บสก.ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1.2 หมื่นล.

บสก.ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1.2 หมื่นล.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เนื่องจากบริษัทฯมียอดขายต่อเนื่องในทุกเดือน ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทั้งนี้ตั้งเป้ารายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 1 พันล้านบาท โดยในเดือนมกราคมบริษัทฯสามารถทำได้แล้ว 1.1-1.2 พันล้านบาท เกินเป้าต่อเดือนที่ตั้งไว้ ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำว่ารายได้ในปีนี้จะทำได้เกินเป้าหมาย ส่วนในปี 2552 บริษัทฯมีรายได้อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาทเกินเป้าหมายที่ได้วางไว้เดิม 11,628 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเกิน 3% ทั้งนี้ วันนี้บสก. จะมีการเซ็นสัญญากับธนาคารยูโอบีในการซื้อสินทรัพย์รอการขาย (NPA) จำนวน 1 พันล้านบาท และในระยะต่อไปกำลังหารือกับธนาคารกสิกรไทยและธนาคารทหารไทยอยู่ ซึ่งของธนาคารทหารไทยนั้นจะมีมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และคาดว่าการเจรจาจะเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาส 1/53 นี้ สำหรับการเจรจาซื้อ NPA ของธนาคารกรุงศรีอยุธยามูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาทและธนาคารนครหลวงไทยมูลค่า 1.9 หมื่นล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 3 หมื่นล้านบาท ยังคงชะลอออกไปก่อน เนื่องจากธนาคารทั้งสองแห่งขอระงับการขาย ซึ่งหากมีการเปิดขายใหม่บสก. ก็พร้อมที่จะเข้าไปประมูลอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ในการซื้อ NPA ในปี 52 บริษัทฯได้ซื้อมาจำนวนทั้งสิ้น 2 หมื่นล้านบาทจากเป้าที่ตั้งไว้ 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนในปี 53 บริษัทฯตั้งเป้าจะซื้อ NPA มาบริหารเพิ่มประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท แต่คาดว่าจะสามารถซื้อได้เกินกว่าเป้าอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่หากทั้งสองธนาคารที่มีการระงับการขายนั้นเปิดการขายอีกครั้งหนึ่งและบริษัทฯเป็นผู้ชนะการประมูลก็อาจส่งผลให้ยอดการซื้อ NPA เพิ่มขึ้นเป็น 5 หมื่นล้านบาทได้    นอกจากนี้ ในส่วนของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ที่อยู่ระหว่างการจัดการสินทรัพย์และมีแนวทางที่จะแบ่ง NPA 3 กอง มูลค่ารวมกว่า 9 หมื่นล้านบาท คิดเป็นกองละ 3 หมื่นล้านบาทนั้น บริษัทฯก็พร้อมที่จะเข้าไปซื้อกองแรก ซึ่งจะส่งผลให้ NPA รวมที่จะซื้อในปีนี้อยู่ที่กว่า 7 หมื่นล้านบาทได้ ทั้งนี้ บสท. จะเปิดให้ดูข้อมูล NPA กองแรกในช่วงกลางปี 53 และจะเปิดประมูลก่อนสิ้นปีนี้ ขณะที่อีก 2 กอง มูลค่า 6 หมื่นล้านบาทนั้น คาดว่าจะดำเนินการในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ของปี 54 เนื่องจากบสท. จะปิดตัวลงในเดือนมิถุนายน 54 นายบรรยง กล่าวอีกว่า ในปี 2553 บริษัทฯคาดว่าจะสามารถทำกำไรได้ที่ 2.5 พันล้านบาท สูงกว่าการประเมินเบื้องต้นที่คาดไว้ 1.9 พันล้านบาท ขณะที่กำไรในปี 2552 บริษัทฯสามารถทำได้ 2.4 พันล้านบาท ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ที่ตั้งไว้ 1.8 พันล้านบาท ซึ่งโดยทั่วไปแล้วบริษัทฯจะตั้งฐานกำไรเบื้องต้นอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นการทำกำไรที่แท้จริงจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้                 ทั้งนี้ นายบรรยง กล่าว่า กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะออกเกณฑ์จำกัดให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ธนาคารพาณิชย์เฉลี่ยทั้งระบบไม่เกิน 5% ว่า ปัจจุบันเฉลี่ย NPL ทั้งระบบธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ประมาณ 5.2-5.3% ซึ่งเกินมาจากเกณฑ์ของธปท. ประมาณ 0.2-0.3% คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทฯมองว่าสามารถเข้าไปซื้อได้ เนื่องจากบริษัทฯมีกำลังซื้ออยู่ในระดับสูง ขณะที่สัดส่วนหนี้สินต่อเงินทุนของบริษัทฯอยู่ที่ประมาณ 1.6% ซึ่งถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ที่มีสัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 7%

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook