ไทยปะทะเดือดเขมร

ไทยปะทะเดือดเขมร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เจอตัดไม้ใกล้''เขาพระวิหาร''กัมพูชายันถูกรุกล้ำชายแดน

ปะทะเดือดทหารเขมร ชุดคุ้มกันขบวนการตัดไม้ใกล้พื้นที่พิพาทเขาพระวิหาร กำลังฝ่ายฉก.ทพ.23ไม่มีใครบาดเจ็บ ส่วนกำลังกัมพูชาล่าถอยกลับประเทศ มทภ.2 เผยอาจเป็นกำลังนอกแถว ร่วมกับขบวนการตัดไม้ทำลายป่า ยึดไม้พะยูงได้จำนวนมาก ด้าน รอง ผบ.ทบ.กัมพูชา ยันเกิดเหตุปะทะจริง อ้างทหารไทยรุกล้ำชายแดน

ปะทะเดือดทหารเขมรครั้งนี้ เกิดขึ้น เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 24 ม.ค. ผู้สื่อ ข่าวรายงานว่า เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา ที่ชายแดน บริเวณ เทือกเขาพนมดงรัก ห่างจากเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ไปทางด้านทิศตะวันออก ประมาณ 10 กม. ต่อ เขต จ.อุบลราชธานี โดยมีการปะทะกันนาน 10 นาที กระทั่งทหารกัมพูชาได้ล่าถอยกลับเข้าไปในประเทศตัวเอง ซึ่งในที่เกิดเหตุได้พบไม้พะยูง ถูกตัดกองไว้เป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีรายงาน ผู้ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะของทั้ง 2 ฝ่าย

แหล่งข่าวทางทหารระดับสูง กล่าวว่า พื้นที่ที่เกิดการปะทะกันเมื่อช่วงเช้านั้น เป็นพื้นที่ตอนใน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 ขณะเกิดเหตุนั้น ทหารไทยได้ลาดตระเวน เพื่อรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนตามปกติ ได้พบกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งสวมเครื่องแบบลายพราง คล้ายกับทหารกัมพูชา ประมาณ 10 นาย กำลังทำการคุ้มกันชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ใช้เลื่อยโซ่ยนต์ตัดไม้พะยูงอยู่กลางป่าลึก จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่ทหารกลุ่มดังกล่าวกลับใช้อาวุธปืน เอเค 47 ระดมยิงใส่ทหารไทยหลายสิบนัด จึงได้เกิดการปะทะ กันนาน 10 นาที ขณะนั้นกองหนุนทหาร ไทยได้เดินทางมาสมทบ เมื่อกองกำลังฝ่ายตรงข้ามเห็นว่าเสียเปรียบ จึงได้ล่าถอยกลับประเทศไป โดยที่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ซึ่งได้รายงานเหตุการณ์ปะทะดังกล่าว ให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองทัพทราบแล้ว

พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาค ที่ 2 กล่าวว่า การปราบปรามขบวนการลัก ลอบตัดไม้ทำลายป่า ในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ กองทัพภาคที่ 2 ยังคงใช้มาตรการเข้มงวด สำหรับการดำเนินการกับขบวนการตัดไม้ทำลายป่าเหล่านี้ เพราะไม่ ทรขบวนการที่เข้ามานั้น มีจุดประสงค์ ในการเข้ามาตัดไม้ทำลายป่า เพียงอย่างเดียว หรือไม่ หรืออาจเข้ามาลาดตระเวน ดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายไทยด้วย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้ประกาศอย่างชัดเจน ในการปราบปรามขบวนการลักลอบตัดไม้ดังกล่าว และได้ประสานกับกองกำลังของฝ่ายกัมพูชามาโดยตลอดเวลาว่า จะดำเนินการที่ไหน อย่างไร และขอให้ฝ่ายกัมพูชาช่วยแจ้งเตือนหน่วยในพื้นที่และประชาชนชาวกัมพูชาด้วย เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ

พล.ท.วีร์วลิต กล่าวต่อไปว่า การเกิดเหตุการณ์ปะทะกันทุกครั้ง ขอยืนยันว่า กองกำลังของไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนแน่นอน แต่ขบวนการลักลอบตัดไม้ จะเป็นฝ่ายที่ เปิดฉากการยิงก่อน และเจ้าหน้าที่ของเราจำเป็นต้องป้องกันตัวเอง และอาจไปพลาดโดนขบวนการนี้เสียชีวิตบ้าง ต้องยอมรับว่าขบวนการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชานั้น มีกำลังทหารของฝ่ายกัมพูชาเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง เพราะจากหลักฐานที่ยึดได้เป็นอาวุธที่ใช้ในสงคราม และบางรายพบบัตรประจำตัว แต่ เชื่อว่าผู้บังคับบัญชาของฝ่ายกัมพูชา คงไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ แต่อาจเป็นเพียงกำลังบางส่วนซึ่งเป็นส่วนน้อยที่เข้ามาร่วมขบวนการดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การปะทะกันเมื่อเช้านี้ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่ กองทัพภาคที่ 2 ของไทยได้ประสานไปยัง ฝ่ายกัมพูชา โดยได้เชิญผู้บัญชาการ และรองผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา มาหารือกัน เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา ที่ อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ห่างจากด่านผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ประมาณ 10 กม. เพื่อหามาตร การร่วมกัน ในการสกัดกั้นขบวนการตัดไม้ทำลายป่า ที่ระบาดหนักตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในขณะนี้

ต่อมาเวลา 16.00 น. พ.อ.ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม เสนาธิการ กองกำลังสุรนารี พร้อมด้วย พ.อ.ธวัชชัย แจ้งประจักษ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 และคณะนายทหารของกองกำลังสุรนารี กองทัพ ภาคที่ 2 ได้เดินทางไปที่ฐานปฏิบัติการ ค้างคาวดำ เพื่อประชุมร่วมกับ พล.ท.ซรัย ดึ๊ก ผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ประเทศกัมพูชา และคณะนายทหารของกัมพูชา หารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการปะทะที่ เกิดขึ้น โดยคณะนายทหารทั้ง 2 ฝ่าย ได้ประชุมร่วมกันนานกว่า 1 ชม. จึงได้มีมติข้อตกลงร่วมกันว่า สืบเนื่องจากขณะนี้ยัง คงมีการประจันหน้ากัน ระหว่างทหารทั้งสองประเทศ บริเวณจุดที่มีการปะทะกัน เพราะทหารกัมพูชาลาดตระเวนล้ำเข้ามาในเขตแดนไทย ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ทหารทั้งสองฝ่าย ถอนตัวออกจากจุดที่มีการปะทะกัน กลับไปยังที่ตั้งของแต่ละฝ่าย ซึ่งจากการที่ได้มีการ ตรวจสอบพื้นที่ ที่มีการปะทะกันแล้วปรากฏว่าไม่มีผู้เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บของทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทหารกัมพูชาที่ตรึงกำลังอยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ได้มีการเตรียมพร้อมรบอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะที่บริเวณฐานเบาะสะเบา ประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับฐานปฏิบัติการค้างคาวดำ ของทหารไทย ได้มีกองหนุนทหารกัมพูชา เข้ามาเตรียมความพร้อม เสริมกำลังอีกหลายสิบนาย ล่าสุดเหตุการณ์ทุกอย่างกลับเข้าภาวะปกติแล้ว โดยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของทั้ง 2 ฝ่าย ได้ทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวคงไม่ลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้

ด้านสำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่า พล.ท.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการทหารบกของกัมพูชา เปิดเผยว่า ทหารกองทัพกัมพูชาได้ยิงปะทะกับทหารไทยในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ทหารกัมพูชาไม่มีการสูญเสียใด ๆ ใกล้กับพื้นที่ทับซ้อน 20 กม.ทางตะวันออกของปราสาทพระวิหาร โดยการยิงปะทะกันนั้นเกิดขึ้นเมื่อทหารไทยรุกล้ำเข้าไปในดินแดนกัมพูชา ส่วน พล.ท.ชุม สุชาติ โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงว่า การยิงปะทะกันของทั้งสองฝ่ายกินเวลา ประมาณ 5 นาที เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. เช้าวันที่ 24 ม.ค.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook