พาณิชย์นำคณะสำรวจด่านสระแก้วตามกรอบอาฟตา

พาณิชย์นำคณะสำรวจด่านสระแก้วตามกรอบอาฟตา

พาณิชย์นำคณะสำรวจด่านสระแก้วตามกรอบอาฟตา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังนำคณะออกตรวจความพร้อม ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกและจุดผ่อนปรนบ้านหนองปรือ จังหวัดสระแก้ว หลังจากการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ในวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ว่า ได้ประชุมหารือและทำความเข้าใจกับหน่วยปฏิบัติตามแนวชายแดน เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการรองรับการเปิดตลาดภายใต้ AFTA

นางพรทิวา กล่าวว่า ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมศุลกากร กรมวิชาการเกษตร และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตรวจสอบการนำเข้าสินค้ามีความเข้าใจแนวทางปฏิบัติ และมาตรการรองรับการเปิดตลาด AFTA ในทิศทางเดียวกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้นำเข้า-ส่งออก ในการรับมือกับการเปิดตลาด AFTA พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกและจุดผ่อนปรน บ้านหนองปรือ

ทั้งนี้ ได้รับรายงานและรับทราบข้อมูลภายในบริเวณด่านชายแดนดังกล่าว ยอมรับว่าจะต้องมีการปรับปรุงในเรื่องเกี่ยวกับการให้บริการที่เกี่ยวกับการ ขนถ่ายสินค้าใหม่ จากเดิมการตรวจสอบและกักกันสินค้าประเภทพืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะเกี่ยวกับ พืชตกแต่งทางพันธุกรรม (GMO) และพืชปนเปื้อน ซึ่งกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะใช้ระยะเวลาการตรวจสอบอย่างน้อย 15 วัน ซึ่งเห็นว่าใช้ระยะเวลานานเกินควร ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จะหารือกับทางกระทรวงเกษตรฯ เพื่อปรับแนวทางดังกล่าวในการร่นระยะเวลาในการตรวจสอบให้เร็วขึ้น ประกอบกับจะปรับปรุงด้านการให้บริการและอำนวยความสะดวกบริเวณด่านชายแดนทุก ด่านทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็ว และจะพยายามขยายพื้นที่บริเวณด่านชายแดนที่จะอำนวยความสะดวกทางด้านการค้า ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีเป้าหมายจะจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในแต่ละด่านต่อไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่าในปีที่ผ่านมามีการนำเข้าสินค้าเกษตรมากที่สุด ได้แก่ มันสำปะหลัง ที่มีปริมาณนำเข้ากว่า 221,462 ตัน คิดเป็นมูลค่า 429.89 ล้านบาท ขณะที่การนำเข้าสินค้าเกษตรที่มีการเปิด AFTA ได้แก่ ถั่วเหลือง 19,604 ตัน มูลค่า 255.75 ล้านบาท และข้าวโพด 18,448 ตัน มูลค่า 72.95 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จุดผ่านแดนบ้านคลองลึกมีความพร้อมในการดูแลตรวจสอบสินค้าที่จะนำ เข้าผ่านแดน เนื่องจากเป็นด่านหลัก อีกทั้งมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการปฏิบัติตามมาตรการรองรับเป็นอย่างดี และยังได้กำชับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เช่น ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ช่วยกันป้องกันและปราบปรามการลักลอบการนำเข้าสินค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาปัญหากองทัพมด ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการปฏิบัติการตามจุดต่าง ๆ อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ตามกรอบ AFTA กระทรวงพาณิชย์ เชื่อมั่นว่าจะทำให้มูลค่าการค้าระหว่างไทย-อาเซียนในปีนี้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำ กว่าร้อยละ 20-30 และแม้ว่าในขณะนี้อาจจะเร็วเกินไปในการประเมินภาพรวมการส่งออกตามกรอบ AFTA แต่เชื่อว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายใน 3-4 เดือนข้างหน้า และจะเพิ่มมากขึ้น

นางพรทิวา กล่าวอีกว่า ส่วนที่หลายฝ่ายหวั่นวิตกตามกรอบ AFTA อาจจะทำให้สินค้าภาคการเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ข้าว และอื่น ๆ ทะลักมายังประเทศไทย ซึ่งอาจทำให้สินค้าเกษตรภายในประเทศได้รับผลกระทบนั้น กระทรวงพาณิชย์ได้มีการประเมินและได้เตรียมมาตรการรองรับในการนำเข้าสินค้า จากประเทศเพื่อนบ้านตามกรอบ AFTA ไว้แล้ว แม้ว่าอัตราภาษีตามกรอบดังกล่าวจะเหลือเพียงร้อยละ 0 แต่ไม่ได้หมายความว่าสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านจะเข้ามาอย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งหากสินค้าทะลักเข้ามามากกระทรวงพาณิชย์มีมาตรการปกป้องจากการนำเข้า สินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) โดยใช้มาตรการภาษีสะกัดกั้นการทะลักของสินค้า ซึ่งถือว่าไม่ผิดกรอบ AFTA ที่หลายประเทศประกาศใช้กัน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook