เสื้อแดงเตรียมระดมคนชุมนุม

เสื้อแดงเตรียมระดมคนชุมนุม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ณัฐวุฒิ เตรียมระดมคนชุมนุมสนามบิน สุวรรณภูมิ สัปดาห์หน้า ขณะที่ แกน นำขนเสื้อแดงบุก ดีเอสไอ กล่าวหา อภิ สิทธิ์-พีระพันธุ์ เจตนาถ่วงฎีกาอภัยโทษ ทักษิณ เปิดคลิปเสียง นพดล พิทักษ์วานิช อ้างเป็นเจ้าของพี่ดินเขายายเที่ยง ที่ตกเป็นของ สุรยุทธ์ แฉไม่เคยขายที่ดังกล่าว ระบุโอนลอยให้ พันเอก โดยไม่ได้เงินสักบาท ด้าน กมธ.เรียก อธิบดีป่าไม้แจง ระบุถ้าตรวจพบว่าผิด ต้องรื้อทรัพย์สินออกภายใน 30 วัน อริสมันต์ ขู่หากไม่ยอมออก เตรียมบุกบ้านองคมนตรี ผู้พิพากษา ส่วน วธ. แจ้งกองปราบฯ ดำเนินคดี บก.นสพ.ไทยเรดนิวส์ ไม่จดทะเบียนแจ้งการพิมพ์ ระบุมีโทษทั้งจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกินหมื่นบาท

* แจ้งจับ บก.นสพ.ไทยเรดนิวส์

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจาก นางวิลาวัณย์ ทรัพย์พันแสน ผู้อำนวยการสำนักหอสมุดแห่งชาติ ว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้ดำเนินการแจ้งความที่กองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีกับ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข บรรณาธิการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์ กรณีหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวตีพิมพ์และ วางจำหน่าย โดยไม่ได้มีการยื่นขอจดทะเบียนการพิมพ์ตามมาตรา 11 ของ พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 ที่บัญญัติไว้ว่า หนังสือพิมพ์ซึ่งพิมพ์ขึ้นภายในราชอาณาจักร ต้องจดแจ้งการพิมพ์ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ เมื่อไม่ปฏิบัติตามมีโทษทางอาญา ในมาตรา 25 ผู้ใดออกหนังสือพิมพ์โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับจดแจ้งตามมาตรา 11 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวยังกระทำความผิดในมาตรา 9 ซึ่งกำหนดว่า ให้ผู้พิมพ์ส่งสิ่งพิมพ์ตามมาตรา 8 จำนวน 2 ฉบับ ให้กับหอสมุดแห่งชาติ ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่เผยแพร่ซึ่งขณะนี้ทางสำนักหอสมุดแห่งชาติยังไม่ได้รับหนังสือพิมพ์ดังกล่าว

นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ภายหลังสำนักหอสมุดแห่งชาติ ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับหนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์แล้ว หลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการดำเนินการเรียกตัวบรรณาธิการมาสอบสวน และรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งตนเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นตัวอย่างของการเอาผิดกับหนังสือพิมพ์ และนิตยสารที่ไม่มาขอจดแจ้งการพิมพ์ และต่อจากนี้ ทางกรมศิลปากร จะมีการเข้มงวดในการตรวจสอบมากขึ้น

* ปลัดกห.ชี้เสื้อแดงจุดประเด็น

ที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 (บน.6) พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะการเดินทางเพื่อทวงถามความคืบหน้าการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงคงดำเนินการเพื่อตรวจสอบคำร้องเรียนของเขา ทั้งนี้ทางกองทัพไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ส่วนความเหมาะสมนั้นคิดว่า ความถูกต้องก็จะต้องรอในการตรวจสอบก่อน ค่อยออกมาเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามการออกมากดดันองคมนตรี และสำนักราชเลขาธิการ นั้นคงพยายามจุดประเด็นเพื่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา เป็นสิ่งที่เขาพยายามดำเนินการเพื่อให้เป็นประเด็นปัญหา ในส่วนของกองทัพคงติดตามการเคลื่อนไหวของเขา

* เชื่อว่า 10 วันไม่ได้อันตราย

เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะลุกลามบานปลายเหมือนในอดีต พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เข้าใจว่าคงไม่มีปัญหาอะไร หากไม่มีการดำเนินการอะไรที่เป็นประเด็นปัญหาขึ้นมา ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าใกล้ถึงวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะเกิดความรุนแรง พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ก็คงจะเป็นการวางแผนของเขา แต่ทางกองทัพก็คงติดตามความเคลื่อนไหวคงไม่ได้ทำอะไร ส่วนที่มีการระบุว่าระหว่างวันที่ 16-26 ก.พ.นี้ เป็นช่วง 10 วันอันตรายนั้นตนไม่ได้มองว่าเป็นอันตราย ถ้าเราไม่ได้ทำอะไร ให้เป็นเรื่องที่รุนแรงขึ้นมาก็ไม่มีปัญหาอะไร และเหตุการณ์ไม่น่าจะเลวร้ายแบบสงกรานต์ปีที่แล้ว เพราะช่วงเดือน เม.ย. เราก็มีบท เรียนอยู่แล้ว คงไม่ทำอะไรในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเราก็พยายามทำในสิ่งที่ถูกต้อง และไม่ให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นมา

* ไม่แก้ปัญหาด้วยการปฏิวัติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรที่บอกว่าจะทำสงครามครั้งสุดท้าย พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า สุดท้ายมาหลายครั้งแล้ว ไม่ต้องห่วงคงไม่มีประเด็นปัญหาที่ต้องห่วงใย ทางกองทัพ และตำรวจ ติดตามดูแลสถาน่แล้ว และทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อย เท่าที่จะทำได้ เมื่อถามย้ำว่า กองทัพยืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่นำกำลังทหารออกมาแก้ไขปัญหาความวุ่นวายของบ้านเมืองด้วยการ ทำปฏิวัติรัฐประหาร พล.อ.อภิชาต กล่าว ว่า ยืนยันเต็มที่ว่ากองทัพไม่มีความคิดที่ จะนำกำลังทหารเข้ามาแก้ไขปัญหาด้วย การปฏิวัติ ในการแก้ไขปัญหาเรื่องการเมือง ฝ่ายการเมืองจะต้องแก้ไขปัญหาเอง ทั้ง นี้คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ เกิดความวุ่นวาย ประชาชนอยากจะเห็นความสงบสุขของชาติบ้านเมืองมากกว่า ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่จะทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือรุนแรงขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่พยายามสร้างสถานการณ์ หรือทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นมามันคงไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ

* คนขายที่เขายายเที่ยงโผล่

ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. แถลงว่า เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ตนได้ไปคุยกับนายนพดล พิทักษ์วาณิช ผู้ซื้อที่ดินบนเขายายเที่ยง ต่อจาก นายเบ้า สินนอก หรือพระเบ้าใน ปัจจุบัน ซึ่งนายนพดลในอดีตเป็นนักธุรกิจคนสำคัญใน จ.นครราชสีมา ยุคที่ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นแม่ทัพ ภาค 2 แต่สภาพของนายนพดลวันนี้ต่างจากในอดีต เพราะต้องหลบซ่อน มีคนตามคุกคามทั้งที่บ้านพักและสถานที่ต่าง ๆ นายนพดลได้มาคุยกับตน และไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัว เพราะเกรงอันตราย โดยนายนพดลระบุว่าไม่มีการซื้อขายที่ดินดังกล่าว และไม่มีการชำระเงินแม้แต่บาทเดียว

* ระบุโอนลอยให้ พันเอก

หลังจากนั้น นายณัฐวุฒิ ได้เปิดคลิป เสียงบันทึกของนายนพดล โดยอ้างว่าได้รับการยินยอมให้บันทึกการสนทนาประมาณ 10 นาที ซึ่งในคลิปเป็นเสียงของชายคนหนึ่ง ที่ระบุว่าเป็นนายนพดล เจ้าของที่ดินบนเขายายเที่ยง โดยซื้อที่ดินต่อมาจาก นายเบ้า ในราคา 7 แสนบาท และถือครองมาเป็นเวลา 4 ปี ซึ่งในคลิปเสียงเป็นการสนทนาถามตอบระหว่าง นายณัฐวุฒิและนายนพดล โดยมีใจความสรุปว่า นายนพดล ประสบปัญหาเศรษฐกิจจากการทำโครงการหมู่บ้านจัดสรร และดำเนินการต่อไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีโครงการใหญ่อีกโครงการ ซึ่งไม่มีใครอนุมัติ จึงหมดกำลังใจที่จะทำงานในประเทศไทย จึงคิดที่จะไปทำงานต่างประเทศ และได้เซ็นโอนลอยที่ดินดังกล่าวให้ พันเอก.......... เพราะมีผู้ใหญ่อยากได้ และยืนยันไม่เคยได้รับเงินจากใคร

* ยันเนื้อที่ 21 ไร่ ไม่ใช่ 20 ไร่

ยืนยันว่าที่ดินบนเขายายเที่ยง ที่ผมเคยครอบครองมีทั้งหมด 21 ไร่ ไม่ใช่ 20 ไร่ และที่เคยมีการรังวัดพบว่ามีที่ดินเพิ่มเป็น 26 ไร่ 8 ตารางวา ก็ไม่ทราบว่างอกออกมาได้อย่างไร เพราะไม่ใช่พื้นที่ติดแม่น้ำหรือชายทะเล หากงอกมาได้ก็พิสดาร ส่วนจะรุกเพิ่มหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่ผมซื้อมา 21 ไร่ ทั้งนี้เห็นว่าพื้นที่ส่วนใกล้เคียงชาวบ้านก็ถูกดำเนินการหมดแล้ว ถ้ารู้แบบนี้ผมน่าจะถือที่ดินผืนนี้ครองเอาไว้ เพราะมีเทพศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้ขนาดนี้ คลิปที่อ้างว่าเป็นเสียง นายนพดล กล่าว

* เตรียมชุมนุมที่ สุวรรณภูมิ

นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในสัปดาห์หน้า ว่า สัปดาห์นี้จะมีการประชุมแกนนำ นปช. โดยตนจะเสนอให้มีการติดตามคดีพันธมิตรฯยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ยังไม่มีความคืบหน้า โดยจะขอให้มวลชนเสื้อแดงทุกคนไปร่วมชุมนุมโดยสงบ ที่บริเวณทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ และยืนยันว่าจะไม่มีการยึดสนามบิน ไม่บุก ไม่ปิดทางเข้าและออกอาคาร และไม่คุกคามผู้โดยสารหรือเจ้าหน้าที่ โดยจะเชิญกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดีเกี่ยวกับการชุมนุมมาร่วมด้วย เช่น กลุ่มชาวนา และกลุ่มพนักงานไทรอัมพ์ โดยจะให้ทุกหน่วยงานมาแสดงพลัง ทั้งนี้ตนได้ไปสำรวจพื้นที่สองข้างถนน พบปกติมีการเอารถไปจอดไว้ข้างละคันอยู่แล้ว โดยไม่กระทบต่อการจราจร ซึ่งหากเป็นไปได้จะเริ่มการชุมนุมในสัปดาห์หน้าโดยใช้เวลาในการชุมนุมไม่เกิน 1 ชั่วโมง

* ขู่บุกบ้านองคมนตรีทุกคน

ด้านนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. กล่าวว่า หลังจากที่แกนนำได้เดินทางไปทำเนียบองคมนตรีเพื่อยื่นหนังสือให้ พล.อ.สุรยุทธ์ แสดงความรับผิดชอบ กรณีครอบครองที่ดินเขายายเที่ยง ทั้งนี้ หากยังไม่ตัดสินใจใด ๆ กลุ่มคนเสื้อแดงจะไปตามบ้านองคมนตรีทุกคนเพื่อไปถามว่า องคมนตรีทุกคนเห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ และคิดอย่างไร รวมทั้งจะเดินทางไปบ้านผู้พิพากษาอีกหลายคน ซึ่งเรื่องนี้จะได้ข้อสรุปว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งหลังชุมนุมที่เขาสอยดาว จ.จันทบุรี และถ้ายังไม่ได้คำตอบอีก อาจจะยื่นถวายรายงานต่อสำนักพระราชวัง เพื่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบว่า คนที่อยู่ใกล้เบื้องพระยุคลบาทได้กระทำ การอย่างนี้

* ป่าไม้ขอเวลาตรวจ 60 วัน

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.30 น. คณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายเจริญ จรรย์โกมล เป็นประธาน ซึ่งกรรมาธิการฯได้มีการพิจารณาญัตติการใช้งบประมาณของกรมป่าไม้ กรณีโครงการจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ รวมถึง การยึดครองที่ดินเขายายเที่ยง ที่ จ.นครราช สีมา ของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องค มนตรี พร้อมทั้งได้เชิญ นายสมชัย เพียรสถาพร อธิบดีกรมป่าไม้มาชี้แจง ซึ่ง กมธ. ปชป. ต่างพยายามสอบถามว่าเหตุใดกรมป่าไม้ถึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องเขายายเที่ยงถึง 60 วัน ทั้งที่ทราบข้อมูลหมดแล้วว่า ใครถือครองสิทธิถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร นอกจากนี้ได้สอบถามถึงการดำเนินการของกรมป่าไม้ หากตรวจสอบพบว่าเป็นการถือครองสิทธิโดยไม่ชอบ

* ถ้าผิดต้องรื้อออกใน 30 วัน

ด้านอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า เหตุที่ต้องขอเวลา 60 วัน ในการดำเนินการ เพื่อดูข้อมูลในพื้นที่เขายายเที่ยง และนโยบายในการจัดการกับกลุ่มผู้ถือครอง แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางอัยการได้ส่งสำนวนเรื่อง ดังกล่าวมาให้เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ซึ่งตนได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทันที เพื่อตรวจสำนวน คาดว่าไม่เกิน 7 วัน หรือภายในสัปดาห์นี้ น่าจะสรุปเรื่องดังกล่าวได้ โดยหากตรวจสอบพบว่า เจ้าของที่ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าว ต้องให้ผู้ครอบครองพร้อมบริวารออกนอกพื้นที่ภายใน 30 วัน รวมถึงต้องรื้อถอนทรัพย์สินออกไปให้หมด ส่วนหากไม่ดำเนินการรื้อถอนก็จะมีมาตรการดำเนินการตามกฎหมายที่ต้องดำเนินการ

* เสื้อแดงจี้ ดีเอสไอ ทวงฎีกา

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กลุ่มแนวร่วมประชา ธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กว่า 100 คน นำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้ดีเอสไอดำเนินคดีกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม กรณีดำเนินการพิจารณาฎีกาเสื้อแดง เพื่อขออภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีล่าช้า หลังยื่นขออภัยโทษตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. 2552

นายวีระ กล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงต้องการร้องทุกข์ให้ดีเอสไอดำเนินคดีกับ นายอภิสิทธิ์ และนายพีระพันธุ์ ซึ่งตั้งข้อ สังเกตว่ามีเจตนาทำให้ฎีกาเกิดความล่าช้า โดยหลังจากกลุ่มเสื้อแดงได้ร่วมกันยื่นทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานความเป็นธรรม หรือฎีการ้องทุกข์ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ กลุ่มเสื้อแดงตั้งข้อสังเกตว่า เสมือนเป็นการกักเรื่องฎีกาไว้ ไม่ปล่อยไปให้พระมหากษัตริย์ได้ใช้ พระราชอำนาจตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ถือว่าบุคคลทั้งสองกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามที่กฎหมายกำหนดอันเป็นการกระทำความผิดหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงมีความเชื่อมั่นในองค์กรของดีเอสไอว่าจะเป็นที่พึ่งได้แม้ เรื่องดังกล่าวจะเกี่ยวพันกับการตรวจสอบผู้บังคับบัญชาก็ตาม

ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเป็นผู้รับหนังสือร้องทุกข์ กล่าวว่า ยินดีรับเรื่องไว้สู่การพิจารณา ซึ่งภายในสัปดาห์นี้จะตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมาทำหน้าที่พิจารณา โดยยืนยันว่าดีเอสไอจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาภายใต้กรอบของกฎหมายด้วยความรวดเร็ว.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook