RATCH รับทรัพย์ราชบุรีเพาเวอร์ หนุนกำไรปี52พุ่ง

RATCH รับทรัพย์ราชบุรีเพาเวอร์ หนุนกำไรปี52พุ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นางดรุณี อภินรเศรษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การเงิน ทำการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH)แจ้งนำส่งงบการเงินฉบับก่อนตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีประจำปี 2552 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2552 เปรียบเทียบกับงบการเงินประจำปี 2551 โดยมีผลการดำเนินงานสรุปได้ดังนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยตามงบการเงินรวม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่31 ธันวาคม 2552 มีกำไรสุทธิจำนวน 6,739.60 ล้านบาท (คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 4.65 บาท)เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานงวดเดียวกันของปี 2551 ซึ่งมีกำไรสุทธิจำนวน 6,492.90 ล้านบาท(คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 4.48 บาท) ปรากฏว่ากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 246.70 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.80 โดยมีสาเหตุหลักดังนี้            1. รายได้จากการขาย                รายได้จากการขายปี 52 จำนวน 35,344.88 ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้ค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment :  AP ) จำนวน 12,264.88 ล้านบาท และรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payment :  EP ) จำนวน 23,080.00 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้                1.1 รายได้ค่าความพร้อมจ่าย                    รายได้ค่าความพร้อมจ่ายปี 2552 จำนวน 12,264.88 ล้านบาท สูงกว่าปี 2551(12,043.67 ล้านบาท) เป็นจำนวน 221.21 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.84 สาเหตุหลักเนื่องจากอัตราค่าความพร้อมจ่ายในปี 2552 สูงกว่าปี 2551 ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า                1.2 รายได้ค่าพลังงานไฟฟ้า                    รายได้ค่าพลังงานไฟฟ้าปี 2552 จำนวน 23,080.00 ล้านบาท ต่ำกว่าปี 2551(30,166.58 ล้านบาท) เป็นจำนวน 7,086.58 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.49 สาเหตุหลักเนื่องจากในระหว่างปี 2552 โรงไฟฟ้าราชบุรีมีการหยุดเดินเครื่องตามความต้องการของระบบ (Reserve Shutdown)และหยุดเดินเครื่องเพื่อทำการบำรุงรักษาตามแผนมากกว่าปีก่อน ทำให้ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าต่ำกว่าปีก่อน และส่งผลให้ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงซึ่งเป็นต้นทุนหลักลดลงจากปีก่อนร้อยละ 23.49เช่นเดียวกัน           2. ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการที่ควบคุมร่วมกัน              ในปี 2552 บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการที่ควบคุมร่วมกันรวมทั้งสิ้นจำนวน 1,720.71 ล้านบาท สูงกว่าปี 2551 (931.70 ล้านบาท) เป็นจำนวน 789.01 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 84.68 โดยมีสาเหตุหลักมาจากบริษัทฯ รับรู้ผลการดำเนินงานของบริษัท ราชบุรีเพาเวอร์จำกัด ( ราชบุรีเพาเวอร์ ) ในปี 2552 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนตามสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 25 เป็นจำนวน877.85 ล้านบาท ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของราชบุรีเพาเวอร์ตามสัดส่วนที่บริษัทฯ ถือหุ้นในปี 2552รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นจำนวน 158.39 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2551 รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นไว้จำนวน 204.98 ล้านบาท โดยหากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวบริษัทฯ จะรับรู้ผลการดำเนินงานของราชบุรีเพาเวอร์เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็นจำนวน 514.48 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากในปี 2552โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ทั้ง 2 ชุด ได้ทำการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตลอดทั้งปีขณะที่ในปี 2551โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ชุดที่ 1 และ 2 เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2551 และวันที่ 1 มิถุนายน 2551 ตามลำดับ            3. ดอกเบี้ยรับ               ดอกเบี้ยรับปี 2552 จำนวน 258.45 ล้านบาท ต่ำกว่าปี 2551 (422.52 ล้านบาท)เป็นจำนวน 164.07 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 38.83 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินฝากธนาคารและเงินลงทุนในตราสารทางการเงินต่ำกว่าปี 2551 ซึ่งเป็นไปตามสภาวการณ์ของตลาดการเงินในปัจจุบัน            4. ต้นทุนขาย (ไม่รวมค่าเชื้อเพลิง)               ต้นทุนขาย (ไม่รวมค่าเชื้อเพลิง) ปี 2552 จำนวน 5,534.28 ล้านบาท สูงกว่าปี2551 (5,103.53 ล้านบาท) เป็นจำนวน 430.75 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8.44 สาเหตุหลักเนื่องจากในปี2552 โรงไฟฟ้าราชบุรีมีการหยุดเดินเครื่องเพื่อทำการบำรุงรักษาตามแผนมากกว่าปีก่อนเป็นผลให้ค่าบริการเดินเครื่อง ค่าบำรุงรักษา และค่าอะไหล่โรงไฟฟ้า สูงกว่าปีก่อนรวมจำนวน 319.33 ล้านบาท            5. ต้นทุนทางการเงิน               ต้นทุนทางการเงิน (ดอกเบี้ยจ่าย) ปี 2552 จำนวน 861.10 ล้านบาท ต่ำกว่าปี 2551(1,293.37 ล้านบาท) เป็นจำนวน 432.27 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 33.42 ซึ่งเป็นผลมาจากการชำระคืนเงินต้นทุกไตรมาส รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยจ่ายที่ต่ำกว่าปีก่อน            6. ภาษีเงินได้               ภาษีเงินได้ปี 2552 จำนวน 830.94 ล้านบาท สูงกว่าปี 2551 (217.35 ล้านบาท)เป็นจำนวน 613.59 ล้านบาท คิดเป็น 2.82 เท่า สาเหตุเนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนราชบุรี เครื่องที่ 1และ 2 ได้ครบกำหนดการยกเว้นภาษีเงินได้จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และเริ่มเสียภาษีเงินได้ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2551

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook