เสธ.แดงว้ากสห. บิ๊กป๊อกโต้กลับไม่ใช่เพื่อนเล่น

เสธ.แดงว้ากสห. บิ๊กป๊อกโต้กลับไม่ใช่เพื่อนเล่น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
อนุพงษ์ โต้ ไม่เคยเรียน หรือวิ่งเล่นกับ เสธ.แดง พร้อมกับไม่หวั่นจะถูกลอบกัด เฉย ๆ มาก หากเกษียณแล้วก็เป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง ชี้ประเทศต้องดูแล ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนที่ใครจะมารุมกระทืบได้ ฉุนสื่อถามอยู่ได้เรื่องปฏิวัติ เพราะพูดไปหลายสิบครั้งแล้ว ด้าน เสธ. แดง ยังแรงไม่เลิก ว้ากใส่ สห. ที่ล้อมกรอบ ไอ้พวกทหารไม่เคยรบ จนต้องพากันถอย ใช้เวลาว่างออกเดินสายบรรยายเรื่องประชาธิปไตยและประวัติศาสตร์ทางทหารให้กลุ่มคนเสื้อแดงกับประชาชนฟัง และยังคงเหน็บ ผบ.ทบ.

จากเหตุการณ์มือมืดลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ถล่มห้องทำงาน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. บนชั้น 6 อาคารกองบัญชา การกองทัพบก ถนนราชดำเนินกลาง เมื่อกลางดึกวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังจาก พล.อ.อนุพงษ์ มีคำสั่งพักราชการ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก หลังจากนั้นกำลังทหารกับตำรวจจึงเข้าค้นบ้านพักนายทหารของเสธ.แดงที่อยู่ใน ม.พัน 4 รอ. ย่านเกียกกาย รวมทั้งบ้านพักของอดีตคนขับรถ พบอาวุธปืน ระเบิดเอ็ม 79 และอาวุธสงครามจำนวนมากจึงจับกุมลูกน้อง 3 คน ของเสธ.แดง ดำเนินคดี พร้อมกับออกหมายเรียก พล.ต.ขัตติยะ ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหามีอาวุธสงครามไว้ในครอบครองจากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ขณะที่ พล.ต.ขัตติยะ ยืนยันว่า จะไม่เข้ารับทราบข้อกล่าวหา และพูดว่า ผบ.ทบ.ด้วยถ้อยคำรุนแรง ตามที่เสนอข่าวไปให้ทราบนั้น

* เสธ.แดงว้ากลั่นใส่ สห.

ต่อมา เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 ม.ค. พล.ต.ขัตติยะ หรือเสธ.แดง ได้ออก จากบ้านพักให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่หน้า ม.พัน 4 รอ. โดยมีสารวัตรทหารจำนวนหนึ่งออกมาคุมเชิงขณะเสธ.แดง ให้สัมภาษณ์ ทำให้ เสธ.แดง ไม่พอใจพร้อมกับใช้น้ำเสียงดุดันถามว่า จะมาจับใคร ไอ้พวกทหารไม่เคยรบ ทำให้สารวัตรทหารทั้งหมดเดินกลับเข้าไปใน ม.พัน 4 รอ.ทันที ก่อนที่ พล.ต.ขัตติยะ ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงนี้ตนถูกพักราชการมีเวลาว่างจึงออกเดินสายไปบรรยายให้ความรู้เรื่องประชาธิปไตย และประวัติศาสตร์การ ทหารในอดีตให้กับประชาชนทั่วไปและคนเสื้อแดงทางภาคเหนือฟังกัน โดยจะเริ่มที่ จ.พิษณุโลก ในวันเดียวกันนี้

* ย้ำไม่ไปพบตร.เชื่อไม่แพ้คดี

ส่วนที่กองปราบปรามมีหมายเรียกให้ตนเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 1 ก.พ. ตนจะไม่เข้าไปพบ เพราะอาวุธปืนที่พบในบ้านตนมีทะเบียนทุกกระบอก แต่ระเบิดที่พบไม่ใช่ของตน ไม่รู้ใครเอามายัดไว้ เรื่องนี้ถ้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วเชื่อว่าตนไม่แพ้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เข้าค้นบ้านตนโดยมิชอบและไม่มีหมายค้น เจ้าของบ้านก็ไม่อยู่ อีกทั้งการจับทหารใส่กุญแจมือถือว่าเป็นการผิดข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกด้วย

* ไม่ได้ถล่ม* 79ไม่รู้ใครทำ

เสธ.แดง ยังกล่าวถึงกรณีคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ถล่มห้องทำงาน ผบ.ทบ. อีก ว่า จะยิงกันเอง หรือใครยิง และเกิดเหตุขึ้นจริงหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ยืนยันว่า ตนไม่ได้ทำ แต่ถ้ามีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงถือว่าสร้างความอับอาย และเสียเกียรติภูมิกองทัพบกที่สะสมมาหลายปีอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับกองทัพบก

พล.ต.ขัตติยะ ยังกล่าวฝากถึง พล.อ. อนุพงษ์ อีกครั้ง ว่า ให้ออกคำสั่งให้ตนเองกลับเข้ารับราชการภายใน 1 เดือน ไม่เช่นนั้นอีก 7 เดือน หลัง ผบ.ทบ.เกษียณอายุราชการจะมีคนตามกระทืบท่านตั้งแต่หน้าบ้านยันปากซอยแน่นอน

* ชี้ศาลทหารกำลังสอบเสธ.แดง

ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึง พล.ต.ขัตติยะ หรือเสธ.แดง หลังถูกสั่งพักราชการ ว่า ศาลอาญาทหารกำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ เท่าที่ทราบจากคณะกรรมการ ต้องรอให้เจ้าตัวมาให้การกับคณะกรรมการ ถ้ายังไม่มารายงาน ตัวภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ ก็สามารถสรุป รายงานส่งให้กระทรวงกลาโหมได้ และในส่วนของคดีอาญาเรื่องการครอบครองอาวุธสงครามเป็นเรื่องของตำรวจที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายตั้งแต่วันที่มีการตรวจค้น

* บิ๊กป๊อกยันไม่มีคนในสนง.

เมื่อถามว่า พล.ต.ขัตติยะ ระบุว่ามีนายทหารยศร้อยเอกในสำนักงานผบ.ทบ.ยัดของกลางในระหว่างตรวจค้นบ้านพักจริง หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ก็ทราบจากสื่อมวลชน ซึ่งเราไม่เคยส่งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานไป เจ้าหน้าที่ที่ไปตรวจค้นเป็นเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารและตำรวจ ไม่มีเหตุผลที่เราต้องไปทำเช่นนั้น ไม่น่าเป็นไปได้ที่เราจะส่งใครไป

* คดีถล่ม* 79ตร.ดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เหตุการณ์การยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปในกองทัพบกมีการตั้งเป้าไปที่ พล.ต.ขัตติยะ หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการ การแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ตนได้ให้เจ้ากรมข่าวทหารบกไปชี้แจงแล้วว่าหน้าที่ของการรักษาความปลอดภัยของกองบัญชาการกองทัพบกเป็นอย่างไร เราไม่ใช่องค์กรของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เป็นหน่วยงานราชการตามกฎหมาย เราดูแลพื้นที่ของเราไม่ให้เข้ามาเอาเอกสารหรือบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ได้ นั่นคือหน้าที่การรักษาความปลอดภัยของเรา

หากมีการกระทำมาจากภายนอกก็เป็นหน้าที่ของตำรวจปกติ ซึ่งเราไม่ได้ส่งกำลังไปดูแลพื้นที่โดยรอบไม่ว่าจะเป็นด้านคุรุสภา วัดตรีทศเทพ สนามมวยราชดำเนิน ถ้าไม่ต้องการให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นก็ต้องมีมาตรการมากกว่านี้ ในยามปกติจึงเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำกถามว่าจำเป็นต้องทำหรือไม่ หากเป็นกองบัญชาการรบ ก็แน่นอนไม่มีใครเข้ามาในรัศมีนี้ได้จึงจะใช้ได้ แต่ในยามปกติก็จะเป็นเช่นนี้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

* รู้ถูกบึ้มจากเสธ.แดงดอทคอม

ส่วนสาเหตุการยิงเอ็ม 79 เข้าไปในกองทัพบกคืออะไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่บ้านเมืองต้องอยู่ภายใต้ของกฎหมาย ไม่ว่าใครจะยิงใครในเมืองหลวงก็ไม่ได้ทั้งนั้น ใครที่ต้องการให้ตนประเมิน โดยผ่านจากปากของตนคงไม่ถูก ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวน เมื่อถามว่า เหตุใดจึงต้องปิดข่าวไม่แจ้งความตั้งแต่ที่เกิดเหตุ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ความจริงเจ้าหน้าที่ไปเห็นตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่เขาไม่คิดว่าเป็นการถูกยิงระเบิดเข้ามา แต่ไปรู้อีกทีเพราะดูจากเว็บไซต์เสธ.แดงดอทคอม แล้วเจ้าหน้าที่ไปทบทวนจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้ไม่มีใครรู้

* ใครทำต้องใช้กฎหมายจัดการ

เมื่อถามว่า เป็นการท้าทายหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า องค์กรกองทัพบกไม่ใช่เป็นภาพอย่างที่สื่อถาม ไม่ใช่องค์กรของตน เป็นสถาบันหลักของชาติบ้านเมือง ใครมาอยู่ตรงนี้ก็ต้องทำไปตามกฎระเบียบที่มี ซึ่งจุดยืนของเราไม่ได้อยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราทำหน้าที่ตามที่ควรจะทำ เราไม่ได้ไปอิงว่าฝ่ายใดอยู่กับสีใด แต่การที่จะทำเช่นนั้นตนไม่เห็นว่าจะเกิดประโยชน์กับสังคม เพราะตนไม่ทราบว่าเจตนาคืออะไรหรือคนกลุ่มใด คิดว่ากลุ่มใดทำน่าจะเป็นผลทางด้านลบมากกว่า แต่ต้องขึ้นอยู่กับผลสอบสวน กองทัพบกไม่ใช่เจ้าของบริษัท แต่เป็นองค์กรของรัฐ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวตน ใครมาก็ต้องทำเช่นนี้ หากไม่ได้ดังใจและจะไปทำวิธีใดวิธีหนึ่งนั้นก็ต้องใช้กฎหมาย

* ปัดพูดคุยกับเสธ.แดง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาจะพูดคุยกับ พล.ต.ขัตติยะ อย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาทั้งกองทัพบกมีผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้น ผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.ขัตติยะ คือสำนักงานเลขานุการกองทัพบกที่พูดคุยตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีกระแสของเพื่อนในรุ่นเขาก็พูดคุยอย่างที่เป็นข่าว ซึ่งมีกลไกทำกันอยู่ เมื่อถามว่า มีการเมืองเข้ามาข้องเกี่ยวหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไป หากตนพูดไปจะเป็นประเด็น

* ทบ.มีทหารดีมากกว่าเลว

เมื่อถามว่า ในฐานะที่กองทัพบกเป็นสถานที่ พล.ต.ขัตติยะ อยู่ทำไมเขาจึงมาทำแบบนี้ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนถือว่าขณะนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาในกองทัพบก น่าสรรเสริญทุกระดับกำลังพลที่ดีทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ดูเรื่องความมั่นคง เช่น พื้นที่ภาคใต้ และดูความสงบเรียบร้อย ตัวตนเขาแม้มีส่วนที่ไม่ดีอยู่ก็เป็นธรรมดาของสังคม เพราะกองทัพบกเป็นองค์กรใหญ่มีคนหลายแสนคน แต่น่านับถือน้ำใจผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาเป็นพระเอก แต่ต้องดูคนที่เป็นตัวตนของกองทัพบกทั้งองค์กร ถ้าเขาไม่ดีแล้วไปสั่งให้เขาทำก็ไม่ได้ คือ เขาต้องดีด้วยและผู้บังคับบัญชาก็ต้องดีด้วย ทั้งนี้ ตนถือว่ากองทัพบกยังประกันเรื่องความมั่นคงของประเทศชาติได้ ทุกคนทำตามหน้าที่

* ไม่หวั่นคำขู่ถูกลอบทำร้าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลัวหรือไม่ว่าจากนี้จะถูกลอบทำร้าย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตัวผมเองไม่เคยกลัว เมื่อถามว่า แล้วการใช้ชีวิตประจำวันต้องระวังตัวมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เฉย ๆ มากไม่เคยรู้สึกต้องระวังตัวอะไร ต่อข้อถามว่า หลังเกษียณอายุราชการถูกขู่ว่าจะถูกลอบทำร้ายจากคนเสื้อแดง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า ไม่เป็นไร ตนมีค่าเหมือนกับประชาชนคนหนึ่ง จะไม่ตั้งตนเป็นมาเฟีย สร้างกองกำลังของตนเอง เกษียณไปก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ประเทศชาติก็ต้องดูแลตน หากจะมีการทำอะไรอย่างที่ว่าบ้านป่าเมืองเถื่อนขนาดนั้น สื่อพูดกับคนได้มากกว่า เรามีประชาชนตาดำ ๆ มากมาย เชื่อว่าบ้านเมืองไม่ใช่แบบนั้น

* ยันไม่เคยเป็นเพื่อนขัตติยะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ความสัมพันธ์ส่วนตัวของผบ.ทบ. กับ พล.ต.ขัตติยะ เป็นอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่รู้ เพราะในชีวิตไม่เคยเรียน ไม่เคยเป็นเพื่อนวิ่งเล่นกัน และไม่เคยไปเรียนกวดวิชากับ พล.ต.ขัตติยะ ไม่ทราบว่า พล.ต.ขัตติยะ ไปรู้จักกับใครที่ไหน ตนไม่เคยเป็นอะไรที่พิเศษกับเขา ปกติพล.ต.ขัตติยะ ก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาตนเหมือนกับกำลังพลคนหนึ่ง เมื่อทำผิดก็ว่าไปตามกฎหมาย ถ้าถามว่าโกรธแค้นส่วนตัว หรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าไม่มี

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับคนเสื้อแดงออกมาระบุว่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า ตนพูดมาจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว พูดมาหลายสิบหนแล้ว

* ป.ย้ำไม่มาพบออกหมายจับ

ส่วนที่ กองปราบปราม วันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบก.ป.หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีจับกุมลูกน้อง 3 คน ของ พล.ต.ขัตติยะ ฐานมีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง พร้อมกับออกหมายเรียก พล.ต.ขัตติยะ เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินคดี ถ้า พล.ต.ขัตติยะ ไม่เข้าพบพนักงานสอบสวนตามกำหนด พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกซ้ำครั้งที่สอง และครั้งนี้หากยังไม่มาพบอีก พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติออกหมายจับต่อไป

* มั่นใจกองทัพ

ด้าน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัย ราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,251 คน ระหว่างวันที่ 22-25 ม.ค.นี้ เกี่ยวกับประชาชนคิดอย่างไรกับ กองทัพไทย ในปัจจุบัน พบว่า อันดับ 1 เป็นกองกำลังที่มีอำนาจและมีความสำคัญในการปกป้องดูแลประเทศชาติ และเป็นรั้วของชาติ 40.26% อันดับ 2 กองทัพถูกนักการเมืองลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองมากเกินไปมี 21.33% อันดับ 3 มีนายทหารบางคนที่ทำให้กองทัพไทยเสื่อมเสีย เช่น การใช้อิทธิพล อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบมี 19.74% และอันดับ 4 ควรมีการประชาสัมพันธ์ ชี้แจงให้ประชาชนรับทราบถึงความเป็นไปของกองทัพไทยเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนมี 18.67%

* กองทัพเด่นในประสิทธิภาพ

สำหรับ จุดเด่น ของ กองทัพไทย ในสายตาประชาชน อันดับ 1 เป็นกองกำลังทหารที่มีประสิทธิภาพและมีอาวุธยุทโธปกรณ์ครบครัน 37.19% อันดับ 2 เป็นกองกำลังที่ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศ หรือเมื่อประเทศชาติประสบกับภัยพิบัติร้ายแรง กองทัพก็จะออกมาช่วยทันที 34.30% และอันดับ 3 เมื่อถึงภาวะวิกฤติ กองทัพสามารถจัดการกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่วุ่นวายให้คลี่คลายลงได้ 28.51%

ส่วน จุดด้อย ของ กองทัพไทย ในสายตาประชาชน อันดับ 1 เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้กองทัพเสื่อมเสียก็ควรรีบออกมาชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจโดยเร็วไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนเกิดความสงสัยและคิดไปเองต่าง ๆ นานา 48.18% อันดับ 2 กองทัพถูกดึงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองมากเกินไป 26.83% และอันดับ 3 กองทัพมักถูกอ้างชื่อหรือนำชื่อไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง แสวงหาผลประโยชน์อันไม่ชอบธรรม 24.99%

* ทหารยุ่งกับการเมืองพอกัน

ขณะที่ประชาชนคิดว่าระหว่าง การเมือง เข้าไปยุ่งเกี่ยวใน กองทัพ กับ กองทัพ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ การเมือง อันดับ 1 พอ ๆ กัน 45.69% อันดับ 2 การเมือง ยุ่งเกี่ยวกับ กองทัพ มากกว่า 33.74% และอันดับ 3 กองทัพ ยุ่งเกี่ยวกับ การเมือง มากกว่า 20.57% ส่วนความเชื่อมั่นที่ประชาชน มีต่อ กองทัพไทย มากที่สุด อันดับ 1 คือ การปกป้องชาติ ศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ยิ่งชีพ 49.54% อันดับ 2 การป้องกันดูแลประเทศชาติและประชาชนให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย 30.29% และอันดับ 3 การยึดมั่นในอุดมการณ์ รักษาชื่อเสียง เกียรติยศของกองทัพให้คงไว้ต่อไป 20.17%

* อยากให้ผู้นำเหล่าทัพซื่อสัตย์

สิ่งที่ประชาชนอยากฝากถึง ผบ.ทบ. อันดับ 1 คือ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ยึดมั่นในคำสัตย์ปฏิญาณ 51.16% อันดับ 2 ช่วยดูแลความมั่นคงในประเทศ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 29.18% และอันดับ 3 ดูแลความเป็นอยู่และการประพฤติปฏิบัติของเหล่าทหารให้อยู่ในระเบียบวินัย 19.66% ฝากถึง ผบ.ทร. อันดับ 1 คือ ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เต็มความสามารถ ยึดถือความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดมั่นในคุณธรรม 38.27% อันดับ 2 คือ ดูแลน่านน้ำ อนุรักษ์ทรัพยากรทางน้ำ ทะเล และพื้นที่ชายฝั่งของไทยให้ดี 35.02% และอันดับ 3 พัฒนากองทัพเรือและทหารเรือ ให้มีศักยภาพมั่นคงต่อไป 26.71% และสิ่งที่อยากฝากถึง ผบ.ทอ. อันดับ 1 คือ มีความซื่อสัตย์ มุ่งมั่นพัฒนากองทัพอากาศให้ดียิ่งขึ้นไป 36.06% อันดับ 2 คอยสอดส่องดูแลน่านฟ้าให้ดีอย่าให้ใครใช้น่านฟ้า ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น ลำเลียงสิ่งผิดกฎหมายฯ 33.55% และสุดท้าย ขอให้พัฒนากองทัพอากาศให้ทันสมัย ไม่น้อยหน้าชาติอื่นโดยเฉพาะในภูมิภาคเดียวกัน 30.39%

* ผบ.ม.พัน4โต้ สห.ไม่ได้ไปจับ

พ.ท.ชินสรณ์ เรืองศุข ผบ.ม.พัน 4 รอ. กล่าวถึงกระแสข่าวที่มี สห.ทบ.ไปควบคุมตัว พล.ต.ขัตติยะ หรือเสธ.แดง ว่า ยืนยันว่า ไม่มี สห.ทบ. ไปล็อกตัว หรือ จับตัว พล.ต.ขัตติยะ ตามที่เป็นข่าว เพราะไม่มีหมายจับ และเราไม่มีอำนจไปจับ พล.ต.ขัตติยะได้ เรื่อง คือ ตนเห็นมีนักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์ พล.ต.ขัตติยะ ตนจึงเข้าไปดูความเรียบร้อยเท่านั้น ยืนยันว่า ไม่มีอะไรทั้งสิ้น.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook