กองทัพบกการันตี จีที200 ประสิทธิภาพเจ๋ง

กองทัพบกการันตี จีที200 ประสิทธิภาพเจ๋ง

กองทัพบกการันตี จีที200 ประสิทธิภาพเจ๋ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กองทัพบกยัน เครื่องจีที 200 ประสิทธิภาพเยี่ยม จัดโชว์ศักยภาพต่อหน้าสื่อมวลชน ขณะ ผบ.พตท.ระบุเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนใต้ยังต้องการเครื่องดังกล่าว ที่ผ่านมาเกิดความผิดพลาดน้อย ขณะแม่ค้าหมู โวยไม่ใช่เชื่อเครื่องจะใช้งานได้ผล ด้าน ส.ส. สงขลา เตรียมยกชั้นกฎหมายมรดกครอบครัวอิสลามบังคับใช้ทั่วประเทศ เชื่อสร้างความยุติธรรม-ดับไฟใต้ได้แน่

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 ม.ค. พ.อ.ทวีศักดิ์ จันทราสินธุ์ ผู้บังคับหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย กองทัพบก ได้นำกำลังพลทดสอบการใช้เครื่องจีที 200 ที่กองคลังแสงที่ 6 กรมสรรพาวุธทหารบกราชบุรี หมู่ 5 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.ราชบุรี โดยมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมชมการทดสอบเป็นจำนวนมากรวมทั้งสื่อมวลชนด้วย ซึ่งจากการทดสอบปรากฏว่าเครื่องสามารถตรวจสอบจับวัตถุระเบิดที่วางไว้ในสนามหญ้าหน้ากองบัญชาการกรมสรรพาวุธ ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องจีที 200 ว่า เครื่องจีที 200 นั้น ทหารอากาศนำมาใช้กองทัพบกจึงได้ขอยืมมาใช้และเห็นว่ามีประสิทธิภาพดี จึงได้เสนอทางกองทัพจัดซื้อตามระเบียบ โดยผ่านทางกรมสรรพาวุธตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 และคุณสมบัติของเครื่องจีที 200 สามารถที่จะแยกสารในการตรวจจับได้ ทั้งสารประกอบระเบิด และ สารเสพติด โดยจะใช้การ์ดในการตรวจแยกสาร อย่างไรก็ตามเครื่องจีที 200 ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ ไม่มีแหล่งจ่ายไฟ แต่จะใช้ไฟฟ้าสถิตจากผู้ใช้มีอายุการใช้งาน 15 ปี ขณะนี้ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้มีเครื่องจีที 200 มาก กว่า 500 เครื่อง

นอกจากนี้เครื่องจีที 200 สามารถชี้ จุดในวงกว้างให้แคบลงได้ในระยะใกล้-ไกล ตรวจบนบกรัศมี 700 เมตร ส่วนในอากาศและในน้ำจะตรวจได้รัศมีเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งผู้ที่จะใช้เครื่องจีที 200 นั้นจะต้องผ่านการฝึกฝนและจะต้องมีรายชื่ออยู่ในบัญชีของผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมแล้ว ซึ่งมีทั้งหน่วยงาน ของกองทัพบกและหน่วยงานจากนิติวิทยาศาสตร์ที่มาฝึกอบรม และยังยืนว่าเครื่อง จีที 200 นั้นยังสามารถใช้งานได้ดีและมีประสิทธิภาพ

ด้าน พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผบ.พตท. ให้สัมภาษณ์ที่ จ.ยะลา กล่าวว่า ตนเห็นว่าเครื่องจีที 200 ยังมีความจำเป็น เพราะประสิทธิภาพยังใช้ได้ผล เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ยังต้องการเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ 100 เปอร์เซ็นต์ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มีความมั่นใจในการใช้เครื่องจีที 200 และมีความผิดพลาดน้อยมาก

พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ตนอยากให้นักวิชาการเป็นพวกเจ้าหน้าที่ เพราะเป็นพวกที่อยู่ในพื้นที่เป็น ผู้ที่ต้องเสี่ยง และตอนนี้ไม่มีเครื่องมือใดที่ดี ไปกว่า จีที 200 และเป็นความต้องการของพวกเราเองที่ต้องการได้เครื่องมือ ถึงแม้อาจจะได้ผลเพียง 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว สมมุติว่า จมน้ำมีขอนไม้อันหนึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ 100% ท่านจะเกาะ มันหรือไม่ ถ้านักวิชาการคิดว่าท่านไม่เอา ไปเคลียร์ให้หน่อย แต่ถ้ามีของดีกว่านี้ก็พร้อมรับ และก็จะเลิกใช้อันที่มีอยู่

"ความจริงแล้ว จีที 200 เราใช้คร่าว ๆ แต่มีเครื่องตรวจซ้ำ โดยใช้เครื่องไฟโด้ตรวจซ้ำ ผมถามว่าให้ทหารเลิก เขาคงไม่เลิกหรอกครับ ถ้านักวิชาการเป็นพวกผม จะรู้สึกอย่างผม ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ข้างบนไม่ได้ยัดเยียดลงมา แต่เราเป็นคนเสนอขึ้นมา ซึ่งหากอนาคตมีดีกว่านี้เราก็อยากได้ แต่เมื่อตอนนี้ไม่มีอะไรก็เอาอันนี้ไปก่อน ทั้งนี้ผมอยากให้คนข้างนอกเอาใจมาลองเป็นพวกผมบ้าง ก็จะรู้ว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นมันไม่ใช่" แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว

ขณะที่นางรุ่งอรุณ โนวัตน์ อายุ 45 ปี แม่ค้าขายหมู ภายในตลาดพิมลชัย อ.เมือง จ.ยะลา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 52 มีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ซุกซ่อนระเบิดมาจอดที่หน้าร้านของพี่สาว จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบโดยใช้เครื่องจีที 200 แต่เครื่องไม่สามารถ ตรวจจับหาวัตถุระเบิดที่รถคันดังกล่าวได้ ก่อน จะถอนกำลังกลับ แต่ไม่ถึง 10 นาทีก็เกิดระเบิดขึ้น ซึ่งจะเห็นว่าเครื่องดังกล่าวใช้ไม่ได้ ผล ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวถึงปัจจุบันตนก็ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาช่วยเหลือ เมื่อไป ติดต่อเจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้ไปหาใบเสร็จมายืนยัน ซึ่งสิ่งของที่เสียหายเป็นแค็บหมูแล้วตนจะไปหาใบเสร็จมาจากไหน

ส่วนที่ห้องประชุมหลักเมือง ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดยะลา นายกฤษฎา บุญราช ผวจ.ยะลา เป็นประธานในพิธีมอบเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ความไม่สงบในพื้นที่ จ.ยะลา จำนวน 79 ราย คิดเป็นเงินจำนวน 3,791,231 บาท

วันเดียวกันที่รัฐสภา นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายอาศิส พิทักษ์คุมพล ประธานคณะกรรมการอิสลาม กลาง ประจำจังหวัดสงขลา และในฐานะผู้ยกร่างฯ ร่วมกันแถลงข่าวถึงการเสนอร่างพระราชบัญญัติการใช้กฎหมาย อิสลามว่าด้วยครอบครัวมรดกและการพิจารณาคดี พ.ศ... เข้าสู่การประชุมสภา ผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมนี้ ซึ่งเชื่อว่า การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวจะสร้างความสงบให้ภาคใต้อย่างยั่งยืน สำหรับร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของมุสลิมทั่วประเทศ โดยมีการกำหนดเป็น 2 ชั้นศาล คือศาลชั้นต้น และศาลฎีกา เป็นการจัดตั้งแผนกคดีครอบครัวมรดกอิสลามขึ้นในศาลจังหวัด ตามที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดจัดตั้ง แผนกคดีครอบครัวมรดกอิสลามขึ้นในศาล ฎีกา เพื่อให้พิจารณาพิพากษาคดี

โดยองค์คณะของผู้พิพากษาศาล จังหวัดฯ จะประกอบด้วยดาโต๊ะยุติธรรมไม่น้อยกว่า 2 คน ส่วนองค์คณะของผู้พิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีครอบครัวมรดกอิสลามจะต้องประกอบด้วยดาโต๊ะยุติธรรมไม่น้อยกว่า 3 คน โดยในระยะแรกอาจเปิดทำการเป็นการถาวรใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเปิดแผนกคดีครอบครัวมรดกอิสลาม กลาง ส่วนจังหวัดอื่นอาจใช้ศาลเคลื่อนที่ ทั้งนี้ให้สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำ จังหวัดทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยคดีนอกศาลได้

ที่ บช.น. พ.ต.ต.เนติ วงษ์กุหลาบ สว.งานประชาสัมพันธ์ บช.น. พร้อมทีมงานได้นำกล่องรับชิ้นส่วนไปรษณียบัตร และ ส.ค.ส. กว่า 5,000 ใบ ที่มีประชาชนทั่วประเทศเขียนส่งไปให้กำลังใจข้าราชการตำรวจ และทหาร ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคใต้ มาทำการคัดเลือก ก่อนส่งต่อให้ถึงมือผู้รับตามจ่าหน้า ซึ่งระบุไปถึงฐานปฏิบัติการของตำรวจและทหาร 16 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ อย่างไรก็ตามการดำเนินงานนี้อยู่ภายใต้ชื่อโครงการ "สานใจไทย เพื่อเป็นกำลังใจให้กับพี่น้อง ตำรวจ ทหาร ชายแดนใต้" ที่ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บช.น. ได้จัดทำ ส.ค.ส. แจกจ่ายให้ประชาชนเขียนด้วยลายมือส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ชายแดนใต้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook