สภาวุ่น ประท้วงจุตพร พูดรับใช้คนๆเดียว

สภาวุ่น ประท้วงจุตพร พูดรับใช้คนๆเดียว

สภาวุ่น ประท้วงจุตพร พูดรับใช้คนๆเดียว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สภาเดือดเมื่อ"อรรถพร"ส.ส.ปชป. ประท้วง"จตุพร"เสียเวลาคนอื่น พูดรับใช้คนๆเดียว จนไม่ยอมถอน ถูกเชิญออกจากสภา พร้อมงัดมุกเก่าอัด"มาร์ค"หนีทหาร

เมื่อเวลา 12.45 น.การประชุมสภาผู้แทนราษฏร มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาวาระกระทู้สด โดยนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรื่องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยระบุว่า นายอภิสิทธิ์ กระทำการบังอาจแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ที่สอดคล้องกับกระบวนการ 4 ขั้นของ คมช.สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ พูดในที่ประชุมส.ส.ของพรรคอธิบายความแก้ต่างข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาลว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่ขัดข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องมีเงื่อนไขไม่นิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และไม่ต้องการคืนทรัพย์สินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีการตั้งคตส.เอาคนที่เป็นปฏิปักษ์มาเป็นคณะกรรมการตรวจสอบ

"นายอภิสิทธิ์ กล่าวอ้างว่าการพูดนี่คือหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ปรากฏว่านายสมศักดิ์ ปริศนานัทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ได้ทวงสัญญาจากพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องมาตรา 190 และมาตรา 94 ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมแต่อย่างใด ขณะนี้นายอภิสิทธิ์ กำลังเอา พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเหยื่อกับพรรคร่วมรัฐบาลในการเสียคำพูดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ "นายจตุพร กล่าว

บรรยากาศการประชุมเริ่มตึงเครียดทันที เมื่อนายอรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นประท้วงให้นาย จตุพร ขอเข้าประเด็นเพราะเสียเวลาคนอื่น ที่รอยื่นกระทู้ถามสด อย่าพูดเพื่อรับใช้คนๆ เดียว จากนั้น นายจตุพร กล่าวว่า คนเพชรบุรี เป็นนักเลง ให้บอกมาเลยว่ารับใช้คนๆ เดียวคือใคร บอกมาเลย ขณะที่ นายอรรถพร บอกว่า รับใช้ทักษิณ นายจตุพร สวนขึ้นมาทันทีว่าขอให้ถอนคำพูด

ส่วนนายอรรถพร กล่าวว่า ที่ถามเพราะไม่อยากให้มีคนกล่าวหาว่า "ตู๊ดตู่ สู้แล้วรวย" ขณะที่นายจตุพร ท้าให้เอาบัญชีทรัพย์สินมาแจงกันได้เลย เพราะตนเป็นตัวแทนของประชาชน จากนั้นนายชัย ได้ให้นายอรรถพร ถอนคำพูด แต่นายอรรถพร ไม่ยอมถอน นายชัยจึงได้เชิญให้ นายอรรถพร ออกจากห้องประชุม

เมื่อมาถึงช่วงนี้นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ขอใช้สิทธิ์ถูกพาดพิงที่ถูกกล่าวหาว่าคนเพชรบุรีเป็นนักเลง อยากบอกให้รู้ว่าคนเมืองเพชรมีแต่อาชีพรับจ้างเอาชีวิตคน ที่ผ่านมามีการกล่าวหาว่าตนเป็น ส.ส.100 ศพ แต่ในชีวิตยังขาดอีก 3 ศพ ก็จะปิดบัญชีแล้ว จากนั้นนายจตุพร อภิปรายขอให้นาย อภิชาติ ถอนคำพูดเพราะเป็นการขู่เอาชีวิตกลางสภา และไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ทำให้นายชัย ได้สั่งให้ นายอภิชาติ ถอนคำพูด แต่ นายอภิชาติแย้งว่าไม่ได้ขู่เอาชีวิตใคร เพราะในชีวิตตนเองเดินทางไปร่วมงานศพตลอด แต่ยังขาดอีก 3 ศพเท่านั้นไม่ได้ขู่เอาชีวิตใคร

" ผมไปร่วมงานเผาศพ ไม่ได้ขู่ยิง นายจตุพรไม่ควรไปตีความกันเอง เพราะจะทำให้ประชาชนที่ฟังเกิดความเข้าใจผิด " นายอภิชาติ กล่าว

จนทำให้นายชัย ขอความกรุณา ผู้ประท้วงทั้งหมด ให้อภิปรายอยู่ในสาระ เพื่อจะได้เกิดประโยชน์กับประชาชน

นายจตุพร อภิปรายต่อว่า นายอภิสิทธิ์ พูดในที่ประชุมส.ส.พรรคว่าจะต้องไม่คืนทรัพย์สินให้พ.ต.ท.ทักษิณ ในการหารือแก้ไขรัฐธรรมนูญ เหมือนกับนายอภิสิทธิ์ พูดเพื่อแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพราะไม่เกี่ยวกับ 2 มาตราที่พรรคร่วมขอแก้ไข แต่นายอภิสิทธิ์ ใช้วิธีใส่ร้ายบุคคลอื่นเพราะไม่รักษาคำพูดกับพรรคร่วมรัฐบาล ในระหว่างนี้ นายจตุพร ได้นำภาพสวมกอดนายอภิสิทธิ์ กับ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย เหมือนกับแฝดอินจัน แต่ถูก นายชัย ปรามห้ามพาดพิงถึงบุคคลอื่น

นายจตุพร กล่าวว่า มีเนื้อหาในการประชุมของพรรควิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย การแก้ไขรัฐธรรมนูญล้วนแต่มีการพาดพิง พ.ต.ท.ทักษิณ อยากถามนายอภิสิทธิ์ ว่าใช้สิทธิ์อะไร ที่จะไม่คืนทรัพย์สินที่อยู่ในชั้นของการพิจารณาศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงอยากถามว่านายอภิสิทธิ์ใช้อำนาจอะไร มาถึงช่วงนี้ทำให้ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในที่ประชุมไม่มีเรื่องนี้ หากมีขอให้เอาเอกสารมาชี้แจงได้เลย

จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า ผู้ถามไม่ได้อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ แต่ตราบใดที่ตนอยู่ในพรรค ผู้ถามคงไม่ได้เข้าไปอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ขอยืนยันว่าเรื่องนี้ตนพูดที่ไหนเหมือนกันหมดคือ เป็นเรื่องของศาลในการตัดสิน อะไรที่สามารถตรวจสอบและพิสูจน์ได้ก็คืน ตรวจาสอบไม่ได้ก็ยึด ก็เท่านั้น ยืนยันว่าสิ่งที่นายจตุพรถามมาไม่เคยพูด และไม่เคยก้าวล่วงศาล เพราะไม่เคยพูด ส่วนเรื่องการนิรโทษกรรมนั้น ก็เห็นว่าไม่ควรตรากฏหมายนิรโทษกรรมเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง

สำหรับเรื่องการแก่ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ควรเอาคำพูดของตนไปบิดเบือน เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประเด็นหนึ่งที่ต้องนำมาพูดว่าจะแก้อย่างไร ตนบอกว่าแก้ไขได้ แต่การแก้ไขที่พูดกับพรรคร่วมมี 3 ส่วน คือ 1. เรื่องทำผิดให้เป็นถูก มีผลประโยชน์ขัดกัน สังคมขัดแย้ง ไม่ควรทำ 2 บางประเด็นเห็นตรงกันเป็นอุปสรรค จำเป็นต้องแก้ไข หรือแก้ไขแล้วทำให้ประชาธิปไตยดีขึ้น เอาด้วย 3. ประเด็นไม่เข้าข่ายกับสองส่วนแรก เรื่องเขตเลือกตั้ง จุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ตรงกับพรรคอื่นก็เท่านั้น เพราะแบบปัจจุบันดีที่สุด ป้องกันระบบธุรกิจการเมืองได้ดีที่สุด ถ้าวันนี้ตนพูดเป็นอื่นก็จะบอกว่าเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า ดังนั้นจึงอยากให้พูดกันด้วยความเป็นจริง ไม่ใช่อ่านหนังสือพิมพ์มาถาม และไม่ควรเอามาเป็นสาระมาถาม

"ผมไม่เคยมีประวัติแบบนี้ และไม่ควรกล่าวหาว่าผมเหิมเกริม เพราะท่านกล่าวหาว่าผมปั้นน้ำเป็นตัวมาตลอด แต่สิ่งที่ท่านพูดบนเวทีแรงกว่านี้เยอะ แต่ท่านพูดเพราะพยายามปลุกปั่นสร้างให้คนเกลียดชังผมและรัฐบาล ยืนยันสิ่งที่ท่านพูดไม่เป็นความจริง" นายกรัฐมนตรีระบุ

ขณะที่นายจตุพร ได้ลุกขึ้นอภิปรายต่อว่า หากไม่เป็นความจริง เพราะเหตุใดรองโฆษพรรคประชาธิปัตย์ออกมาแถลงว่าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะไม่อยากให้เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรม หากไม่เป็นความจริงทำไมพรรคประชาธิปัตย์ไม่ออกแถลงการณ์ว่าไม่เป็นความจริง นายอภิสิทธิ์ทำตัวเป็นศาลไปตัดสินเสียเอง เรามีหลายคดีที่ต้องต่อสู่ในศาล และมีอีกคดีที่ตนกล่าวหาว่าเป็นชายไทยแล้วหนีทหาร และให้เอกสารปลอมสมัครรับราชการเพราะเหตุใดไม่ฟ้องตนเพิ่มอีกหนึ่งคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายอรรถพร ได้เดินเข้ามาในห้องประชุมอีกครั้ง โดยประท้วงว่านายจุตพร ใช้เวลานานไปแล้ว กระทู้ของตนรออยู่ ทำให้นาย วิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดร พรรคเพื่อไทย ฟ้องประธานว่านายอรรถพร ถูกเชิญออกจากห้องประชุมไปแล้วไม่มีสิทธิ์เข้ามาอีก นายชัย จึงได้เชิญ นายอรรถพร ออกจากห้องประชุมอีกครั้ง จนเกิดการถกเถียงกันและในที่สุด นายอรรถพร ยอมออกจากห้องประชุม

จากนั้นนายจตุพร ถามต่อว่า นายอภิสิทธิ์ และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ มีสิทธิ์อะไร ไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ตามหนังสือลับของกระทรวงการต่างประเทศขอให้ศาลเร่งรัดพิจารณาดำเนินคดีอายัดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 26 ก.พ.นี้

นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า เรื่องนิรโทษกรรม เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ ตนไม่มีสิทธิ์ไปแทรกแซง แต่พฤติกรรมที่ท่านกำลังกล่าวหาตนอยู่นั้น ไม่มีใครพูดถึงทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะถูกยึดเลย พูดแต่เรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นการรับราชการทหาร ก็ชี้แจงในสภาไปแล้ว

"ผมไม่รู้ว่าท่านจบกฏหมายหรือเปล่า เพราะการกล่าวหาผมในสภา ผมฟ้องท่านไม่ได้ แต่ท้าไปพูดที่อื่น ไม่แน่ เพราะในชีวิตผมฟ้องใครไม่กี่คน มีแต่ท่านปั้นน้ำเป็นตัว โกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเชื่อคำโกหกของตัวเอง ส่วนเรื่องเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเรื่องเก่าเป็นการรายงานสถานการณ์เท่านั้น"นายอภิสิทธิ์ กล่าว

จากนั้นนายจตุพร กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์พูดแบบตีหัวเข้ามาตลอด ทำให้ นายสุนัย จุลพงษ์ศธร ส.ส.สัดส่วนเพื่อไทย กล่าวว่า นายจตุพร พูดถึงนายกฯหนีทหารตลอด ทั้งในและนอกสภา อยากให้นายกฟ้องนายจตุพร เสียที

จนทำให้เกิดการประท้วงจาก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคนไม่ว่าจะเป็นนายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี ระบุว่า เป็นการสามหาว และไม่ให้เกียรตินายกฯ ที่ไม่ฟ้องเพราะนายกฯเมตตา จนทำให้ ส.ส.ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และ เพื่อไทย หลายคนยกมือกดไมค์ประท้วง โดยนายจตุพร ชิงพูดว่า ในสภามีแต่นักมวย นักเลง มือปืนมาท้าตีท้าต่อย จะเอากันอย่างนี้ใช่ไหม ทำให้นายชัย ต้องห้ามปรามว่า "ในการประชุมสภามีนักเรียนฟังอยู่ ทางบ้านก็ฟังอยู่ อายเขาบ้างสิ" และเชิญให้ ส.ส.ทุกฝ่ายให้นั่งลง และเปิดโอกาสให้นายจตุพร อภิปรายต่อ

นายจตุพร กล่าวว่า " ในวัน ศุกร์ที่ 29 ม.ค.นี้ เวลาเที่ยง ผมจะพูดเรื่องนายกฯหนีทหาร ที่หน้ากองทัพบก และอัดเทปไว้ด้วย " นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อัดเทปแล้วส่งให้ผมด้วยนะครับ ขณะนี้ ที่นายจตุพร กล่าวว่า ด้วยความยินดี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook