บลจ.ทิสโก้ ปลื้มผลงานกองหุ้นโดดเด่นเตรียมออกกองทุนเพิ่ม

บลจ.ทิสโก้ ปลื้มผลงานกองหุ้นโดดเด่นเตรียมออกกองทุนเพิ่ม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บลจ.ทิสโก้ โชว์ผลงาน “ธุรกิจกองทุนรวม” ปลื้มผลตอบแทนกองหุ้นเด่นเข้าตา ขนาดกองทุนน้ำมันใหญ่สุดในประเทศไทย พร้อมเปิดแผนธุรกิจกองทุนรวมปีเสือ  มุ่งตอบโจทย์นักลงทุนเกาะกระแสภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว นายธีรนาถ  รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน  ทิสโก้ จำกัด  เปิดเผยว่า  การดำเนินงานธุรกิจกองทุนรวม (Mutual Fund) ของ บลจ.ทิสโก้ ในช่วงปี 2552 ที่ผ่านมานั้น มีผลงานอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจมาก  โดยเฉพาะในส่วนของกองทุนหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 12 เดือน ได้โดดเด่น  โดยข้อมูลจาก สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ณ วันที่ 13 มกราคม 2553 ระบุว่า กองทุนเปิดทิสโก้ ทวีทุน  ให้ผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ 91.276%  กองทุนเปิดทิสโก้ หุ้นทุนปันผล ให้ผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ 90.899% และกองทุนเปิด ทีซีเอ็มหุ้นทุน ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 90.563%  ซึ่งเป็นระดับผลตอบแทนที่ติดอันดับ 1 ถึง 3 ตามลำดับ ของกองทุนรวมประเภทตราสารทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด  นอกจากนี้กองทุนเปิดทิสโก้แอ็กเกรสซีฟโกรทฟันด์ ซึ่งให้ผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ 91.589% กองทุนเปิดทิสโก้เฟล็กซิเบิ้ลฟันด์ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังอยู่ที่ 89.445% และกองทุนเปิดทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์ ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 91.906% ก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน นอกจากผลงานของกองทุนหุ้นแล้ว ในปี 2552 กองทุนน้ำมันของ บลจ.ทิสโก้ ยังนับว่ามีขนาดของกองทุนน้ำมันใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจากแนวโน้มที่ขนาดของกองทุนดังกล่าวยังจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง  ทำให้ทาง บลจ.ทิสโก้ได้เตรียมรองรับความต้องการของนักลงทุนด้วยการเพิ่มทุน กองทุนเปิด ทิสโก้ ออยล์ ฟันด์ อีก 1,000 ล้านบาท พร้อมประเมินว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปี 2553 นี้ จะอยู่ที่ประมาณ 80 – 85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สำหรับกองทุนรวมที่ บลจ.ทิสโก้ ได้นำเสนอตลอดปี 2552 จำนวน 23 กองทุนนั้น จะมุ่งเน้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนอย่างครบถ้วน ทั้งที่ต้องการความเสี่ยงน้อยจนไปถึงความเสี่ยงสูง ซึ่งจะให้ผลตอบแทนสูงตามไปด้วย เช่น  กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส อิควิตี้ ฟันด์, กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้ภาครัฐสกุลเงินออสเตรเลีย,  กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส,  กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์  เจแปน เพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้ภาครัฐเกาหลี  ซึ่งปัจจุบันเปิดขายถึงกองที่ 6 แล้ว เป็นต้น  ส่วนผลงานของ กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรนิวซีแลนด์  ซึ่งได้ขอมติผู้ถือหน่วยลงทุนขยายเวลาโครงการออกไปนั้น ผลตอบแทนได้เริ่มทยอยเข้าเป้าหมายจนทำให้ปิดบางกองไปแล้ว และคาดว่าเร็ว ๆ นี้น่าจะสามารถปิดกองได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ในปี 2553 นี้ ยังถือเป็นปีที่ยังต้องจับตาดูว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของประเทศไทยจะสามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่องหรือไม่ โดยในส่วนของภูมิภาคเอเซียน่าจะมีการปรับตัวที่ดีขึ้นค่อนข้างมาก โดยบางประเทศ เช่น จีนและอินเดีย น่าจะเห็นตัวเลขการเติบโตถึงสองหลัก  ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกก็คงจะเป็นขาขึ้น แต่คงจะเริ่มเห็นการทยอยปรับขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง   ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้น การลงทุนที่น่าใจสนใจปีนี้ ก็ยังคงเป็นการลงทุนทั้งในหุ้นของไทย เอเชีย  สหรัฐอเมริกา  รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันและทองคำ จึงยังเป็นส่วนที่น่าลงทุนอยู่ เพราะจะมีปัจจัยบวกมาสนับสนุนอยู่เป็นจำนวนมาก  แต่ในส่วนของหุ้นในยุโรปและตลาดเกิดใหม่ในแถบเอเชียตะวันออกกลางนั้น ยังคงต้องมีความระมัดระวังเพราะยังมีปัจจัยลบกดดันอยู่  ดังนั้นกองทุนที่ บลจ.ทิสโก้จะนำเสนอนั้นจะยังมุ่งเน้นตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนที่เหมาะสมกับภาวะในตลาดเป็นหลัก อนึ่ง ณ วันที่  31 ธันวาคม  2552  ธุรกิจจัดการกองทุนของ บลจ. ทิสโก้  มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร จำนวน 123,286.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  16,301.23  ล้านบาท หรือ 15.2% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่แล้ว โดยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารแบ่งเป็นสัดส่วนของกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ 57.2% กองทุนส่วนบุคคล 30.7% และกองทุนรวม 12.2% และมีส่วนแบ่งตลาด ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 เป็นอันดับที่ 7 ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดเท่ากับ 5.1 % แบ่งเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นอันดับ 3 โดยมีส่วนแบ่งตลาด 13.5 % สําหรับกองทุนส่วนบุคคลมีส่วนแบ่งตลาดมากเป็นอันดับที่ 2 มีส่วนแบ่งตลาด 17.6% และกองทุนรวมอยู่ที่อันดับที่ 15 มีส่วนแบ่งตลาด 0.9 % ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจจัดการกองทุนในปี 2552 เท่ากับ 642.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 153.19 ล้านบาท หรือ 31.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมผันแปรจากผลประกอบการของกองทุนจํานวน 129.77 ล้านบาท หรือ 752.1% และมีรายได้ค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนพื้นฐานเพิ่มขึ้น 23.42 ล้านบาท หรือ  5% โดยสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร และผลตอบแทนของกองทุนที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook