ชลบุรี ยังเดินหน้าให้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่แก่กลุ่มเสี่ยง

จังหวัดชลบุรี เดินหน้าให้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แก่กลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และยังไม่พบผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการรับวัคซีน นายมรุต จิรเศรษฐสิริ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งซื้อวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย(Inactivate Vaccine)จำนวน 2 ล้านโด๊ส จากบริษัท Sanofi Pasteur ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้มีการใช้แล้วในหลายประเทศ แต่เนื่องจากมีผู้ต้องการที่จะได้รับการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นต้องกำหนดคุณลักษณะของบุคคลที่ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ โดยคำนึงถึงความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเป็นอันดับแรก รวมทั้งเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงเมื่อติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โดยจัดลำดับความสำคัญให้กับกลุ่มที่จำเป็นจะต้องได้รับ ดังนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้า เช่น แพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุข ที่ดูแลผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เป็นต้น หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์มากกว่า 3 เดือนขึ้นไป บุคคลโรคอ้วนน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัมขึ้นไป หรือดัชนีมวลกาย(MBI)มากกว่า 35 กิโลกรัม ต่อตารางเมตร ผู้พิการรุนแรงที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ บุคคลอายุ 6 เดือน-64 ปี ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ธาลัสซีเมียที่มีอาการรุนแรง ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และเบาหวาน ข้อห้ามสำหรับผู้ที่จะรับการฉีดวัคซีน ได้แก่ ผู้ที่มีประวัติแพ้ไข่ ผลิตภัณฑ์จากไข่ เช่น ขนมเค้ก หรือผู้ที่เคยมีประวัติแพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่อย่างรุนแรง เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน ผู้กำลังมีไข้หรือกำลังเจ็บป่วยเฉียบพลัน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี กล่าวอีกว่า จังหวัดชลบุรี ได้รับการจัดสรรวัคซีนและส่งตรงไปที่โรงพยาบาลของรัฐบาลแล้ว แต่ได้มาในครั้งแรกประมาณร้อยละ 20-25 ของจำนวนเป้าหมายดังกล่าว จึงจำเป็นต้องให้กับ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้าก่อน เพื่อเป็นการเฝ้าระวังภาวะข้างเคียงภายหลังจากการฉีดวัคซีน ต่อจากนั้น จะให้กับกลุ่มอื่นตามกำหนดต่อไป โดยกำหนดรณรงค์การให้วัคซีนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงเดือนมีนาคม นี้ ยกเว้น กลุ่มหญิงมีครรภ์ให้ขยายเวลาถึงเดือนพฤษภาคม 2553 ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวไปติดต่อขอขึ้นทะเบียนการฉีดที่โรงพยาบาลของภาครัฐบาลได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ในส่วนโรงพยาบาลเอกชน จะมีการฉีดในกลุ่มเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และหญิงมีครรภ์บางส่วนเท่านั้น ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังไม่พบผู้ที่ได้รับผลกระทบหลังการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด