ส่งออกธ.ค.52โตสูงสุด26%
การส่งออกที่เพิ่มขึ้นมาจากความต้องการในตลาดโลกที่ฟื้นตัวขึ้นมาก ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับ สต๊อกผู้นำเข้าในต่างประเทศลดลง ทำให้มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น ทั้งสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรม เพื่อรองรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ รวมถึงความสำเร็จของมาตรการเร่งรัด ผลักดันการส่งออกร่วมกันของรัฐและเอกชน จึงทำให้การส่งออกไตรมาส 4 ปีก่อน ขยายตัวเป็นบวกไตรรั้งแรกในรอบปีโต 11.9% มูลค่า 43,281 ดอลลลาร์สหรัฐ
สำหรับเป้าหมายปี 53 กระทรวงพาณิชย์คาดว่าขยายตัวที่ 14% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 172,000 ล้านดอลลาร์ฯโดยแบ่งเป็นไตรมาส 1 ตั้งเป้าหมายขยายตัว 14-18% มูลค่า 39,000 ล้านดอลลาร์ฯ ไตรมาส 2 คาดโต 19-23% มูลค่า 40,000-42,000 ล้านดอลลาร์ฯ ไตรมาส 3 คาดโต 11-15% มูลค่า 46,000 ล้านดอลลาร์ฯและไตรมาส 4 คาดโต 5-8% มูลค่า 45,000 ล้านดอลลาร์ฯ
เป็นห่วงค่าเงินบาทที่อาจแข็งค่าขึ้น เพราะมีเงินจากการค้าขายระหว่างประเทศไหลเข้ามา ส่งผลให้ผู้ส่งออกเอาเงินดอลลาร์ฯมาแลกซื้อบาท ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากขึ้น แต่ยังคาดไม่ได้ว่าจะแข็งค่าที่ระดับใด หรือจะแข็งค่านานเพียงใด
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรม ส่งเสริมการส่งออกกล่าวว่า มูลค่าการส่งออก เดือนธ.ค.ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบปีนั้น เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้าติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 42.1% จากการเพิ่มขึ้นของ ข้าว ยางพารา ผภัณฑ์มันสำปะหลัง น้ำ ตาลและอาหาร ยกเว้นไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง และแปรรูป
ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 18.6% จากการเพิ่มขึ้นกลุ่มเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) สิ่งทอ เครื่องสำอาง สิ่งพิมพ์ ฯลฯ อีกทั้งยังมีอีกหลายกลุ่มกลับมาส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรก เช่น เครื่อง เดินทาง เครื่องหนัง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน อาหารสัตว์เลี้ยงและของเล่น ขณะที่อุตสาหกรรมที่ยังส่งออกลดลง เช่น เครื่องใช้เครื่องประดับตกแต่งบ้าน นาฬิกาและส่วนประกอบ และเครื่องกีฬา.