บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 22/01/53

บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 22/01/53

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 22/01/53คาดเซตามต่างประเทศ แต่อาจรีบาวด์ก่อน ถึงแนวรับ 718 จุดแล้ว แต่ตลาดต่างประเทศอ่อนตัวอย่างหนักจากมาตรการคุมเข้มการเก็งกำไรของทั้งจีนและสหรัฐฯ ประกอบกับแรงขายทำกำไรของนักลงทุนสถาบัน แต่เราเชื่อว่าจากนี้ไปดัชนีไม่น่าถูกกดได้นานอาจมีแนวรับถัดไปที่ 708-713 จุด เชื่อว่าตลาดยังไม่พลิกเป็นขาลง แต่รอบนี้การดำเนินการของทางการดูได้ผลดีมากเมื่อเทียบกับปีก่อน เชื่อว่าตลาดอาจรีบาวด์ขึ้นมาได้ก่อนจากระดับ 708-718 จุดนี้ ความหวังที่จะรีบาวด์อยู่ที่กลุ่มซึ่งโดนพิษปัญหามาบตาพุด (PTT, SCC) อาจคลี่คลายออกในทางดี ก.พ.นี้ กรอบวันนี้ แนวรับ 710 แนวต้าน 725ปัจจัยวันนี้ ( - ) สหรัฐฯ ออกมาสกัดการเก็งกำไร: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงหนักต่อเพราะผลกระทบจากการจำกัดสินเชื่อของทางการจีนแล้ว ยังมาเผชิญกับแนวสกัดการเก็งกำไรจากทางการสหรัฐฯ เนื่องจาก ปธน.โอบามาเตรียมเสนอกฏเกณฑ์ที่จะทำให้ระบบธนาคารมีความปลอดภัยมากขึ้น โดยป้องกันไม่ให้ธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดแบกรับความเสี่ยงมากเกินไป ข้อเสนอในครั้งนี้จะรวมถึงการกำหนดเพดานความซับซ้อนและขนาดของการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบริษัทเอง (proprietary trading) และจะร่างเป็นกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อผลกำไรของภาคธนาคาร ( 0 ) มาบตาพุด ความเสียหายเตรียมแผ่ขยายวงกว้าง แต่ยังมีความหวังว่าอาจจบได้เร็วราว ก.พ.53: หลังการจัดตั้งองค์กรอิสระชั่วคราว 13 คน ผ่านการใช้ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ขึ้นมาเป็นผู้เห็นชอบร่างระเบียบการจัดทำ HIA ของฝ่ายราชการที่ออกมาเพื่อให้เอกชนไปดำเนินการ ล่าสุดมีผู้ไปเรียกร้องต่อศาลปกครองว่าการจัดตั้งองค์กรอิสระมีการเร่งรัดเกินไปและไม่ชอบธรรม ซึ่งศาลได้รับคำฟ้องไว้ แม้จะดูเป็นความคืบหน้าที่ไม่เป็นผลดีต่อกลุ่มผู้ประกอบการ 64 ราย ในมาบตาพุดที่ยังถูกสั่งระงับการดำเนินโครงการ แต่เรายังมีความคาดหวังสูงว่า ในที่สุดการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองจะถูกนำมาพิจารณา และอาจมีคำสั่งศาลให้เอกชนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างหรือก่อสร้างเสร็จแล้ว สามารถดำเนินโครงการไปได้ เพราะหากระงับโครงการไปนานจะทำให้ 1.เสียโอกาสในการผลิต และสร้างรายได้ ซึ่งเราเชื่อว่าช่วงเวลาที่ดีของธุรกิจพลังงาน-ปิโตรเคมีจะอยู่ในช่วง 1H53 นี้ 2.อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร ในส่วนที่ลงมือสร้างไปแล้ว เมื่อปล่อยนานวันจะเริ่มเสียหาย 3.กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่ไม่สามารถส่งมอบงานได้ จะประสบปัญหา Cash Flow ไม่เดิน และจะทำให้เกิดเป็นยอดค้างชำระหนี้ต่อภาคธนาคารพาณิชย์อาจเป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดวิกฤติการเงินในอนาคตข้างหน้าได้ ( +/- ) เศรษฐกิจจีนไตรมาส 4/52 โต 10.7% และทั้งปี 2552 โต 8.7%: ล่าสุดจีนประกาศตัวเลขการเติบโตของ GDP ไตรมาส 4/52 ออกมา เติบโตดีเหมือนปี 2550 ซึ่งเป็นช่วงก่อนวิกฤติ สภาวะแบบนี้ มีโอกาสที่จะทำให้กำไรและราคาหุ้นของกลุ่ม Real Sector ของไทยปรับตัวดีขึ้นได้เหมือนในช่วงปี 2550 แต่การเติบโตที่รวดเร็ว และมีผลต่อตลาดหุ้นอย่างมากนั้น ทำให้ระยะสั้นนี้ทางการจีนต้องออกมาควบคุมความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ ตามมาด้วยสหรัฐฯ ก็ออกมาตรการสกัดความร้อนแรงของตลาดหุ้น ด้วยการจำกัดขนาดการทำธุรกรรมทางการเงิน และปริมาณเงินเพื่อทำ Proprietary Trading เราเชื่อว่าแม้ตลาดหุ้นจะถูกสกัดกั้นความร้อนแรง แต่คาดว่าเป็นผลกระทบเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2553 เป็น Organic Growth เกิดจากดีมานด์ที่แท้จริง โดย Consensus คาด GDP ปี 2553 โต 9.4% จึงคาดว่าตลาดยังมีโอกาสรีบาวด์               

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook