พาณิชย์เบรกผู้ผลิตขอขึ้นตรึงราคาสินค้าต่อ3เดือน

พาณิชย์เบรกผู้ผลิตขอขึ้นตรึงราคาสินค้าต่อ3เดือน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
พาณิชย์ ช่วยลดค่าครองชีพชาวบ้าน สั่งผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้าต่ออีก 3 เดือน ถึง มี.ค.นี้ หลังผู้ผลิตแห่ขอขึ้นราคาอ้างต้นทุนสูง พรทิวา เอาใจต่อทุ่ม 180 ล้าน จัดงานธงฟ้าขายของถูกทั่วประเทศ พร้อมชง ครม. ขยายมาตรการคุมสินค้าควบคุม 40 รายการต่ออีกปี ขณะที่นายกสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 7 ระบุพ่อค้าน้ำตาลเริ่มลักลอบขายประเทศเพื่อนบ้านหวังกำไรส่วนต่าง หลังราคาโลกสูงกว่าไทย

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคประเภทต่าง ๆ ให้ตรึงราคาขายเดิมต่อไปอีก 3 เดือน หรือจนถึงสิ้นเดือน มี.ค.นี้ เพื่อช่วยเหลือลดค่าครองชีพแก่ประชาชน เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ประกอบการบางราย เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ เหล็กแผ่นที่นำมาทำผลิตภัณฑ์บรรจุกระป๋อง สายไฟฟ้า และน้ำปลา ได้ทำเรื่องเพื่อขอปรับราคาสินค้าเข้ามาแล้ว โดยมองว่าแม้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว แต่ยังไม่เหมาะสมที่จะปรับราคาสินค้า เพราะ จะเป็นการเพิ่มภาระและกระทบต่อรายจ่ายของประชาชน

นอกจากนี้กระทรวงจะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจาก ครม. จำนวน 180 ล้านบาท มาช่วยลดค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนเป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่ ม.ค.-มี.ค. โดยกระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าจัดโครงการธงฟ้าสัญจรจำหน่ายสินค้าราคาถูก กว่าท้องตลาด 10-20% ทั่วประเทศ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ รวมถึงเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าแก่ผู้ผลิต ซึ่งจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนใะบบเศรษฐกิจและการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตามพื้นที่ภูมิภาค

กระทรวงมีแผนดูแลราคาสินค้า อุปโภคบริโภคอย่างใกล้ชิด แต่หากผู้ผลิตสินค้ารายใดไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ก็สามารถเสนอรายละเอียดมาให้กรมการค้าภายในพิจารณา ซึ่งถ้ากระทบ ต่อต้นทุนที่แท้จริงก็จะพิจารณาตามความเหมาะสมให้ ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น เช่น สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก ยาสระผม ที่คนเป็นห่วงจะขึ้นราคา ก็เชื่อว่าไม่น่าขึ้นราคาใน 3 เดือนนี้ นางพรทิวา กล่าว

รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อว่า ในการ ประชุม ครม. วันที่ 19 ม.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะเสนอบัญชีควบคุมสินค้าและบริการจำนวน 40 รายการ เช่น นมผง/นมสด, นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม/โยเกิร์ต, ครีมเทียมข้นหวาน นมข้น นมคืนรูป นมแปลงไขมัน, เครื่องแบบนักเรียน, น้ำตาลทราย, ข้าวสาร/ข้าวเปลือก, เนื้อสุกร รวมถึงสถานี บริการก๊าซเอ็นจีวีซึ่งเป็นรายการควบคุมใหม่ และบัญชีรายการสินค้าที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษอีก 202 รายการ ตามมติของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่ให้ขยายการควบคุมต่อไปอีก 1 ปีจากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือน ก.พ.นี้ ให้ ครม. รับทราบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฉวยโอกาสปรับราคาเกินความจำเป็น

หากประชาชนพบเห็นไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้า หรือจำหน่ายราคาแพงเกินจริงสามารถร้องเรียนสายด่วน 1569 ได้ทันที นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำกรอบยุทธศาสตร์การค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่จะช่วยขยายเศรษฐกิจภายในประเทศให้มีอัตราการเติบโต โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายตัวเลขการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น 14% คิดเป็นมูลค่าเกิน 1.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการเติบโตของจีดีพีขยายตัว 4% มากกว่าที่หน่วยงานอื่นคาดการณ์ไว้ว่าจีดีพีจะอยู่ที่ 3-3.5%

ด้าน นายกำธร กิติโชติทรัพย์ นายกสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 7 กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำตาลทรายว่า ราคาน้ำตาลทรายขาวในตลาดโลกขณะนี้อยู่ในระดับสูงถึง 760 กว่าดอลลาร์ต่อตัน หากเทียบกับราคาน้ำตาลทรายขาวที่ขายหน้าท่าเรือจะเท่ากับอยู่ที่ระดับ 25-26 บาทต่อกิโลกรัม แต่ราคาน้ำตาลทรายขาวหน้าโรงงานของไทยขายส่งอยู่ที่ระดับ 19 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น ทำให้เกิดส่วนต่างราคามากถึง 5-6 บาทต่อกิโลกรัม ดังนั้นจึงเริ่มมีการลักลอบนำน้ำตาลทรายขาวไปขายต่างประเทศบ้างแล้วเพื่อหวังกำไรส่วนต่าง

ทั้งนี้ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการลักลอบจำหน่ายน้ำตาลทรายไปต่างประเทศที่มีนายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการสำนักงานอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นประธาน เพื่อหาแนวทางป้องกันปัญหาล่วงหน้า.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook