"กรณ์"ประกาศ9มาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

"กรณ์"ประกาศ9มาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยและผู้บริหารกระทรวงการคลัง ร่วมกันแถลงผลดำเนินงานปี 2553 โดยมาตรการของกระทรวงการคลังเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อ เนื่อง ประกอบด้วย  1.นโยบายแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ  หลังจากเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบจำนวน  965,377  คน  มูลหนี้ 102,000  ล้านบาท ซึ่งในวันที่  22  มกราคมนี้ จะเดินทางไปดูมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ให้กับประชาชนครั้งแรก และรัฐบาลจะสานต่อดูแลภาระหนี้ให้กับรายย่อย ด้วยการใช้ระบบไมโครไฟแนนซ์ ดูแลประชาชน 2. การเดินหน้าตามแผนพัฒนาตลาดเงินระยะ 2  ด้วยการเพิ่มระดับการแข่งขันของสถาบันการเงินให้มีรายใหม่เข้ามาในระบบ  การเพิ่มนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน  รวมถึงการผลักดันให้มีต้นทุนบริการประชาชนต่ำลง3.แผนพัฒนาตลาดทุน  โดยกระทรวงการคลังพร้อมผลักดันและแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ  เกี่ยวกับตลาดทุน การเชื่อมโยงกับตลาดโลก และรองรับความผันผวนต่าง ๆ  เพื่อให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง  4.การตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ  เพื่อให้รัฐบาลส่งเงินสมทบร่วมกับสมาชิก  100  บาทต่อเดือน  ซึ่งมีแรงงานนอกระบบ  พ่อค้าแม่ค้า  หาบเร่แผงลอย  คนขับแท็กซี่ เกษตรกร กว่า  20  ล้านคน  ต้องการหลักประกันเหมือนกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือกองทุนประกันสังคมของบริษัท  เพื่อให้มีหลักประกันชีวิตหลังเกษียณอายุทำงาน  โดยขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังตรวจร่างกฎหมาย5.การเพิ่มบทบาทให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนโครงการของรัฐ (PPP)  เนื่องจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี  2553  มีงบลงทุนเพียงร้อยละ 12.5  ของวงเงินรายจ่าย  นับว่าเป็นกำลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้น้อย  จึงต้องใช้เงินลงทุนจาก พ.ร.ก.การให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคง ทางเสรษฐกิจ ซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณมาร่วมกับภาคเอกชนลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐให้ มีเงินลงทุนในระบบประมาณร้อยละ 25 เพื่อมีกำลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตมากขึ้น6.มาตรการสินเชื่อรายย่อย ด้วยการให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ดูแลสินเชื่อรายย่อยให้มากขึ้น  ในส่วนของ ธ.ก.ส.จะมีการตั้งธนาคารชุมชนเป็นหน่วยงานอิสระแยกจาก ธ.ก.ส.ในอนาคต เพื่อให้สามารถปล่อยสินเชื่อและดูแลรายย่อยได้มากขึ้น  7.การดูแลบัตรเครดิต  ด้วยการผลักดัน พ.ร.บ.บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล 8.การทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม  ซึ่งเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาเร็ว ๆ นี้  เพราะเป็นสิ่งเดียวที่ต้องเร่งแก้ไขให้กับประชาชนลืมตาอ้าปากได้  และ  9.การเดินหน้าผลักดัน พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง  โดยเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน 1 เดือน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำสร้างความยุติธรรมในการจัดเก็บภาษี"ยืนยันว่าจะสามารถผลักดันกฎหมายต่าง  ๆ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้าง และทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต่อไปได้  แม้ที่ผ่านมารัฐมนตรีที่เสนอกฎหมายดังกล่าวอาจหลุดจากตำแหน่ง  เนื่องจากมีการคัดค้านจากหลายฝ่าย ซึ่งปัจจุบันการจัดเก็บภาษีในสัดส่วน 90%  มาจากรายได้ของประชาชนและภาคเอกชน ส่วนภาษีเพียง 10%  มาจากทรัพย์สิน  งควรเพิ่มสัดส่วนภาษีจากทรัพย์สินมากขึ้น"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook