บล.เคจีไอ : รายงานภาวะหุ้น 25/01/53

บล.เคจีไอ : รายงานภาวะหุ้น 25/01/53

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 25/01/53 ลงอีก... KGI คาดว่าหุ้นไทยวันจันทร์จะปรับลงต่อ ปัจจัยลบต่างประเทศยังอยู่ขณะที่ปัจจัยลบในประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงต่ออย่างแรงในคืนวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าแผนควบคุมภาคธนาคารของ ปธน. โอบามาจะกดดันรายได้ของภาคการเงินและยังมีปัจจัยปลีกย่อยว่าด้วยอนาคตของนายเบน เบอร์นานกี หลังวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ บางรายคัดค้านการดำรงตำแหน่งต่อของนายเบอร์นานกี และส่งผลให้มีการเลื่อนรับรองตำแหน่งไปอีก 1 สัปดาห์ ด้านปัจจัยในประเทศพบว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับนิคมฯ มาบตาพุดมีปัจจัยกดดัน นสพ. ต่างรายงานว่าศาลปกครองกลางให้ยกคำร้องที่ 30 โครงการขอให้ดำเนินการต่อไปได้ (ดูข่าวที่ 1 ด้านล่าง) คาดว่าจิตวิทยาในกลุ่ม PTT และ SCC จะเป็นลบ เนื่องจากมีแรงกระแทกจากปัจจัยภายนอกอยู่แล้วในฐานะหุ้นใหญ่ และราคาน้ำมันก็ปรับลง 2% สู่จุดต่ำสุดรอบ 2 เดือน ด้านปัจจัยการเมืองมองการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องเด่น และเด่นกว่าเรื่องเสื้อแดงด้วยหลังเสื้อแดงตกลงไม่ไปชุมนุมที่สนามบินแล้ว โดยล่าสุดพรรคประชาธิปัตย์มีท่าทีอ่อนลงและอาจยอมแก้รัฐธรรมนูญ 2 มาตราตามที่พรรคร่วมฯ เสนอ ได้แก่มาตรการ 94 เรื่องเขตเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว และมาตรการ 190 เรื่องการทำสนธิสัญญากับต่างประเทศ โดยเรื่องนี้เป็นดาบ 2 คม เนื่องจากแม้ความสัมพันธ์ในรัฐบาลจะดีขึ้น แต่กลุ่มพันธมิตรฯ อาจออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง กลยุทธ์: ให้เล่นเฉพาะแบบรายวัน โดยเข้าซื้อเก็งกำไรหุ้นใหญที่ไม่โดนเรื่องมาบตาพุด (PTTAR, IRPC, BANPU, KBANK, KTB) ตามแนวรับของดัชนีฯ ที่ 705 และถัดไปที่ 700 จุด เพื่อขายออกช่วงเด้ง ส่วนระยะสัปดาห์คงมุมมองเชิงลบ ถ้าจะซื้อหุ้นให้เลี่ยงหุ้นใหญ่และแนะซื้อหุ้นเสี่ยงต่ำเช่น ADVANC, CPF, MAKRO, AOT และ BGH เป็นต้นความเห็นข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ ศาลปกครองกลางสั่งยกคำร้อง 30 โครงการมาบตาพุต ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลปกครองกลางที่สั่งระงับการดำเนินงานโครงการ 65 โครงการ โดยศาลชี้ผู้ร้องไม่อยู่ภายใต้คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ก่อนศาลปกครองกลางพิพากษา เมื่อ 29 ก.ย. 52 และคำสั่งศาลปกครองสูงสุดเมื่อ 2 ธ.ค. 52 ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทที่ได้รับผลกระทบหลักๆ ได้แก่ กลุ่ม PTT และ SCC ซึ่งน่าจะได้รับจิตวิทยาเชิงลบในวันนี้ ทั้งนี้ แนวทางในการดำเนินการถัดไป คือ กลุ่มบริษัทดังกล่าวอาจยี่นขอผ่อนผันจากศาลปกครองสูงสุดอีกครั้งหนึ่ง หรือ รอการทำ HIA และประชาพิจารณ์ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญในระยะถัดไป บริษัทผู้นำเข้าเนื้อไก่ในรัสเซียเริ่มต้นหาซื้อเนื้อไก่จากประเทศอื่นๆ เช่น ไทย หลังจากที่การเจรจาระหว่างรัสเซียกับผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐหยุดชะงักลง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยที่รัสเซียไม่มีภาระผูกพันในการเปิดตลาดเพื่อรับซื้อเนื้อไก่จากสหรัฐอีกครั้งรัสเซียเป็นประเทศที่ซื้อเนื้อสัตว์ปีกจากสหรัฐมากที่สุด โดยมีมูลค่าราว 800 ล้านดอลลาร์ในปี 2008 แต่รัสเซียได้ห้ามการนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกจากสหรัฐในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากมีความกังวลเรื่องการใช้สารคลอรีนในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียในเนื้อสัตว์ ซึ่งอาจส่งผลให้อาหารเป็นพิษ ถ้าผลสรุปของการเจรจาออกมาไม่เป็นไปในทางบวก จะทำให้เกิดผลดีต่อผู้ส่งออกเนื้อสัตว์ของไทย เช่น CPF เพราะเนื่องจากมีฐานการผลิตในไทยแล้ว CPF ยังมีฐานการผลิตใน ตรุกี และรัสเซียอีกด้วย ยังคงคำแนะนำซื้อด้วยราคาเป้าหมายที่ 14.0 บาท               

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook