประเทศเพื่อนบ้านเป็นฐานบัญชาการคุมเกมกดดันทั้งหมด และคงจะใช้คนที่เป็นอดีตฝ่ายความมั่นคงมาร่วม ปลุกปั่นด้วย การดำเนินการที่ฝ่ายเคลื่อน ไหวอ้างว่าเป็นการปฏิวัติประชาชน แต่ดูถ้าเจตนาจริงจะเห็นว่าทำเพื่อคน ๆ เดียว จุดนี้จะเป็นความขัดแย้งรอบใหม่ ซึ่งพรรคพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยวิถีทางตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำ ตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีคนเสื้อแดงประกาศจะชุมนุมใหญ่เพื่อล้มล้างรัฐบาล และอำมาตย์ หลังวันตรุษจีน ว่าจากการวิเคราะห์สถานการณ์เชื่อว่าคนเสื้อแดงจะชุมนุมตั้งแต่หลังวันที่ 16 ก.พ. ถึงวันที่ 26 ก.พ.ซึ่งเป็นวันตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงถือว่าช่วงดังกล่าวเป็นช่วง 10 วันอันตราย ที่ต้องจับตามอง จึงอยากเรียกร้องให้คนเสื้อแดงฟังเสียงประชาชนที่ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดสนับสนุนให้รัฐบาลทำงานต่อไป และจากที่ได้ลงพื้นที่ภาคอีสานตอนบนและพบกับมวลชนคนเสื้อแดงระดับล่าง มีหลายคนไม่เห็นด้วยกับแนวทางการเคลื่อนไหวแบบแตกหัก มีเพียงแกนนำระดับสูงและพวกฮาร์ดคอร์บางคนเท่านั้น

ด้านนายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า จากสถาน การณ์ในวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีมติคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ 7.6 หมื่นล้านบาท สิ่งที่น่าห่วงคือ กลุ่มคนเสื้อแดงอาจสร้างสถาน การณ์ ก่อวินาศกรรมให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ทางพรรคจึงเสนอให้รัฐบาลใช้สื่อของรัฐนำเสนอข้อมูลข่าวสารถูกต้องให้มากที่สุด หยุดสร้างเงื่อนไขเชิงลบทุกประการ โดยเฉพาะการทุจริตคอร์รัปชั่น และการใช้อำนาจหน้าที่ที่ผิดพลาด รัฐบาลต้องกล้าหาญที่จะดำเนินการตามกฎหมายกับแกนนำที่เคลื่อนไหวผิดกฎหมาย รวมถึงกำหนด มาตรการที่เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยด้วย.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook