คุกเกริกเกียรติ 10 ปี

คุกเกริกเกียรติ 10 ปี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีโกงบีบีซี

อุทธรณ์ พิพากษายืน สั่งจำคุก 10 ปีเกริกเกียรติอดีต กก.ผจก.ใหญ่ แบงก์บีบีซี คดีร่วมกัน ประเมินราคาหลักทรัพย์ที่ดินสูงเกินกว่ามูลค่าความเป็นจริง นอกจากนี้ยังสั่งปรับ 2,264 ล้านบาท ส่วนบรรดาลูกน้องโดนถ้วนหน้าเช่นกัน ทั้งเจอคุกแล้วยังต้องร่วมกันชดใช้เงิน 1,132 ล้านบาท ขณะที่คนประเมินราคาที่ดิน-ฝรั่ง กก.บริษัทซิตี้ฯ ไม่ยอมมาฟังคำพิพากษา ถูกออกหมายจับ ล่าสุด อดีตบิ๊กบีบีซี อยู่ในสภาพป่วย ตัดสินใจยื่นประกันตัวทันควัน

ที่ห้องพิจารณาคดี 601 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 26 ม.ค. ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ ที่ 4714/2539, 5443/2539 และ 1604/ 2540 คดีหมายเลขแดงที่ 212-214/2546 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจ และทรัพยากร 3 และ ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง 1.นายพิเศษ พานิชสมบัติ อดีตเจ้าหน้าที่ประเมินหลักทรัพย์ 2.นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีต กก.ผจก. ใหญ่บีบีซี

3.บริษัท ซิตี้ เทรดดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด 4.น.ส.สุนันทา หาญวรเกียรติ อดีตกรรมการบริษัทซิตี้ฯ 5.นายเอกชัย อธิคมนันทะ อดีต ผู้ช่วย กก.ผจก.ใหญ่ บีบีซี และ 6.นายเทอร์รี่ อีสเตอร์ อดีตกรรมการบริษัทซิตี้ฯ เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ มูลค่า 1,657 ล้านบาท และเป็นกรรมการซึ่งรับผิดชอบการดำเนินงานของธนาคารกระทำผิดต่อหน้าที่ ร่วมกับพวกเบียดทรัพย์สินไปโดยทุจริตและรับของโจร เหตุเกิดระหว่างวันที่ 10 ก.พ.-20 ก.ค. 38 จำเลยร่วมกันประเมินราคาหลักทรัพย์ที่ดินสูงเกินกว่ามูลค่าความเป็นจริง

อย่างไรก็ตามมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าสมควรลงโทษจำเลยทั้งหมดในสถานะใด แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้ง 6 เคยกระทำความผิดหรือต้องโทษจำคุกมาก่อน แต่การกระทำผิดของพวกจำเลย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมและประชาชนผู้ฝากเงินจำนวนมาก เป็นความผิดร้ายแรง บ่อนทำลายเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ สมควรที่จะได้รับโทษหนักเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่นที่คิดจะกระทำความผิด

ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาให้ นายเกริกเกียรติ มีโทษจำคุกเหมือนกับที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกไว้ 10 ปี ปรับ 2,264 ล้านบาท ส่วนนายพิเศษ จำเลยที่1 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องนั้น ศาล อุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วยพิพากษาแก้เป็น ลงโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1 ล้านบาท และพิพากษาว่า บ.ซิตี้เทรดดิ้ง จำเลยที่ 3, น.ส.สุนันทา จำเลยที่ 4 และนายเทอร์รี่ จำเลยที่ 6 กระทำผิด ป.อาญา ม.352 ประกอบ 83 และ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ม.4, 307-308, 311 และ 315 ตามที่ศาลชั้นต้นลงโทษให้จำคุก คนละ 7 ปี ปรับคนละ 1 ล้านบาท

ส่วนนายเอกชัย จำเลยที่ 5 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 8 ปี ปรับ 1 ล้านบาทนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วยพิพากษา แก้เป็น ให้ลดโทษจำคุกนายเอกชัย จำเลยที่ 5 เหลือจำคุก 5 ปี ไม่มีโทษปรับ และให้ จำเลยที่ 1-4 และ 6 ร่วมกันชด ใช้เงินจำนวน 1,132 ล้านบาทคืนแก่จทก์ร่วม โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ชำระดอกเบี้ยร้อยละ 17.25 แต่เพียงผู้เดียว นอกจากนี้ศาลอุทธรณ์ยังมีคำสั่งให้ออกหมายจับ นายพิเศษ จำเลยที่ 1 และนายเทอร์รี่จำเลยที่ 6 ที่ศาลอุทธรณ์นัดฟังคำพิพากษามานานเกินกว่า 1 เดือนแล้วไม่มาตามกำหนด เชื่อว่ามีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ออกหมายจับตัวมารับโทษและชำระค่าปรับตามคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเกริกเกียรติ ปัจจุบันป่วยเป็นโรคหัวใจ และมะเร็งปอดระยะแรก ได้เดินทางมาศาล พร้อมกับคาดหน้ากากอนามัย หลังฟังคำพิพากษาแล้วยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินและเงินสดรวมมูลค่า 25 ล้านบาทขอประกันตัวสู้คดีระหว่างฎีกา ในส่วนของ คดีนายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษานายเกริกเกียรติ ที่อัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 3 ได้ยื่นฟ้องนายราเกซ ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งนายราเกซ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยศาลนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 1 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook