ศศิธาราสวนชุมพล
ส่วนเรี่องที่ติดขัดนั้น ส่วนใหญ่มาจากฝ่ายนโยบายไม่นิ่งทั้งสิ้น ทำให้การดำเนินงานของฝ่ายปฏิบัติขลุกขลัก เช่น การเสนอของบช่วยเหลือการเงินแก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ และปัญหาภายในประเทศ เดิมจะขอวงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท แต่สุดท้าย รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ก็เป็นคนขอให้ทบทวน ทำให้ต้องปรับวงเงินลงมาเหลือ 5,000 ล้านบาท เรื่องการเปลี่ยนชื่อสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว เป็นกรมการท่องเที่ยว และเปลี่ยนชื่อสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ เป็นกรมพลศึกษา ได้เดินหน้าจนเรื่องเตรียมเข้า ครม.แล้ว แต่ฝ่ายนโยบายก็สั่งให้ยุติ ส่วนการจัดทำวาระท่องเที่ยวแห่งชาติที่เตรียมเข้า ครม.ก็ถูกให้ถอนเรื่องออกก่อน
น.ส.ศศิธารา กล่าวว่า ตนเองคงยังไม่ดำเนินการฟ้องศาลปกครองกรณีถูกย้ายครั้งนี้ เนื่องจากตามธรรมเนียมไทย ต้องให้ความเคารพผู้ใหญ่ แต่ในอนาคตคงจะหาช่องทางเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองแน่นอน
การบริหารราชการต้องกระทำด้วยหลักธรรมาภิบาล หากอธิบายสังคมได้ไม่ชัดเจน ก็จะทำให้กังขา ซึ่งผู้ที่จะรับหน้าที่ปลัดกระทรวงฯ ต้องเป็นที่ยอมรับในโลกด้วย ทั้งนี้ การที่ตนเองออกมาแถลงข่าว ไม่มีเจตนาจะโจมตีใคร และยืนยันว่า ไม่เคยขัดแย้งกับ นายชุมพล ศิลปอาชา.