รัฐบาลไม่อุทธรณ์ศาลปค.มติครม.พระวิหาร

รัฐบาลไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครอง กรณีเพิกถอนมติครม.เดิมหนุนขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร อัยการระบุคำพิพากษาชอบด้วยเหตุผล

รายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 26 ม.ค. มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ประชุมครม.ได้พิจารณาเรื่องที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)เสนอให้ครม.พิจารณาดำเนินการต่อคำพิพากษาศาลปกครองกลาง เรื่องนายสุวัตร อภัยภักดิ์กับพวกรวม 9 คน ฟ้องรมว.การต่างประเทศ และครม.ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนการกระทำของรมว.การต่างประเทศและมติครม.เกี่ยวกับร่างคำแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชากรณีการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งจะครบกำหนดอุทธรณ์ในวันที่ 29 ม.ค.2553 และไม่อาจขอขยายเวลาได้

ศาลปกครองกลาง ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30ธ.ค.52 ให้เพิกถอนมติครม.เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2551 ที่ให้ความเห็นชอบร่างคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา และแผนที่แนบท้ายและที่ให้รมว.การต่างประเทศลงนามในแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว ทั้งนี้ทางสำนักงานอัยการสูงสุด มีความเห็นว่า คำพิพากษาของศาลปกครองกลางชอบด้วยเหตุผลทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย จึงเห็นควรไม่อุทธรณ์ ซึ่งที่ประชุมครม.ก็มีมติเห็นชอบที่จะไม่ยื่นอุทธรณ์ต่อคำพิพากษาของศาลปกครองดังกล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า นายกฯได้สอบถามว่าเมื่อครม.มีมติไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองแล้ว ครม.จำเป็นต้องยกเลิกมติครม.ที่เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ เพราะปกติจะไม่มีผลย้อนหลังถ้าเป็นการยกเลิกโดยมติครม. และแต่เป็นการยกเลิกมติครม.โดยคำพิพากษาของศาลถึงจะมีผลย้อนหลังไปนับตั้งแต่วันที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติครม.ดังกล่าว ซึ่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาชี้แจงว่า โดยปกติมติครม.ที่ถูกเพิกถอนน่าจะมีผลตั้งแต่เพิกถอนด้วยคำพิพากษาของศาลแล้วและครม.ได้ก็ยกเลิกมติครม.นั้นไปแล้ว