จู่โจมบุกค้นบ้าน เสธ.แดง

จู่โจมบุกค้นบ้าน เสธ.แดง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
หาหลักฐานโยงยิงบึ้มถล่มทบ. ล็อก2คนสนิทเจออาวุธเพียบ

อนุพงษ์ ยอมรับเอ็ม 79 ถล่มห้องทำงานใน บก.ทบ. สั่งสารวัตรทหาร ประสานกับตำรวจบุกเข้าค้นบ้านพัก เสธ.แดง ใน ม.พัน 4 เกียกกาย และห้องพักของจ่าทหาร ที่แฟลตทหารใน ม.พัน 3 เจอ ลูกระเบิด เอ็ม 79 รวม 32 ลูก กับปลอกที่ใช้ยิงแล้ว 2 ปลอก รวมทั้งเจอระเบิด เชื้อปะทุ ฝักแค อาวุธปืน และกระสุนปืนเอ็ม 16 อีกจำนวนมาก คุมตัวพลทหารที่เฝ้าบ้านกับจ่าคนขับรถไปสอบสวนหาหลักฐานเชื่อมผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. สัณฐาน ชี้สามารถจับกุมตัว เสธ.แดง ได้ทันที โดยไม่ต้องรอขอหมายจับจากศาล เพราะครอบครองอาวุธสงครามเป็นความผิดซึ่งหน้า

จากกรณีมีมือมืดลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่หน้าสำนักงาน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ภายในอาคาร 1 ชั้น 6 กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน เมื่อกลางดึกวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้บริเวณที่ถูกระเบิดได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ขณะเดียวกันบริเวณสนามหญ้าหน้ากระทรวงกลาโหมถูก ลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 เช่นเดียวกัน โดยเหตุการณ์ทั้งสองแห่ง ทางทหารปิดข่าวเงียบไม่มีการแจ้งความกับตำรวจแต่อย่างใด ตามที่เสนอข่าวไปให้ทราบนั้น

เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปยังห้องทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ. ในอาคาร บก.ทบ. ว่า ตนได้สอบถามไปยังกองทัพบกแล้ว เห็นว่าเหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเหตุในลักษณะที่จะสร้างข่าวมากกว่า หลังจากพิจารณาจากเวลา และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คงไม่ได้มุ่งในเรื่องของการทำร้ายหรือเอาชีวิต พล.อ.อนุพงษ์ หรือใครคนใดคนหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนมีสีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะสอบต่อไป ซึ่งตนคิดว่ากรณีที่เกิดขึ้นก็วิเคราะห์ได้ว่าสถานที่ยิงน่าจะมาจากที่ไหน อย่างไร ทั้งนี้ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมีผลต่อจิตวิทยา ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องพยายามป้องกัน แต่เป็นเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงที่ไม่มีใครอยู่ แต่เขาก็พอรู้สถานที่ และที่สำคัญการที่มีการไปเผยแพร่ข้อมูลและมีบางคนไปพูดว่าจะเกิดเหตุ ก็ต้องไปสอบเพื่อขยายผล

เมื่อถามว่าจะต้องเพิ่มมาตรการการป้องกันความปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทาง ทบ.ต้องดำเนินการ ขณะที่ในส่วนของทำเนียบรัฐบาลและสถานที่ราชการอื่น ๆ ก็เช่นกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้ทุกฝ่ายต้องตื่นตัว อีกทั้งตนเคยบอกแล้วว่าช่วงนี้จะมีความพยายามในการเคลื่อนไหวถี่ขึ้นเพื่อให้เป็นประเด็น มากขึ้น

ต่อข้อถามว่า สงสัยใครเป็นพิเศษหรือไม่ เพราะมีข่าวว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากการมีคำสั่งพักราชการ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการสอบสวน ทั้งนี้ ตนขอยืนยันในเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัย สำหรับคนที่ก่อเหตุครั้งนี้ ไม่ได้มุ่งในเรื่อง การทำร้าย แต่เราก็ไม่ประมาท

ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อตอนเที่ยงวันเดียวกันนี้ พ.อ.สรรเสริญแก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก แถลงถึงกรณีที่มีคนร้ายยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ที่บริเวณชั้น 6 ห้องทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ. ในอาคาร 1 บก.ทบ. ว่า จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกองทัพบกได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบร่องรอยบริเวณผนังของอาคารชั้น 6 มีร่องรอยเป็นรู และรอยปูนแตก แต่ไม่ได้สังหรณ์อะไร แต่ขณะ เดียวกันมีรายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ฝ่าย สารสนเทศ ของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศชี้แจงว่า มีการพูดคุยจากโปรแกรมสนทนาทางกล้องวิดีโอ หรือแคมฟร็อก ในลักษณะว่า มีการยิงกระสุนปืนเอ็ม 79 มาที่ บก.ทบ.

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เมื่อข่าวทั้งสองฝ่ายตรงกัน ผู้บังคับบัญชาจึงได้มอบให้เจ้าหน้าที่กรมสรรพาวุธตรวจสอบบริเวณที่พบร่องรอยปรากฏว่า เป็นร่องรอยของการระเบิดของวัตถุระเบิดชนิดหนึ่งจริง แต่ไม่สามารถยืนยันว่าเป็นระเบิดชนิดใด และไม่ สามารถยืนยันว่าเกิดเมื่อวันที่เท่าใด แต่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นช่วงกลางคืน ซึ่งเจ้าหน้าที่เวรยามไม่มีใครได้ยินเสียงระเบิด แต่เชื่อว่าจุดเกิดเหตุคือที่ผนังอาคารชั้น 6 ฝั่งด้านห้องออกกำลังกาย ที่อยู่คนละฝั่งกับห้องทำงานของ ผบ.ทบ. และห่างมากพอสมควร ดังนั้นน่าจะเป็นการพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความสับสนขึ้นในสังคมของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ไม่น่าจะเป็นการปองร้ายผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพ

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่กองทัพบกตามปกติถือเป็นมาตรการที่มีความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นด้านข่าวสาร หรือเจ้าหน้าที่เวรยามตลอดจนการใช้ทีวีวงจรปิด แต่ต้องยอมรับความจริงว่า ที่ตั้งของกองทัพบกโดยรอบจะมีที่พักของประชาชน และเส้นทางคมนาคมต่าง ๆ ค่อนข้างมาก ดังนั้นหากถามว่า การดูแลรอบ ๆ กองทัพบกทำได้หรือไม่ ต้องยอมรับว่า ทำได้ แต่สถานการณ์บ้านเมืองในภาวะที่ใช้กฎหมายตามปกติคงทำไม่ได้ หากมีการตั้งจุดตรวจโดยรอบกองทัพบกจะทำให้เกิดความวุ่าย และประชาชนเดือดร้อน

เมื่อถามว่า มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุระเบิดเกิดขึ้นหลังจากสั่งพักราชการ พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่า หลายคนอาจมอง อย่างนั้น แต่สำหรับกองทัพเมื่อทุกอย่างยังไม่ชัดเจน เราจะไปเหมารวมคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และจะทำให้ผู้ที่ถูกเรากล่าวพาดพิงถึงได้รับความเสียหาย ผบ.ทบ. ย้ำว่า ต้องทำทุกอย่างตามขั้นตอน ไม่ได้มีความรู้สึกส่วนตัวกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.ทบ. วิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ท่านไม่เคยวิตกกังวลอะไร เมื่อถามว่า เหตุใดจึงมีการปิดข่าว พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ท่านไม่ได้ปิดข่าว แต่ไม่มีใครถามท่าน ต่อข้อถามว่า พล.อ.อนุพงษ์ เคยปรารภ หรือไม่ว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของ พล.ต.ขัตติยะ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ท่านไม่เคยพูดอย่างนั้น

ขณะที่ พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กระทรวงกลาโหม แถลงถึงกรณีที่มีคนร้ายยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ที่สนามหญ้าหน้ากระทรวงกลาโหม เมื่อคืนวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ทั้งด้านหน้าและด้านข้างของกระทรวงกลาโหม พร้อม ทั้งสอบถามเวรยามที่อยู่ด้านข้างของกรมพระธรรมนูญและศาลหลักเมือง โดยเฉพาะบริเวณริมคลองหลอดและผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด โดยเฉพาะเรื่องของเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นได้รับการยืนยันว่า ไม่มีอะไร รวมถึงการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ในพื้นที่ของกระทรวงกลาโหมตามจุดล่อแหลมก็ไม่พบเหตุการณ์อะไร จึงขอยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พูดถึงเหตุการณ์นี้อย่างไร พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ท่านได้สั่งการให้ไปตรวจพื้นที่อีกครั้งว่าจากที่มีสื่อนำเสนอข่าวมีความเท็จจริงเพียงใด ซึ่งเราได้เข้าไปตรวจสอบทุกพื้นที่และเรียนท่านไปแล้ว ว่าเหตุการณ์ปกติไม่มีอะไร ทั้งนี้ไม่ได้มีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้กับ พล.อ. ประวิตร แต่อย่างใด เพราะมาตรการของเราเข้มงวดอยู่แล้ว

ส่วนการประชุมคณะกรรมาธิการการทหาร (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ เป็นประธานกมธ. ในตอนบ่ายวันเดียวกันนี้ ได้เชิญตัวแทนของกองทัพบกเข้าชี้แจงกรณี บก.ทบ. ถูกเอ็ม 79 ถล่ม โดย พล.ต.จิรเดช สิทธิประณีต เลขานุการกองทัพบก ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบจากกล้องซีซีทีวีพบว่ามีรอยร้าวบนผนังอาคารด้านทิศตะวันออกของชั้น 6 ตึก บก.ทบ. ซึ่งเป็นห้องทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ. เบื้องต้นยังไม่สามารถ ชี้ชัดได้ว่ารอยร้าวดังกล่าวเกิดจากวัตถุระเบิด

พ.ต.ท.สมชาย กล่าวว่า กมธ. เชื่อว่าเหตุดังกล่าวเกิดจากการยิงระเบิดเอ็ม 79 แต่เมื่อฟังคำชี้แจงแล้วยังไม่มีความชัดเจน จึงมีความเป็นห่วงเนื่องจากเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นกับห้องทำงานของ ผบ.ทบ. เกรงว่าจะมีผู้นำเหตุที่เกิดขึ้นมาเชื่อมโยงเป็นประเด็นการเมือง กมธ. จึงจะขอความร่วมมือกองทัพเข้าไปตรวจสอบกล้องซีซีทีวีและที่เกิดเหตุ

ประธาน กมธ. กล่าวอีกว่า เรื่องนี้น่าเป็นห่วงเพราะอาจมีคนมองได้ 2 อย่าง คือ คนทำเป็นเจ้าหน้าที่ต้องการทำให้เกิดเหตุขึ้นเพื่อให้เกิดความชอบธรรมในการประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยหวังผลเพื่อควบคุมการชุมนุมของกลุ่มการเมือง ขณะเดียวกัน อาจมองได้ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายตรงข้ามที่ไม่พอใจผบ.ทบ.

ขณะเดียวกัน พล.ต.ขัตติยะ หรือ เสธ.แดง ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่เกี่ยวข้องกับเหตุยิงระเบิดที่เกิดขึ้น เพราะวันเกิดเหตุที่ข่าวระบุว่า เป็นวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น ตนเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่มเสื้อแดง ดังนั้นไม่ควรนำตนเข้า มาเกี่ยวข้องกับการยิงครั้งนี้ แต่การที่กองทัพบกถูกคนร้ายยิงด้วยลูกระเบิดเอ็ม 79 ถือว่าเป็นความอับอายที่สุดของกองทัพบก ในรอบ 122 ปี ซึ่งไม่เคยถูกยิงมาก่อน ฉะนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว. กลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยการลาออกจากตำแหน่ง และขณะนี้กองทัพบกไม่ใช่ของประชาชนอีกต่อไปแล้ว เพราะมีประชาชนที่ไม่พอใจ พล.อ.อนุพงษ์ จนเอาพวงหรีดไปวางหน้ากองทัพบก

เมื่อถามว่า จะมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นอีกหรือไม่ พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ตนไม่รู้ แต่ตนเชื่อว่ามีแน่นอน เพราะเมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง และในฐานะที่ตนเป็นเพื่อนรักของ พล.อ.อนุพงษ์ แม้ตนจะถูกพักราชการโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ตนก็ยังไม่ลืมความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แม้ พล.อ.อนุพงษ์ จะลืมไปแล้วก็ตาม ตนขอเตือนว่า ขอให้นำภรรยาและลูกย้ายออกมาจากบ้านพักในซอยพุทธมณฑล 68 มาพัก อยู่ที่บ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาด เล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) เสียก่อน เพราะตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย

การที่ พล.อ.อนุพงษ์ ใช้กำลังสารวัตรทหารบก (สห.) 30 กว่าคนไปช่วยรักษาความปลอดภัยบ้านตัวเองที่ย่านพุทธมณฑลนั้น ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง พล.ต.ขัตติยะ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 14.30 น. วันเดียวกัน พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ท.ตรีทศ รณฤทธิ์วิชัย ผบช.ส. ได้เดินทางไปที่ บก.ทบ. ร่วมประชุมหารือกับ พล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. และ พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก เพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมมาว่า ในการประชุมประเมินสถานการณ์ของ พล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ. ร่วมกับนายทหารระดับสูง ผบช.น. ผบช.ส. เมื่อตอนเย็นวันเดียวกันนี้ การประชุมใช้เวลานาน 2 ชม.ครึ่ง โดย พล.อ.อนุพงษ์ ได้มอบให้ พ.อ.สุรพล ตาปนานนท์ ผอ.ส่วนสนับสนุน บก.ทบ. เป็น ตัวแทนเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง แล้ว พร้อมทั้งอนุญาตให้ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.ขัตติยะ หรือเสธ.แดง ที่อยู่ใน ม.พัน 4 รอ. ย่านเกียกกาย เพื่อหาหลักฐาน

ขณะที่ พล.ต.ขัตติยะ ให้สัมภาษณ์กรณีตำรวจบุกตรวจค้นบ้านพักว่า ตอนนี้ตน อยู่ที่ จ.สงขลา ทราบว่ามีตำรวจ ทหาร มาปิดล้อมตรวจค้นบ้านพักตน เพราะคิดว่าตนเป็นคนยิงระเบิด เอ็ม 79 ใส่ห้องทำงาน ผบ.ทบ. ทำเหมือนผู้หญิงค้นบ้านทหารด้วยกันไม่อายหรือ ค้นไปก็เท่านั้น บ้านตนไม่มีอาวุธสงคราม คนที่ทำอาจจะเป็นพวกที่ไม่ชอบ พล.อ.อนุพงษ์ หรืออาจจะเป็นพวกมือที่ 3 ที่มาคอยป่วนเมือง เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ จำเป็นต้องเป็น เสธ.แดง อาจจะเป็นคนอื่นทำ ถ้า เสธ.แดง ทำจริง เสธ.แดงเอาชีวิตเลยไม่ดีกว่ารึ

ตอนเย็นวันเดียวกันนี้ พ.ต.ประเสริฐ พิศมัย นายทหารพระธรรมนูญ นำกำลังสารวัตรทหาร ม. พัน 3 และ ม. พัน 4 ร่วมกับ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รรท.ผบก.ป. พร้อมกำลังตำรวจ บก.ป. และตำรวจนคร บาล เข้าร่วมตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.ขัตติยะ หรือ เสธ.แดง ที่บ้านพักนายทหาร เลขที่ 1156/27 ภายใน ม.พัน 4 ตรงข้ามโรงเรียนโยธินบูรณะ สี่แยกเกียกกาย ถนนสามเสน เขตดุสิต ที่มี พลทหารมนัสชัย คำพร เป็นผู้ดูแล เนื่องจาก เสธ.แดง เดินทางไป จ.สงขลา พบระเบิดสังหารลูกเกลี้ยง เอ็ม 26 อาวุธปืนพกสั้นขนาด .380 พร้อมกระสุน คอมพิวเตอร์ 1 ชุด และแผ่นซีดีอีกจำนวนหนึ่ง จึงยึดไว้ตรวจสอบ และควบคุมตัว พลทหารมนัสชัย ไปสอบสวน

ขณะเดียวกัน กำลังทหารตำรวจอีกชุดเข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 9 ชั้นล่าง แฟลตชุมชนทหาร ภายใน ม. พัน 3 ที่ตั้งอยู่ใกล้กัน พบ จ.ส.อ.ณัฎฐ์สิทธิ์ สุวรรณราช สังกัด ม พัน 3 รอ. คนขับรถของ พล.ต.ขัตติยะ จากการตรวจค้น รถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ถข 1161 กรุงเทพมหานคร พบลูกระเบิดใช้สำหรับยิง เอ็ม 79 จำนวน 22 ลูก กระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 300 นัด ระเบิดซีโฟร์ 3 แพ็ก ระเบิดทีเอ็นที 13 แท่ง

ส่วนภายในห้องพักพบลูกระเบิดสำหรับใช้ยิง ชนิดเอ็ม 79 รวม 10 ลูก กระสุนปืนเอ็ม 16 อีก 400 นัด กระสุนปืนอาก้าอีกหลายร้อยนัด ปลอกกระสุนปืนเอ็ม 79 ที่ใช้ยิงแล้ว 2 ปลอก กระสุนปืน ปตอ. 60 นัด กับระเบิดสังหารชนิดขว้าง 1 ลูก เสื้อเกราะกันกระสุน 2 ตัว แผงวงจรพร้อมเชื้อปะทุ ฝักแคอีกจำนวนหนึ่ง จึงควบคุมตัว จ.ส.อ.ณัฎฐ์สิทธิ์

สอบสวน จ.ส.อ.ณัฎฐ์สิทธิ์ ให้การอ้างว่า เคยเป็นลูกน้องของ พล.ต.ขัตติยะ เมื่อหลายปีก่อน รวมทั้งเคยร่วมงานเป็นคณะทำงานติดตาม นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ภายหลังได้แยกตัวออกมาไม่ได้ใกล้ชิดกับ พล.ต.ขัตติยะ อีก จากนั้นจึงนำตัว พลทหารมนัสชัย และ จ.ส.อ.ณัฎฐ์สิทธิ์ มอบให้พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ดำเนินคดีในข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย

ภายหลังการเข้าตรวจค้น พล.ต.ท. สัณฐาน เปิดเผยว่า จากการตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.ขัตติยะ พบอาวุธสงครามจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม พล.ต. ขัตติยะ ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับจากศาล เนื่องจากเป็นการพบการกระทำผิดซึ่งหน้า และถ้าพบว่ามีหลักฐานเกี่ยวพันถึงใครก็จะดำเนิน การตามกฎหมายต่อไป.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook