มาบตาพุดยุ่งไม่เลิกญี่ปุ่นลั่น 6 เดือนหนี

มาบตาพุดยุ่งไม่เลิกญี่ปุ่นลั่น 6 เดือนหนี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
โครงการมาบตาพุดเป็นเหตุ ญี่ปุ่นประกาศเตรียมย้ายฐานผลิต บ่นอุบกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมปธ.หอการค้ายุ่นลั่น ให้เวลา 6 เดือนไทยต้องแก้ไขปัญหาให้เรียบร้อย ล่าช้าโบกมือลาไปตั้งโรงงานที่อื่นแน่ ขณะที่ อุตสาหกรรมระดมฝ่ายกฎหมายเอกชน-อัยการสูงสุด หาทางช่วยทันที ชี้มี 6 โครงการหลุดจากการระงับเพิ่ม เนื่องจากไม่ได้ก่อความเดือดร้อนอย่างรุนแรงให้ชุมชน

ที่ตึกจามจุรี สแควร์ ถนนพญาไท วันที่ 28 ม.ค. นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว. อุตสาหกรรม นำผู้บริหารกระทรวงประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กรมโรงงานอุตสาหกรรม การนิคมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ร่วมหารือ กับประธานหอการค้าญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย (เจซีซี) ในการส่งเสริมและช่วยเหลือนักลงทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย นายชาญชัย กล่าวหลังการหารือว่า เจซีซีเป็นห่วงการลงทุนในโครงการมาบตาพุดอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนญี่ปุ่นเกือบ 1 ใน 3 ของการลงทุนของญี่ปุ่นอยู่ในมาบตาพุดทั้งหมด

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวต่อว่า ดังนั้นรัฐบาลไทยต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจน และเร่งแก้ปัญหาให้ได้ข้อยุติภายใน 6 เดือน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าญี่ปุ่นยังคงเข้าใจการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล และคงจะไม่มีการย้ายฐานการลงทุนออกจากเมืองไทย เนื่องจากไทย เป็นศูนย์กลางด้านการผลิตในทุก ๆ ด้าน ทั้งนี้รัฐบาลได้ชี้แจงการแก้ไขปัญหาให้กับญี่ปุ่นทราบได้แก่ 1.การออกระเบียบสำนักนายกในการจัดตั้งองค์การอิสระ 2.การดำเนินงานของคณะกรรมการ 4 ฝ่ายแก้ไขปัญหามาบตาพุด 3.การทำงานของคณะทำงานในการช่วยเหลือ และ 4. การนำเสนอเรื่องเข้าสู่รัฐสภาเพื่อออกเป็น พ.ร.บ.ในการสร้างความชัดเจน

ด้านนายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า วันที่ 29 ม.ค. จะเชิญผู้ประกอบการที่ถูก ระงับโครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดนำฝ่ายกฎหมายของบริษัททั้งหมดมาหารือ กับหน่วยงานภาครัฐและอัยการสูงสุด เพื่อหาทางออกของโครงการให้สามารถดำเนินการต่อไปได้ เบื้องต้นคาดว่ามี 5-6 โครงการ ในจำนวน 64 โครงการอาจหลุดจากการถูกระงับ เพราะไม่ได้เป็นโครงการที่ก่อให้เกิดความรุนแรงต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อม จึงไม่จำเป็นต้องทำรายงานการศึกษา ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ขณะเดียวกันเจซีซีได้ขอให้รัฐบาลสร้างความชัดเจนในการประกาศโครงการที่รุนแรงเพื่อจะได้วางแผนได้ถูก เพราะญี่ปุ่นเป็นห่วงว่าในอนาคตหากมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือมีกฎหมายลูกเพิ่มเติมจะส่งผลกระทบเหมือนกันปัจจุบันอีก

นายโย จิซึกาตะ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ญี่ปุ่นมีข้อเสนอรัฐบาลให้รีบแก้ปัญหามาบตาพุดที่เกิดขึ้นให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน ตามที่รัฐบาลแจ้งไว้ ซึ่งหากการแก้ปัญหาล่าช้านักลงทุนอาจจะตัดสินใจย้ายไปที่อื่นได้ แต่ก็ต้องขึ้นกับการตัดสินใจของแต่ละบริษัทด้วย รวมทั้งจัดทำแผนผสมผสานการอยู่ร่วมกันระหว่างอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้จาก การสำรวจกับสมาชิกหอการค้าญี่ปุ่นพบว่า สมาชิกประมาณ 1 ใน 3 จากจำนวนสมาชิก ทั้งหมด 1,314 ราย ได้รับผลกระทบจากปัญหามาบตาพุดทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ก่อสร้าง เหล็ก และสถาบันการเงิน

หอการค้าญี่ปุ่นยังคงมองว่าไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน และยังมีความเชื่อมั่นที่จะลงทุนต่อ ซึ่งดูได้จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนสมาชิกจาก 1,302 รายในปีที่แล้วเป็น 1,314 รายในปัจจุบัน ส่วนการพิจาณาการลงทุนต่อไปนั้นคงขึ้นอยู่แต่ละบริษัทว่า จะตัดสินใจ อย่างไร เราจึงเสนอต่อรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหาอย่างเร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา อดีต รมช.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะจัดประชุมทางวิชาการเรื่อง องค์กรอิสระ จุดเปลี่ยนของ กระบวนการมีส่วนร่วม โดยจะมีการพูดคุยในกรณีศึกษาเรื่องการอนุญาตให้ดำเนินโครง การหรือกิจกรรม หรือกิจการที่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ จากกรณีมาบตาพุด ที่รัฐบาลแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ หรือที่เรียกว่าคณะกรรมการ 4 ฝ่าย และได้มีข้อเสนอให้ตั้งองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 66 วรรค 2 ทำหน้าที่ให้ความเห็นต่อหน่วยงานที่จะอนุญาตในโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน ระหว่างการประชุมจะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับการตั้งองค์กรอิสระดังกล่าวในประเด็นว่า ทำเพื่อใคร และทำอย่างไร ซึ่งจะมีผู้ร่วมเป็นวิทยากรคือ นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายไพโรจน์ พลเพชร กรรมการ 4 ฝ่ายแก้ปัญหามาบตาพุด นางศรีสุวรรณ พยอมยงค์ นักวิชาการ การเสวนาจัดที่ห้องปิ่นเกล้า 2 ชั้น 9 โรงแรมรอยัล ซิตี้ เวลา 09.00-15.50 น. วันที่ 29 ม.ค.นี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook