คาดหุ้นไทยพรุ่งนี้ทรงตัว-ชนแนวต้าน752จุด

คาดหุ้นไทยพรุ่งนี้ทรงตัว-ชนแนวต้าน752จุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายวีระชัย ครองสามสี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและรักษาการผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในวันนี้ค่อนข้างแกว่งตัว โดยเคลื่อนไหวสลับทั้งแดนบวกและลบ แต่ถือว่ามีความแข็งแกร่งมากกว่า เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย  เนื่องจาก มีเม็ดเงินไหลเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งแม้ไม่ได้เข้ามาในตลาดหลักทรัพย์โดยตรงแต่นับว่าถือเป็นสัญญาณที่ดี  โดยเม็ดเงินต่างประเทศส่วนใหญ่ไหลเข้าไปในตลาดพันธบัตรเป็นหลัก นอกจากนี้ ประเด็นเกี่ยวกับการควบรวมกิจการต่างๆ อาทิ การควบรวมบริษัทในเครืองของ PTT ประกอบกับการคาดการณ์ผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ ดังนั้นจึงหนุนนำดัชนีฯไว้ได้'ปัจจัยที่ชี้นำตลาดมี 2 ส่วน คือผลประกอบการของสถาบันการเงินและเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ส่วนตัวชี้นำตลาดหุ้นสหรัฐ เป็นเรื่องผลประกอบการของสถาบันการเงิน ที่จะมีรายงานออกมาถ้าเป็นบวกก็มีผลต่อตลาดหุ้น เพราะก่อนหน้านี้การรายงานที่ลดลงของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคได้ประกาศผลประกอบไตรมาส 4/52 มีตัวเลขออกมาน่าผิดหวัง เพราะฉะนั้นถ้ารายงานออกมาดีก็จะดึงความเชื่อมั่นกลับมา'นายวีระชัยกล่าว สำหรับ ราคาน้ำมันดิบไลท์ล่วงหน้าสัญญาส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ที่ตลาดนิวยอร์ค ปิดตลาดที่ราคา 78  ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.39 ดอลลาร์ หรือ 1.75% ดัชนี ดาวโจนส์ ล่วงหน้า ตลาดหุ้นนิวยอร์ค เวลา 16:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 10,570.00 จุด เพิ่มขึ้น 7.00 จุด ทั้งนี้เปิดตลาดที่ระดับ 10,550.00 จุด ปิดตลาดครั้งก่อนที่ระดับ 10,563.00 จุด หรือ 0.07 %    ดัชนี ฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 21,460.01 จุด ลดลง 194.15 จุด หรือ -0.90 % ดัชนี นิกเกอิ  ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดตลาดที่ระดับ 10,855.08 จุด ลดลง 127.02 จุด หรือ -1.16 % ดัชนี สเตรทไทม์  ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดตลาดที่ระดับ 2,912.02 จุด เพิ่มขึ้น 3.60 จุด หรือ 0.12 % ดัชนี คอมโพสิต ตลาดหุ้นโซล ปิดตลาดที่ระดับ 1,711.78 จุด เพิ่มขึ้น 9.98 จุด หรือ 0.59 %   ส่วนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะนี้ที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากค่าเงินสกุลดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ซึ่งทุกฝ่ายกังวลภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง ดังนั้นสต็อกน้ำมันและค่าเงินดอลลาร์จึงส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าว รวมทั้งจากที่ประเทศจีนคุมเข้มนโยบายทางการเงิน อันมีผลต่อจิตวิทยา และมีผลต่ออุปสงค์ เนื่องจากจีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกทดแทนสหรัฐ ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์รับข่าวดังกล่าวด้วยในช่วงสั้น อย่างไรก็ดีมองว่าในปีนี้ นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่าจีนจะสามารถขยายตัวได้ราว 10.9% ซึ่งมากกว่าทางการจีนคาดไว้อยู่ที่ 10.3% ซึ่งสะท้อนความร้อนแรงทางเศรษฐกิจจีน ส่วนในระยะยาวยังคงมองว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้ ส่วนปัจจัยที่ส่งผลกระทบในเชิงจิตวิทยา ในประเด็นทางการเมืองส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนไม่มากนักสำหรับตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ (19 ม.ค. 53) คาดว่า ดัชนีฯจะเคลื่อนไหวทรงตัว โดยปัจจัยที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีฯเป็นประเด็นเดียวกับวันนี้ โดยประเมินแนวรับหลักอยู่ที่ 740 จุด ซึ่งหากสัปดาห์นี้การเคลื่อนไหวของดัชนีฯไม่ต่ำกว่าระดับดังกล่าว มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปสู่จุดสูงสุดเดิมที่ 752 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ และหากผ่านแนวต้าน ดังกล่าวได้ก็จะมีสัญญาณซื้อชัดเจนมากขึ้น สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ทยอยซื้อ ในกลุ่มเกษตร อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ นอกจากนี้สามารถเก็งกำไรในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มพลังงานและปิโตเคมี รวมทั้งกลุ่มที่ธนาคารที่คาดว่าผลประกอบการจะออกมาดี อีกทั้งกลุ่มรับเหมา ที่ช่วงนี้มีประเด็นข่าวการประมูลสัญญารถไฟฟ้าสายสีม่วง และการเปิดขายซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องจับตาต่อไป               

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook