บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะหุ้น20/01/53

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะหุ้น20/01/53

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 20/01/53กลยุทธ์การลงทุน แม้เช้านี้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะเปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ แต่คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ที่จะมาหักล้างการเมืองในประเทศที่เริ่มร้อนแรง กดดันนักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิต่อเนื่อง ทำให้คาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 730-745 จุด กลยุทธ์การลงทุนให้เลือกหุ้นกลาง-เล็ก ที่คาดว่าจะมีผลกำไรที่ดีมากในปี 2553 หรือจ่ายเงินปันผลสูงต่อเนื่อง เช่น AH, SAT, BCP, SC AOT ตกหนัก หวั่นกลุ่ม นปช. ชุมนุม กดดันรัฐฯ สะสางคดียึดสนามบินปลายปี 2551 ตามที่ได้นำเสนอไปเมื่อวานว่า ปัจจัยการเมืองน่าจะเริ่มเข้ามากดดันตลาดมากขึ้นในช่วงปลายเดือน ม.ค. เป็นต้นไป โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลเปิดประชุมสภาสามัญในวันพฤหัสบดีที่ 21 ม.ค. 2553 ทำให้ประเด็นการเมืองร้อน ๆ จะถูกนำหยิบยกขึ้นมาเพื่อพิจารณามากขึ้น  เริ่มตั้งแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็นเกี่ยวกับที่มาของ ส.ส. ตามมาด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พร้อม ๆ กับการเคลื่อนไหวนอกสภาฯ ของกลุ่ม นปช. โดยล่าสุดวานนี้ แกนนำกลุ่ม นปช. เปิดเผยว่าเตรียมจะเคลื่อนไหวเพื่อกดดันให้มีการติดตามคดีพันธมิตรยึดสนามบินฯ ในปลายปี 2551 โดยจะดึงแนวร่วม เช่น กลุ่มชาวนา ซึ่งได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดีเข้าร่วมชุมนุมด้วย เชื่อว่าปัจจัยการเมืองจะมีความร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งใกล้การตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของอดีตนายกฯ  ในปลายเดือน ก.พ. 2553 ซึ่งได้กดดัน SET Index ลดลงไปถึง 10 จุด วานนี้  และส่งผลให้หุ้น AOT ลดลงมากถึงเกือบ 7% ธ.พ. รายงานผลกำไรออกมาเป็นไปตามคาด หุ้น ธ.พ. มีโอกาสแกว่งตัวต่อไป หลังจากที่ TMB นำร่องรายงานผลประกอบการงวด 4Q52 ไปเป็นแห่งแรก วานนี้มี ธ.พ. ประกาศออกมาอีก 4 แห่ง คือ BBL, SCB, SCIB และ KBANK พบว่าส่วนใหญ่สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์กลุ่ม ธ.พ. ของ ASP คาดการณ์เอาไว้ (อ่านรายละเอียดหุ้นรายบริษัทใน Equity Talks วันนี้) กล่าวคือ ธ.พ. 7 แห่งคาดว่าจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 70% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เป็นผลจากสินเชื่อที่เติบโตสูงสุดของปีอันเป็นผลของฤดูกาลและการตั้งสำรองฯ ที่ลดน้อยลง หลังจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และคาดว่าในปี 2553 คาดว่าหุ้นกลุ่ม ธ.พ. น่าจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ราว 14% ภายใต้สมมติฐานสินเชื่อที่จะเติบโต 7.2%YoY เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก ซึ่งสอดคล้องกับ ธปท. ที่ให้ความเชื่อมั่นต่อการขยายสินเชื่อของสถาบันการเงินไทยว่าจะเติบโตสูงถึง 10% อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นยังถูดกดันจากปัจจัยการเมือง และแรงขายของนักลงทุนหากหุ้น ธ.พ. อ่อนตัวลง เชื่อว่าน่าจะเป็นโอกาสในการสะสมเพื่อการลงทุนระยะยาวคาดสำรองน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น หุ้นน้ำมันแกว่งตัว Switch จาก BANPU มายัง TOP, BCP ค่าเงินดอลลาร์ในสหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง โดยวานนี้ Dollar Index ปรับตัวขึ้นมาสู่ระดับ 75.53 จุด แข็งค่าขึ้น 0.6% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลกยังคงแกว่งตัวด้านข้างต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วัน หลังจากที่ลดลงราว 6% ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา  โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบตลาดล่วงหน้า Nymex ทรงตัวอยู่ที่ 78.57 เหรียญฯ ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบฟื้นตัวเล็กน้อย ดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ 76.56 เหรียญฯ หลังอ่อนตัวทดสอบแนวรับที่ 75 เหรียญฯ ในวันก่อนหน้า ขณะที่โพลล์รอยเตอร์คาดว่า ตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐที่จะประกาศในคืนนี้ น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสต็อกน้ำมันดิบคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันกลั่น) อาจเพิ่มขึ้นราว 0.4 ล้านบาร์เรล โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของน้ำมันเบนซิน 1.9 ล้านบาร์เรล น่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงมีทิศทางผันผวนและแกว่งตัวด้านข้างต่อเนื่องในวันนี้  ซึ่งน่าจะกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะหุ้นปิโตรเลี่ยม ซึ่งที่ผ่านมาลดลงน้อยกว่าราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลี่ยม โดยเฉพาะหุ้น  BANPU ที่ราคาหุ้นเต็มมูลค่าพื้นฐานปี 2553 แล้ว เช่นเดียวกับหุ้น PTTEP และ  PTT ในสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัว น่าจะส่งผลดีต่อการกลั่น (GRM) คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากงวด 1Q53 และต้นงวด 2Q53 จากผลของฤดูกาล จึงแนะนำซื้อสะสม  BCP(FV@B20) และ TOP(FV@B55.45) โดยราคาตลาดยังมี upside สูงถึง 35% และ 24% ตามลำดับ  นอกจากนี้ BCP ยังเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลสูงสุดถึง 13% ในปี 2552 และจะยังสูงถึง 8% ในปี 2553กลุ่มส่งออกยังฟื้นตัวต่อเนื่อง เน้นหุ้นชิ้นส่วนรถยนต์ AH, SAT กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือน ธ.ค. 2552 เพิ่มขึ้น 26.1% สูงสุดของปี 2552 และเป็นการฟื้นตัวต่อเนื่อง  2 เดือน ขณะที่นำเข้าเพิ่มขึ้นในอัตราสูงถึง 28% แต่ยังหนุนให้ประเทศไทยเกินดุลการค้าต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 แต่เชื่อว่าเงินบาทยังมีเสถียรภาพ  การฟื้นตัวของภาคส่งออกที่สูงดังกล่าว เป็นการสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และน่าจะผลักดันให้หุ้นในกลุ่มส่งออก (ยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์) ยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และวันนี้กลุ่มยานยนต์รายงานตัวเลขยอดขายในประเทศเดือน ธ.ค. 2552 เพิ่มขึ้น 26.4% จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ขณะที่ยอดขายรถยนต์สูงสุดในรอบ 36 เดือน ประกอบกับ AFTA มีผลบังคับให้อุปสรรคการค้าด้านภาษีในเขตอาเซียนหมดไปตั้งแต่ต้นปี 2553 น่าจะดีต่ออุตสาหกรรมส่งออกชิ้นส่วนฯ ของไทย  จึงแนะนำซื้อทั้ง SAT และ AH  

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook