เสธ.แดง"งานเข้า"เพราะปาก!

เสธ.แดง"งานเข้า"เพราะปาก!

เสธ.แดง"งานเข้า"เพราะปาก!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คมชัดลึก : ณ วันนี้ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ก็ยังไม่โผล่เข้ามามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังจากตำรวจบุกเข้าค้นบ้านพัก และพบอาวุธสงครามจำนวนมากราวกับคลังแสงย่อยๆ


รวมทั้งระเบิดเอ็ม 79 ซึ่งเป็นระเบิดชนิดเดียวกับที่ยิงถล่มห้องทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ด้วย !

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ตัวแทน ผบ.ทบ.เข้าแจ้งความต่อตำรวจ ก่อนจะขอหมายศาลเข้าค้นบ้านของ เสธ.แดง น่าจะมาจากบทสัมภาษณ์ของ เสธ.แดง หลายครั้ง ที่เป็นไปในทำนองข่มขู่ และดูหมิ่น พล.อ.อนุพงษ์ หลังจากถูก พล.อ.อนุพงษ์สั่งพักราชการ ในวันที่ 5 มกราคม 2553 และมีการส่งหนังสือเวียนไปในส่วนของกำลังพลทหารและต้นสังกัดของ เสธ.แดง รับทราบเรื่องดังกล่าว

แต่ เสธ.แดง กลับทราบเรื่องในวันที่ 12 มกราคม ว่า ถูกพักราชการ

ก่อนหน้านี้ บทสัมภาษณ์ข่มขู่ พล.อ.อนุพงษ์ ครั้งแรกๆ ของ เสธ.แดง เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2552 หลังกองทัพตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัยและอาญาทหารกรณีนำทหารพรานร่วมชุมนุม เสื้อแดง และไปต่างประเทศโดยไม่ลาราชการ ซึ่งเจ้าตัวตอกกลับ ผบ.ทบ.อย่างเผ็ดร้อนว่า

"ผมพยายามบอกทหารว่าอย่าออกมา แต่กลับมีคนมาด่าว่าผม และหาเรื่องปลด ถอดยศ ทั้งที่ไม่มีความผิดด้านวินัย ตกลงกองทัพบกอยู่ใต้คำสั่งของ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ หรือของใคร

แค่เขาบอกให้สั่งสอบก็จะทำการสอบผมทันที หากปลดผมก็เป็นเรื่องส่วนตัว เพราะไม่มีความผิดอะไร จะมาถอดยศผมได้อย่างไร คนที่ถอดยศผมได้มีเพียงพระองค์เดียว ผมมาปกป้องกองทัพ หากปลดผม ระวังออกจากกองทัพไม่ได้"

ต่อมาวันที่ 7 ธันวาคม 2552 เสธ.แดงก็พูดในทำนองข่มขู่ พล.อ.อนุพงษ์ อีกครั้ง หลังจากถูกกองทัพปรามในกรณีที่นำอดีตทหารพรานมาร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง

"ถ้าแกล้งกันส่วนตัวแบบนี้ เป็นเรื่องส่วนตัวแล้ว ตอนนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ลืมเพื่อนแล้ว ลืมผู้ใต้บังคับบัญชา ถ้าทำอย่างนั้นไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาผม ผมทำอะไรให้ การมาใช้อำนาจมิชอบแบบนี้ ก็ขอให้อยู่แต่ในกองทัพบก อย่าออกมาแล้วกัน"

จากนั้น วันที่ 12 ธันวาคม 2552 เสธ.แดงก็ออกมาสัมภาษณ์อีกครั้ง หลังทราบข่าวว่า ผลสอบของ ทบ.ที่ส่งให้กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งให้พักราชการ เสธ.แดง ไม่มีกำหนด

"ผมยังไม่เห็นว่า ทางกองทัพบกส่งผลสรุปให้พักราชการผม ถ้าผมเห็น ผมบอกแล้วว่า ผมไม่รับรองว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่กองทัพบก"

ถัดมาอีกวันเดียว คือ วันที่ 13 ธันวาคม 2552 เสธ.แดงก็ยังอารมณ์ค้างไม่เลิก เมื่อถูกนักข่าวถามว่า หากผลสรุปถูกสั่งโทษให้พักราชการจะทำอย่างไร เสธ.แดง ก็ตอบอย่างมีอารมณ์ว่า

"ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราเป็นข้าราชการทหาร ต้องเคารพระเบียบวินัย แต่..ไม่ต้องได้ออกมาจากกองทัพบก เพราะเป็นการปกครองลูกน้องแบบนักเลง ไม่ใช่แบบผู้บังคับบัญชา"

ส่วนบทสัมภาษณ์ล่าสุด แต่ยังไม่แน่ว่าจะเป็นบทสัมภาษณ์สุดท้ายของ เสธ.แดง หรือไม่ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา หลังจากถูกตำรวจบุกเข้าค้นบ้าน และเจออาวุธสงครามเป็นจำนวนมาก ซึ่ง เสธ.แดงชี้แจง และฝากไปถึง ผบ.ทบ.ด้วยว่า

"ทราบข่าวการยิงถล่มสำนักงานของ ผบ.ทบ.แล้ว แต่ผมขอปฏิเสธ ไม่เกี่ยวข้องด้วย แต่คาดการณ์ว่า ผู้ที่ทำน่าจะเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่าย เรียกว่า นักรบโรนิน หรือพวกซามูไรไร้สังกัด เพราะไม่พอใจการทำงานของ พล.อ.อนุพงษ์ ที่อุ้มกลุ่มพันธมิตร ในเหตุการณ์ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ แต่จะกลับมาเล่นงานกลุ่มเสื้อแดง ที่กำลังจะไปสนามบินสุวรรณภูมิแทน

คาดว่า ผบ.ทบ.จะต้องโดนถล่มซ้ำอีกแน่จนกว่าจะลาออกจากตำแหน่ง แต่เหตุการณ์ดังกล่าวอย่านำมาโยงกับกรณีคำสั่งพักราชการของผม ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน"

บทสัมภาษณ์หลายครั้งของ เสธ.แดง ที่พาดพิงถึง พล.อ.อนุพงษ์ กระทั่งเกิดเหตุระทึกขึ้นที่ บก.ทบ.จริงๆ ตามคำขู่ จึงนำมาสู่การค้นบ้าน เสธ.แดง ในฐานะ "ผู้ต้องสงสัยอันดับ 1" และยิ่งพบระเบิดเอ็ม 79 ชนิดเดียวกับที่ใช้ถล่ม บก.ทบ.ด้วย ก็ยิ่งทำให้เขาถูกสงสัยหนักขึ้นไปอีก

ทั้งนี้ ยังไม่นับพฤติกรรม "หมอดูตาทิพย์" ก่อนหน้านั้น ที่ออกมาทำนายผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวว่า จะมีกฐินสามัคคี หรือนักรบโรนินยิงระเบิดใส่เวทีชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อ ประชาธิปไตย ซึ่งมักเป็นไปตามคำนายของ เสธ.แดง แทบทุกครั้ง ราวกับผู้หยั่งรู้ดินฟ้า

พฤติกรรม "ต้องสงสัย" หลายประการของ เสธ.แดง รวมทั้งการเข้าเคลื่อนไหวที่แนบแน่นกับคนเสื้อแดง และการบินไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลายครั้ง ทั้งที่ดูไบและกัมพูชา จึงนำมาสู่ชะตากรรมในวันนี้

ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ ก็เดินเครื่องเต็มที่ เพื่อติดตามหาตัว "เสธ.แดง"

น่าสนใจก็ตรงที่ว่า การได้ตัว เสธ.แดง นั้น จะได้มาด้วยทางเปิดที่มีข้อกฎหมายรองรับ หรือในทางลับด้วยทีมงานเฉพาะกิจ

ถึงแม้ เสธ.แดง จะยกเลิกการเดินทางกลับ กทม.ในทันทีที่รู้ว่าภัยกำลังจะถึงตัวก็ตามที

ความกดดันจึงมาตกอยู่ที่ พล.อ.อนุพงษ์ อีกครั้ง เพราะไม่แน่ใจความ "บ้าบิ่น" ของ "เสธ.แดง" ซึ่งประกาศเอาไว้แล้วว่าเตรียมจะ "เอาคืน" ทุกคนที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องรื่องนี้

สถานการณ์บ้านเมืองจึงกลับเข้าสู่จุดที่แหลมคมอีกครั้ง

ขณะที่กองทัพกำลังเดินหน้า "เชือดไก่ให้ลิงดู" แต่ก็เสี่ยงกับการไปปลุกกลุ่มเสื้อแดง ที่ส่วนหนึ่งก็ยังภักดีกับ เสธ.แดง ให้ลุกฮือขึ้น

นั่นจะทำให้โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อันเนื่องจาก "นักรบโรนิน" หรือ ซามูไรไร้หัวอย่างที่ เสธ.แดง เล่าแกมขู่เอาไว้ ก็มีโอกาสสูง

แต่น้ำผึ้งหยดเดียวจะสร้างปัญหาได้หรือไม่ ก็ต้องขึ้นกับกองทัพ โดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ ว่าจะใช้ความเด็ดขาดมากน้อยเพียงใด เพื่อไม่ให้กลายเป็นจุดพลิกผันเหมือนเมื่อครั้งที่พันธมิตรโดนนักรบโรนินยิง ถล่มด้วยเอ็ม 79 จนไร้ทางเลือก...


ทีมข่าวความมั่นคง

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook