อ้างพธม.หนุนแก้รธน.

อ้างพธม.หนุนแก้รธน.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ชุมพลยันเอาแน่ แดงเชียงใหม่ฮึ่ม ประท้วงสมคิด

ลุ้นมติ กก.บห.ปชป. ตัดสินใจแก้รธน.หรือไม่ บีบ เทพเทือก เล่นบททนายหน้าหอ แก้ตัวกับพรรคร่วมรัฐบาล เจ้าตัวไม่หวั่น ลั่นคิดหาทางออกไว้ทุกทางแล้ว ย้ำเป็นหน้าที่ดูแลบ้านเมืองให้ดี แจงวิเคราะห์เกมยุบสภา ไม่ได้ข่มขู่สมาชิกพรรค นายกฯเผยคิดแตกต่างไม่ได้ผิด สาทิตย์ ลั่นพรรคไหนนิยมทุบโต๊ะ ส่อแววเผด็จการ มั่นใจพรรคร่วมยังพูดจากันได้ ขณะที่ บรรหาร นั่งกำกับชุมพล ประสานพรรคร่วมรัฐบาล ชักธงเดินนำแก้ รธน. อีก 3 พรรคร่วมเอาด้วย แถลง พธม.เคยหนุนให้แก้รธน. จุดพลุหลุดกรอบพรรค ให้ ส.ส.ตัดสินใจอิสระ เสื้อแดงเชียงใหม่ แค้น ตร.ลากเณร ขณะบุกประท้วง สมคิด พ้นพื้นที่ ขว้างหมามุ่ย-ก้อนหินใส่ตร. ก่อนเจรจาลดดีกรีความห้าว เพื่อไทย แฉ พล.อ.ส ดอดเป่าหูฉก.90 ทหารแก่ฝั่งเพื่อไทย ผนึกกำลังกล่อมทหารรุ่นน้องอย่าริปฏิวัติ เรืองไกร ยื่นกกต.สอบ กษิต ล่วงอำนาจศาล เหตุให้นายกฯเร่งคดี ทักษิณ

* นายกฯย้ำคิดต่างไม่ได้ผิด

เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่มหาวิทยาลัย รังสิต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ร่วมการสัมมนาวิชาการเนื่องในโอกาสวันสถาปนามหาวิทยาลัยรังสิตครบรอบ 25 ปีและกล่าวปาฐกถาเรื่อง แนวทางปฏิรูปประเทศไทย โดยกล่าวตอน หนึ่งว่า การปฏิรูปการเมืองและความแตกแยกในสังคมนั้นสำคัญมากซึ่งมีความหมายกว้างและยิ่งใหญ่กว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ประเทศไทยลองมาหมดแล้วในเรื่องระบบเลือกตั้งของ ส.ส.และ ส.ว. รวมทั้งองค์กรอิสระ แต่สิ่งที่พบซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือ คนไม่ดีสามารถหาช่องโหว่ได้ตลอด ไม่ว่าในระบบใด สิ่งที่ไม่สำเร็จคือปฏิรูปพฤติกรรมนักการเมือง

นายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาการเมืองเเละความไม่สมานฉันท์ปรองดองนั้น มุมมองและจุดยืนทั้งของตนและรัฐบาลชัดเจน คือ ไม่มีใครชอบความแตกแยก แต่อยู่กับความเป็นจริงว่า ความคิดทางการเมืองมันยากที่จะให้ทุกคนคิดเห็นตรงกัน และต้องเคารพความเห็นที่แตกต่างที่ต้องแสดงออกภายใต้ขอบเขตกฎหมายและไม่ นำไปสู่ความรุนแรง รัฐบาลจะใช้อำนาจเท่าที่กฎหมายมอบให้และไม่คิดที่จะใช้วิธีนอกเหนือกฎหมายหรือใช้อำนาจนอกเหนือกฎหมายไปจัดการ ตนยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ลุแก่อำนาจในการผลักดันสิ่งที่ตัวเองต้องการอย่างไม่มีขอบเขต ฉะนั้นความคิดเห็นที่แตกต่างทางความคิดมันยังคงมีอยู่

* สุเทพหาทางออกแก้รธน.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการหาข้อ สรุปเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรค ประชาธิปัตย์จะได้ข้อสรุปที่ถือเป็นเด็ดขาดต่อเรื่องนี้ในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค วันที่ 26 ม.ค.นี้ โดยไม่จำเป็นต้องนำผลสรุปที่ได้เข้าหารือในที่ประชุม ส.ส.ของพรรคอีกครั้ง ส่วนแนวโน้มข้อสรุปจะออกมาเป็นอย่างไรนั้นตนไม่ทราบ และไม่ขอ พูดล่วงหน้า เมื่อคณะกรรมการบริหารพรรคตัดสินใจอย่างไรทุกคนต้องปฏิบัติตาม ทั้งนี้ ตนได้คิดหาทางออกไว้ทุกทาง เพราะหน้าที่ของตนต้องดูแลให้บ้านเมืองอยู่ได้

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า หลังจากที่พรรคได้ข้อสรุปแล้ว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะนัดหมายพูดคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป เมื่อถามถึงรายงานข่าวที่ว่ามีการวิเคราะห์ของนายสุเทพในการสัมมนาของพรรคว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องระบบเขตเลือกตั้ง ให้เตรียมยุบสภาได้เลย นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องที่พูดกันในที่ประชุมถือเป็นเรื่องภายใน ทั้งนี้ สิ่งที่ตนพูดไม่ได้เป็นการข่มขู่สมาชิกพรรค เพราะตนไม่มีนิสัยที่จะข่มขู่คน ซึ่งคนในพรรคทราบดี ตนจะบอกถึงความคิดเห็นของตนให้สมาชิกพรรคทราบ แต่สื่ออาจแปลความหมายผิด

* ยังไม่เป็นเรื่องบีบคั้นเกินไป

ต่อข้อถามว่าความเคลื่อนไหวของพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องนี้เป็นการกดดันบีบคั้นพรรคประชาธิปัตย์เกินไปหรือไม่ นาย สุเทพ กล่าวว่า ไม่ แต่พรรคร่วมรัฐบาลได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ไว้เป็นปี ทั้งนี้ ตนเข้าใจกระจ่างความประสงค์และทุกความ เคลื่อนไหวของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ตนต้องดำเนินการภายในพรรคของตนให้เสร็จแล้วจึงส่งคำตอบให้พรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ก็มีบางฝ่ายในพรรคระบุว่าถ้าพรรคไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลมีความอึดอัด เพราะเขากังวลว่าเป็นพรรคเล็ก กระแสพรรคก็มีไม่มาก ดังนั้น การไปต่อสู้ในเขตเลือกตั้งที่ใหญ่ กระแสของประชาชนอาจไปในทิศทางที่จะเลือกพรรคใหญ่ เขาจึงลำบาก ทำให้ต้องดิ้นรน

เมื่อถามว่าเมื่อเรื่องนี้เข้าสู่สภาแล้ว ถ้าพรรคการเมืองส่วนใหญ่เลือกที่จะแก้ไข รัฐธรรมนูญ แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่แก้ จะถือโอกาสชิงยุบสภาหรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่ต้องตอบเรื่องเหล่านี้เพราะยังไม่เกิดขึ้น และอาจไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลยก็ได้ เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ต้องคาดการณ์ไปไกลขนาดนั้น ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าพรรคยอมแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะกลายเป็นการตามใจเพื่อนอีกแล้วหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เราเป็นเพื่อนกัน ถ้าตามใจกันก็คงไม่น่าเกลียด ทั้งนี้ก็ต้องดูเหตุผลโดยต้องมองภาพรวมว่าบ้านเมืองอยู่อย่างไร

* ซัดนิยมทุบโต๊ะเผด็จการ

เมื่อถามว่ายังมั่นใจหรือไม่ว่าจะ สามารถบริหารจัดการให้เสร็จอยู่ในกระบวนการของรัฐสภา โดยไม่เปิดประตูให้เกิดการฉีกรัฐธรรมนูญโดยการปฏิวัติ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นว่าทหารไม่คิดปฏิวัติ และไม่ใช่ประเด็นที่ต้องคิดในขณะนี้ เพราะทหารยังไม่จำเป็นต้องตัดสินใจ เนื่องจากรัฐบาลยังสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้ด้วยวิธีการตามครรลองระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม เราต้องไม่มีวิตกจริตในการทำงาน และต้องคิดให้รอบคอบ ไม่ประมาท ต่อข้อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่ารัฐบาลชุดนี้ จะอยู่ได้ถึงกลางปีนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า เดี๋ยวพูดมากไปคนจะโกรธเอานะ แต่รัฐบาลนี้อยู่นาน เพราะเราสมควรต้องอยู่ทำหน้าที่

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต. สำนักนายกฯ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ว่า เรื่องความเห็นที่ไม่ตรงกันมีทุกพรรค เป็นเรื่องปกติ พรรคไหนที่มีความเห็นเป็นหนึ่งเดียว เจ้าของพรรคทุบโต๊ะ พรรคนั้นก็ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการ ประชาธิปัตย์เป็นประชาธิปไตยก็ต้องฟังเสียงกัน ซึ่งก็ยอมรับว่าเสียงค่อนข้างก้ำกึ่งกัน และก็มีข้อดี ข้อเสียด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย แต่ถึงจุดหนึ่งก็ต้องตัดสินใจ ตนมั่นใจว่าในวันที่ 26 ม.ค.ที่จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคจะได้ข้อยุติอย่างแน่นอน

* ยังคุยพรรคร่วมรัฐบาลได้

เมื่อถามว่าสิ่งที่นายสุเทพ ในฐานะเลขาธิการพรรค วิเคราะห์ให้สมาชิกพรรค ฟังในการสัมมนา เรื่องการยุบสภาหากไม่ฟังเสียงพรรคร่วม จะเป็นน้ำหนักในการพิจารณาของกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เรื่องวิเคราะห์การเมืองเป็นการวิเคราะห์ต่อท่าทีของการเดินแต้มทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง และความเป็นห่วงกับสถานการณ์ของประเทศ แม้ว่าบางส่วนอาจจะเกี่ยวกัน แต่ต้องแยกกับการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกคนรู้ว่าไม่ใช่คำขู่ เป็นการวิเคราะห์บนพื้นฐานของข้อมูลข้อเท็จจริง

เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะยอมรับผลตัดสินของพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า คงตอบแทนไม่ได้ แต่อย่างน้อยที่สุด นายสุเทพก็คงต้องมีคำตอบไปบอกกับเพื่อนพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องเข้าใจของแต่ละพรรคด้วย ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตยแนะนำให้พรรคประชาธิปัตย์ยอมเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยนั้น ก็เป็นความเห็นหนึ่งในสังคม ซึ่งมีความแตกต่างกันเยอะ พรรคจึงต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ อย่างไรก็ดี เชื่อว่าต่างฝ่ายต่างพรรคต่างมีจุดยืนของตัวเอง แต่สุดท้ายก็จะต้องมาหารือร่วมกัน เพื่อฟังเหตุผลระหว่างกันและกัน ตนเชื่อว่ายังคุยกันได้

* อ.โต้งเน้นฟังชวน-หยัด

นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 26 ม.ค. เพื่อหาข้อสรุปเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญว่า มติของที่ประชุมมีความเป็นไปได้ทั้งนั้นว่าจะแก้ไขหรือไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ และมีความเป็นไปได้เช่นกันที่จะฟรีโหวต ซึ่งขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคว่าจะเลือกแบบใด ที่สำคัญตนเห็นว่าการอภิปรายจะต้องยึดผลประโยชน์ของพรรคเป็นที่ตั้ง เพราะนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษา ซึ่งสนับสนุนเขตใหญ่มาโดยตลอด ได้แสดงความกังวลว่าที่ผ่านมาพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่เคยรับประกันว่าจะไม่หักหลังและจะร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป

นายไกรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ดังนั้น การที่พรรคประชาธิปัตย์เห็นตามพรรคร่วม โดยเอาเขตเล็ก อาจเกิดปัญหาได้ เพราะถ้าพรรคร่วมได้ในสิ่งที่ต้องการ จึงไม่มีเงื่อนไขอะไรที่ต้องร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าเริ่มมีการล็อบบี้กรรมการบริหารพรรคให้สนับสนุนเขตเล็ก นายไกรศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ถูกใครล็อบบี้ แต่การที่ตนเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคอีสาน ก็ต้องฟังเสียงส.ส.ในพื้นที่ ที่ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับเขตเล็ก แต่ทั้งหมดก็อยู่ที่การตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดว่าจะเลือกแบบใด หรือไม่เลือกเลย

* 3พรรคประสานเสียงแล้ว

ที่โรงแรมปริ๊นเซส หลานหลวง เวลา 12.00 น. แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และพรรคกิจสังคม นำโดย นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพรรคชาติไทยพัฒนา นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคกิจสังคม นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล นายวราวุธ ศิลปอาชา กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ได้ร่วมกันหารือถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยนายบรรหาร กล่าวก่อนหารือว่า เป็นการเดินสายหารือเป็นนัดสุดท้ายแล้ว

จากนั้นเวลา 12.30 น. นายชุมพล ได้ร่วมกันแถลงข่าวกับนพ.วรรณรัตน์ และนายสุวิทย์ ยืนยันที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 190 เกี่ยวกับสนธิสัญญา และมาตรา 93 และ 94 เกี่ยวกับระบบการเลือกตั้ง โดยนายชุมพล กล่าวว่า สภาชุดนี้เหลือเวลาอีก 1 ปีกว่า ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญใน บางมาตรา เพื่อแก้วิกฤติทางการเมือง โดยจะรวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอต่อประธานสภาในสัปดาห์หน้า

* อ้างพธม.เคยเสนอแนวทางนี้

นายชุมพล กล่าวว่า การดำเนินการใน 3 พรรควันนี้ก็สอดคล้องกับสิ่งที่สังคม และกลุ่มการเมืองในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งในตอนรับร่างรัฐธรรมนูญปี 50 ทางกลุ่ม พันธมิตรฯก็แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่าจะดำเนินการรวบรวมรายชื่อ 50,000 ชื่อ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็นต่าง ๆ รวมทั้งมาตรา 93, 94 ด้วย โดยแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2550 นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ขึ้นแถลงการณ์ในนามของสมัชชาประชาชนเพื่อการปฏิรูปการเมือง (สปป.) หนุนรับร่างรัฐธรรมนูญ แต่มี เงื่อนไขจะเร่งล่ารายชื่อทันที และยังได้แถลงการณ์ร่วมกับนายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติพงษ์ไพบูลย์ นายสุริยะใส กตะศิลา ถึงจุดยืนดังกล่าวด้วย

นายชุมพล ยังกล่าวว่า นอกจาก นี้ นายพิภพยังได้ระบุอีกว่าเรื่องการพิจารณารับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญว่าอยากให้ทุกฝ่ายมองไปข้างหน้า หากทำให้รัฐธรรมนูญผ่านการลงประชามติจะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย หากสิ่งใดไม่ดี รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งสามารถทำการป.ยังได้มีมติอีกว่าจะรณรงค์รวบรวมรายชื่อประชาชน 50,000 รายชื่อตามมาตรา 291 เพื่อผลักดันให้ มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง รวมทั้งทำเป็นข้อเสนอเพื่อเป็นสัญญาประชาคมจากทุกพรรคการเมือง ซึ่งเราก็รอการประสานงานมาจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อ

* ยันเห็นสอดคล้องเดินหน้า

นพ.วรรณรัตน์ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นส.ส.ฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล ซึ่งขณะนี้เราเห็นสอดคล้องว่ารัฐธรรมนูญควรจะแก้ไขใน 2 ประเด็น ซึ่งก็เป็น 2 ใน 6 ประเด็นตามมติของคณะกรรมการสมาน ฉันท์ฯ

ขณะที่นายสุวิทย์ กล่าวว่า ที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ส.ส.ของพรรคได้พิจารณาศึกษาให้มีการแก้ไขใน 6 ประเด็น โดยเห็นสอดคล้องกันว่าต้องแก้ไขเร่งด่วนคือ มาตรา 190 เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถไปเจรจาต่อรองได้ ส่วนประเด็นการเลือกตั้ง ที่มีการถกเถียงกันการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคกิจสังคมมองว่าการเลือกตั้งเขตเดียวเบอร์เดียวจะสามารถดูแลประชาชนได้อย่างใกล้ชิดทั่วถึงและเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนหนึ่งคนเลือกได้ ส.ส. 2-3 คน จึงเห็นว่าเป็นประชาธิปไตยที่เสมอภาคที่สุด

* พ้นกรอบพรรคเป็นเรื่องสภา

เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์โยนให้กรรมการบริหารพรรคเป็นผู้ตัดสินว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ จะรอผลการประชุมพรรคหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า ขั้นตอนขณะนี้ไม่ใช่เรื่องของพรรคการเมือง ฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เป็นเรื่องของ ส.ส.ในสภา ดังนั้นเป็นขั้นตอนที่ ส.ส.เสนอญัตติก็เสนอไป การสมทบทีหลังไม่ได้เป็นปัญหา ไม่ว่าเป็นฝ่ายไหน หรือพรรคไหน เราจะลบความเป็นพรรคทิ้ง เป็นสมาชิกรัฐสภาเพียงอย่างเดียว

ผู้สื่อข่าวถามว่าผลการประชุมของพรรคประชาธิปัตย์จะออกมาอย่างไรไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า ไม่ใช่เราท้าทาย แต่ขณะนี้องค์ประกอบทั้ง 5 พรรคเรียบร้อยแล้ว เราจะเดินหน้าต่อไป ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ไปพูดกันในตอนอภิปรายและลงมติ แม้แต่จะเสนอรายชื่อสมทบก่อนไปยื่นก็ยังทำได้ เพราะเราเสนออาทิตย์หน้าไม่ใช่อาทิตย์นี้

* เมินเสียงทักษิณเจื้อยแจ้ว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อถอดถอนนายสุเทพออกจากตำแหน่ง ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ว่า เป็นสิทธิของประชาชนที่สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ ตนก็มีหน้าที่ชี้แจงแสดงเหตุผลตามข้อกฎหมาย ทั้งนี้เชื่อว่าไม่มีอะไรบานปลาย และตนไม่รู้สึกหนักใจ เพราะตนเป็นเป้ากระสุนตกอยู่แล้ว ยิ่งมาจากทั้งเสื้อแดงและเสื้อเหลืองก็ลงที่ตน อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา

นายสุเทพ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นเพื่อตอบโต้ถ้ากองทัพทำการปฏิวัติรัฐประหารว่า เขาก็พยายามมานานแล้วที่จะเรียกตัวเองเป็นรัฐบาลพลัดถิ่น แต่บังเอิญนานาประเทศไม่ยอมรับ ทำไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ถือเป็นเพียงอีก บริบทหนึ่งเป็นเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณที่จะทำอะไรให้ดูขึงขัง น่าเชื่อถือ เพื่อให้เห็นว่าเขายังสำคัญอยู่ ซึ่งเขาก็พยายามทำต่อไป

* โอ่มีฐานหนุนรัฐบาลพลัดถิ่น

ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงทวีต ข้อความผ่านทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์ถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ชัดเจนครับรัฐบาลมาจากปฏิวัติเงียบยึดสนามบิน ศาลรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือปลดนายกฯ ที่มาจากพรรคที่ประชาชนเลือกถึง 2 คน ทหารช่วยตั้ง และ รัฐบาลชุดนี้กล้าใช้อำนาจเพราะได้รับการหนุนหลังจากทหาร ป๋า องค์กรอิสระ แถมใช้เงินกู้ไทยเข้มแข็งที่ขาดการควบคุม ซื้อสื่อที่แย่ ๆ พร้อมกันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังขอให้ผู้สนับสนุนเตรียมตัวแสดงพลังครั้งยิ่งใหญ่เพื่อบอกให้รัฐบาลคืนอำนาจให้ประชาชน

ในทวิตเตอร์ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ตอบคำถามสมาชิกจำนวนมากที่ทวีตข้อความเข้ามาสอบถามแนวคิดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นว่า คราวที่ผมถูกปฏิวัติไม่ได้ตั้ง เพราะอยากให้บ้านเมืองสงบ แต่กลับถูกรังแกอย่างโหดเหี้ยม/หน้าด้าน ปฏิวัติคราวนี้ผมเอาแน่มีบางประเทศให้ใช้ และ ขอบคุณครับเตรียมตัวกันไว้ ทุกประเทศที่มีคนไทย โดยเฉพาะผู้รักประชาธิปไตย หากมีปฏิวัติเราจะได้รวมตัวกันตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นได้ครับ ตอนนี้ยังตั้งไม่ได้ต้องรอให้มีปฏิวัติจึงจะ ตั้งครับ

* ทหารแก่พท.ส่องเกมปฏิวัติ

ที่พรรคเพื่อไทย เวลา 09.30 น. คณะอดีตนายทหารในสังกัดพรรคเพื่อไทย นำโดย พล.อ.สุเมธ โพธิ์มณี อดีตผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการอากาศโยธินและเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมถึงพล.อ. จิรเดช คชรัตน์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 และรอง ผบ.ทบ.ได้มีการเรียกประชุมเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง โดยรายงานข่าวแจ้งว่าหลังจากหยิบยกเหตุการณ์และความเคลื่อนไหวของฝ่ายต่าง ๆ เช่น กรณีลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ห้องทำงาน ผบ.ทบ. จนนำไปสู่การออกหมายเรียก พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ขึ้นมาวิเคราะห์

โดยอดีตนายทหารเหล่านี้ มีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดการรัฐประหารอีกครั้ง โดยอาศัยความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จะชุมนุมใหญ่ ช่วงก่อนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเงื่อนไข ในการประชุมได้พูดคุยกันถึงแนวทางต่อสู้ การปฏิวัติด้วยยุทธวิธีใช้สายสัมพันธ์ส่วนตัวทั้งความเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา และความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกับนายทหารหน่วยต่าง ๆ พร้อมกับพูดจาโน้มน้าว ชี้แนะให้เห็นผลเสียที่จะตามมาหลังการยึดอำนาจ แต่ก็ไม่ได้ตั้งความหวังมากนักว่าจะสำเร็จ

* แฉพล.อ.สเป่าหูฉก.90

นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ที่มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เป็นประธาน ว่า ในการประชุมตนได้เสนอประเด็นกระแสข่าวการรัฐประหารประกอบความเคลื่อนไหวของนายทหารกลุ่มหนึ่ง ให้นายสมชายและที่ประชุมรับทราบและวิเคราะห์ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นกรณีวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมานายทหารกลุ่มหนึ่งซึ่งคุมกำลังหลักในกองทัพ เรียกทหารจากกองร้อยปฏิบัติการพิเศษ หรือ ฉก.90 ประชุมลับที่ค่ายทหาร พล.ร.2 รอ. จ.ปราจีนบุรี โดยมีนายทหารคนสนิทของ พล.อ. ส ซึ่งเกษียณราชการแล้วเข้าร่วมด้วย

นายสุชาติ ยังกล่าวว่า ยังมีการหารือรวมถึงการส่งทหาร และตำรวจนอกเครื่องแบบ ไปเตรียมพร้อมที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อช่วง คืนวันที่ 24 ม.ค. ตลอดจนกรณีกลุ่มคนเสื้อเหลืองประกาศชุมนุมต่อต้าน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงแล้ว ซึ่งพรรคเพื่อไทยรู้สึกไม่สบายใจต่อความเคลื่อนไหวเหล่านี้ จึงอยากให้ทางกองทัพออกมาชี้แจง

* จี้สอบย้ายบ้านเขายายเที่ยง

ที่พรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ว่า ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน พิจารณายื่นกระทู้ถามสดต่อนายกรัฐมนตรีในวันที่ 28 ม.ค. ในเรื่องกรณีเขายายเที่ยง และกรณีสนามกอล์ฟสอยดาวไฮแลนด์ ที่ทั้ง 2 อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

โดยสำหรับเรื่องเขายายเที่ยงจะ ถามนายกฯว่า ได้ไปสั่งการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ดำเนินการ อย่างไรบ้าง และแผนที่เขายายเที่ยงที่อ้างว่าหายไปนั้น หายไปได้อย่างไร และมีการดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง นอกจากนี้กรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ก็เฉพาะที่ดินแปลงที่ 49 เท่านั้น แต่ พล.อ.สุรยุทธ์ที่ถือครองที่ดินแปลง ที่ 50 อีกประมาณ 5 ไร่ นั้นดำเนินการอย่างไรบ้าง นอกจากนี้การรื้อถอนบ้านพักออกของ พล.อ.สุรยุทธ์ นั้นตามกฎหมายทำได้หรือไม่ และทรัพย์สินดังกล่าวถือเป็นของใคร

* ตั้งกระทู้ถามเขาสอยดาว

นายปลอดประสพ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟเขาสอยดาว นั้น จะถามนายกฯว่าได้สั่งการให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะตามกฎหมายแล้วเมื่อเป็นที่ที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว ทางเจ้าหน้าที่สามารถยึดมาเป็นของหลวงได้ทันที นอกจากนี้การที่เอาที่ดังกล่าวไปออกโฉนดนั้นดำเนินการได้อย่างไร และเมื่อเป็นการออกโฉนดที่ไม่ถูกต้อง จะเพิกถอนเมื่อใด รวมถึงเรื่องการจัดการเขื่อน และน้ำตกที่อยู่ในที่สนามกอล์ฟ จะดำเนินการอย่างไร พรรคเพื่อไทยอยากฟังนายกฯพูดถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไร เพราะไม่เคยฟังนายกฯพูดเรื่องเขาสอยดาวสักครั้ง

นายประเกียรติ นาสิมมา ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีเขายายเที่ยงของ พล.อ.สุรยุทธ์นั้น การรื้อถอนบ้านพักนั้นทำได้หรือไม่ เพราะตามกฎหมายแล้ว สิ่งปลูกสร้างถือ เป็นสิ่งที่ติดอยู่กับที่ดิน เมื่อที่ดินกลับคืนเป็นของหลวง สิ่งปลูกสร้างก็ต้องตกเป็นของหลวง แล้ว พล.อ.สุรยุทธ์ จะไปรื้อถอน ได้อย่างไร และไม่ทราบว่ากรมป่าไม้เป็นคนสั่ง หรือ พล.อ.สุรยุทธ์ รื้อถอนเอง นอกจากนี้การรื้อถอนเวลากลางคืน รีบขนของ ออกมามีของหวงห้ามที่ต้องหลบสายตาผู้คนหรือไม่ มีการเอาไม้ในพื้นที่ป่าสงวนออกไปหรือไม่ เพราะการจะขนย้ายไม้ ต้นไม้ ต้องมีเอกสารอนุญาตจากกรมป่าไม้

* แดงเชียงใหม่ฮึ่มไล่สมคิด

เมื่อเวลา 11.15 น. นายสุดชัย บุญชัย พร้อมพวก 4 คน ซึ่งอ้างตัวเป็นกลุ่ม นปช.กาฬสินธุ์ ได้เดินทางมาที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์เพื่อยื่นหนังสือให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ตรวจสอบกลุ่มบุคคลใกล้ชิดและคณะองคมนตรีทำการล้ำบึงน้ำที่ดินสาธารณะในซอยรามอินทรา 44 และปลูกบ้านพักส่วนตัวจึงขอให้ พล.อ.เปรม ดำเนินการให้บุคคลดังกล่าวยุติการกระทำและคืนที่ดินโดยเร็ว แต่ถ้ายังไม่มีการดำเนินการใด ๆ กลุ่มคนเสื้อแดงกาฬสินธุ์จะบุกเข้าไปจับกุมบุคคล ดังกล่าวเพื่อนำมาประจาน ทั้งนี้การยื่นหนังสือดังกล่าว ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดออกมารับหนังสือทำให้ นายสุดชัย และพวก ต้องเดินทางไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบองคมนตรีย่านสวนสราญรมย์

ที่กองบัญชาการสำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 ถนนมหิดล ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล และ น.ส.กัญญาภัค มณีจักร แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 พร้อมสมาชิกกลุ่มกว่า 200 คนสวมเสื้อแดงชุมนุมเพื่อประท้วงและขับไล่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผบช.ภ.5 ออกจากพื้นที่ เพื่อให้ไปรับทราบคดีอุ้มนักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบียในคดีเพชรซาอุฯ โดยมีการนิมนต์พระมาทำพิธีถอนวิญญาณ และนำโลงศพติดรูป พล.ต.ท.สมคิด มาเดินแห่ประจาน พร้อมจุดพลุไฟขับไล่ และนำรถเครื่องเสียงมากล่าวโจมตี

* ขว้างหมามุ่ยแค้นตร.จับเณร

เบื้องต้น กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามจะบุกเข้าไปภายใน เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลพร้อมโล่ได้เข้าสกัด กระทั่งเวลา 14.30 น. พล.ต.ท.สมคิด ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ ทางกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชุมนุมอยู่ด้านหน้าจึงลุกฮือหมายจะบุกเข้าไปภายในให้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรึงกำลังป้องกันอย่างเข้มงวด ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจึงขว้างปาน้ำหมามุ่ย ก้อนหิน และโยนประทัดใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกลุ่มเสื้อแดงสามารถบุกเข้าไปในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้สำเร็จ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว สามเณรอนุวัน เขมาชะ อายุ 16 ปี สามเณรประจำวัดเวียงดง ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ นายกองแก้ว วังทุน อายุ 49 ปี และนายเทพ อายุ 23 ปี แกนนำการบุกตะลุยเข้าพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ครั้งนี้ไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมด้านนอกโกรธแค้ย่างมากเมื่อเห็น เจ้าหน้าที่ตำรวจฉุดกระชากสามเณรอย่างรุนแรง จึงออกอากาศทางวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงเรียกชุมนุมพลให้มากขึ้นกว่าเดิมและกล่าวโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ จากการปะทะกันทำให้กลุ่มเสื้อแดงบาดเจ็บกว่า 10 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บถลอกตามตัวกว่า 10 นายเช่นกัน จากนั้นก็ได้มีการเผาพวงหรีดและรูปของ ผบช. ภ.5 ต่อมาพล.ต.ต.บรรฑป สุคนธมาน รอง ผบช.ภ.5 ได้เข้าเจรจากับนายเพชรวรรต และทำการปล่อยตัวสามเณรอนุวัน พร้อมกับพวกออกมาเป็นอิสระ โดยกลุ่มคนเสื้อแดงก็ยืนยันจะชุมนุมต่อไป จนกว่าจะมีคำสั่งให้ ผบช.ภ.5 ยุติบทบาทการทำงานของตัวเอง

* ตกใจรถถังตั้งแถววิ่งในกทม.

ต่อมาเวลา 18.00 น. นายเพชรวรรต ได้พาตัวสามเณรอนุวัน เขมาชะ พร้อมคนเสื้อแดงอีกจำนวน 4 คนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสภ.แม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ว่าทั้งหมดถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ โดยพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องไว้และส่งตัวทั้งหมดให้แพทย์ตรวจสอบร่องรอยบาดแผล พร้อมระบุว่า การแจ้งความครั้งนี้เนื่องจากเหตุปะทะ กันของกลุ่มคนเสื้อแดงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บก.ภ. 5 ซึ่งฝ่ายเสื้อแดงเราเจ็บหลายคน จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ส่วนการชุมนุมเราก็จะทำการชุมนุมต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีคำสั่งให้ผบช.ภ.5 ยุติการทำงาน แต่คงไม่ดึกมากเพราะเกรงมือที่สามจะมาสร้างความวุ่นวาย

ในช่วงค่ำวันเดียวกัน ที่กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนที่สัญจรไปมาบนถนนวิภาวดีรังสิตและถนนพหลโยธิน ต่างพากันตื่นตระหนกเมื่อเห็นรถถังหุ้มเกราะ v-150 ออกมาจอดประจำตามจุดสำคัญต่าง ๆ อาทิ หน้าสนามบินดอนเมือง 4 คัน บริเวณสนามกีฬาธูปะเตมีย์ 4 คัน และบริเวณหน้าวัดเสมียนนารี 4 คัน โดยต่างวิพากษ์วิจารณ์และโทรศัพท์ตรวจสอบข้อมูลกันว่ามีการปฏิวัติหรือไม่ รวมทั้งนักท่องเว็บต่างพากันโพสต์กระทู้ถามว่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ดี เมื่อตรวจสอบกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบว่าเป็นการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ในบางส่วนจากภาคเหนือ โดยจอดรอเพื่อ ตั้งขบวนเดินทางไปภาคใต้แต่บางคันเสีย ต้องเข้าซ่อมที่โรงซ่อมในย่านบางเขนและจ.ปทุมธานี

* เรืองไกรยื่นกกต.เป่ากษิต

ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบนายกษิต ภิรมย์ รมว. การต่างประเทศ ที่อาจเข้าข่ายกระทำการอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (1) ว่าด้วยการแทรกแซงการทำงานของข้าราชการ จากกรณีที่ปรากฏข้อเท็จจริงในเนื้อความของหนังสือราชการกระทรวงการต่างประเทศที่ลงนามโดย รมว.การต่างประเทศส่งไปยังนายกฯ กรณีทำเอกสารลับหรือหนังสือเสนอแนวทางในการทำงานในหน้าที่ราชการ เรื่องแนวทางการดำเนินการกับปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ส่งไปยังผู้บังคับบัญชา คือนายกฯ

นายเรืองไกร ระบุว่า โดยมีเนื้อหาสาระบางส่วน ที่มีลักษณะเป็นการกระทำที่เข้าข่ายก้าวก่าย หรือแทรกแซงการพิจารณาคดี โดยเฉพาะข้อเสนอข้อ 2.4 ให้มีการเร่งการพิจารณาคดีต่าง ๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ยังคั่งค้างอยู่นั้น ย่อมเข้าลักษณะการใช้อำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหารไปก้าวก่ายแทรกแซงการทำหน้าที่ของข้าราชการฝ่ายตุลาการไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อม ซึ่งขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ โดยจะมีผลให้ความเป็นรัฐมนตรีของ รมว.การต่างประเทศต้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 (7) ได้ จึงขอให้ประธานกกต. รับคำร้อง ไปดำเนินการตรวจสอบความเป็นรมต.ของ นายกษิต สิ้นสุดลงนับแต่วันที่ได้กระทำการดังกล่าวแล้วหรือไม่

* นายกฯฟ้องกี้ร์หมิ่นประมาท

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรณีไต่สวนมูลฟ้องนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2552 ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยระบุว่านายกฯเป็นตัวการให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร และใช้อำนาจหน่วงเหนี่ยวในการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ของกลุ่มคนเสื้อแดง และ กรณีเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2552 ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวหานายกฯในฐานะโจทก์ว่ามีจิตใจชั่วช้า สั่งการให้ทหารและตำรวจฆ่าประชาชน โดยการไต่สวนใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความของโจทก์แล้วเห็นว่า คดีมีมูลให้ประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาโดยนัดสอบคำให้การจำเลยและตรวจพยานหลักฐานวันที่ 1 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

* ส.ว.เดินหน้าถอดสมชายต่อ

ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภา เป็นประธาน ได้พิจารณารายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีถอดถ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook