กทม.เริ่มตั้งกรงให้อาหารนกพิราบในสนามหลวง

กทม.ตั้งกรงใหญ่ฝั่งวัดพระแก้ว ใช้อาหารล่อ คาดจับนกได้ 4,000 ตัวต่อกรง ส่งตรวจหากไม่พบเชื้อโรคจะส่งไปเลี้ยงจ.ราชบุรี และ ฉะเชิงเทรา

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ( กทม .) เปิดเผยว่า ในวันนี้(30ม.ค.) กทม.ได้เริ่มนำกรงจับนกพิราบไปตั้งไว้กลางสนามหลวงด้านทิศใต้ฝั่งวัดพระแก้วแล้วจำนวน 1 กรง โดยเป็นกรงขนาดใหญ่ กว้าง 6 เมตร สูง 4 เมตร และลึก 12 เมตร มีลักษณะเป็นกรงน็อคดาวน์ถอดประกอบได้ ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่ได้ทดลองให้อาหารนกพิราบ แต่เบื้องต้นจะยังไม่มีการเริ่มจับนกแต่อย่างใด เพราะจะต้องสร้างความคุ้นเคยให้กับนกพิราบก่อน 2 สัปดาห์ โดยเจ้าหน้าที่จะให้อาหารเป็นเวลา เมื่อถึงเวลาให้อาหารเจ้าหน้าที่จะมีสัญญาณเรียกให้นกพิราบรู้ว่าถึงเวลากินอาหาร จากนั้นก็จะมารวมตัวกันในกรง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะปล่อยให้นกเข้าออกไปก่อน เมื่อนกเริ่มความมีคุ้นเคยแล้วจึงจะปิดกรงและทำการจับนก

เบื้องต้นคาดว่า 1 กรงจะสามารถจับนกพิราบได้ 4,000 ตัว และหลังจากจับนกแล้วเจ้าหน้าที่จะทำการเคลื่อนย้ายไปกักกันโรคที่ซอยลาดพร้าว 101 เพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ทำการฆ่าเชื้อโรค ได้แก่ ตัวไร และพยาธิ รวมทั้งตรวจหาเชื้อไข้หวัดนก คาดว่าใช้เวลาประมาณ 10-14 วัน หากไม่พบเชื้อโรคจึงจะส่งไปเลี้ยงต่อที่ กรมทหารช่าง จ.ราชบุรี และ จ.ฉะเชิงเทราต่อไป

สำหรับอาหารที่จะนำมาเลี้ยงนกนั้นมีหลายประเภท ได้แก่ ข้าวโพด ข้าวเปลือก และเมล็ดธัญพืช(ก๋วยฮั้ว) ซึ่งอาหารประเภทหลังนี้มีราคาค่อนข้างแพง แต่จากการทดลองให้อาหารนกพิราบลงมากินเกือบพันตัว ซึ่งการให้อาหารคงจะต้องมาประเมินอีกครั้ง ทั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนจึงจะดำเนินการจับนกพิราบในสนามหลวงที่มีอยู่กว่า 10,000 ตัวได้หมด ส่วนที่มีการเป็นห่วงว่าลูกนกที่อยู่ตามอาคารโดยรอบสนามหลวงจะเดือดร้อนเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทำการจับแม่นำไปหมดนั้น ตนยอมรับว่า กทม.อาจจะระวังได้ไม่ทั้งหมด แต่อยากให้ทุกฝ่ายเห็นถึงภัยของเชื้อโรคที่จะมาจากนกพิราบ ซึ่งจากการตรวจหาเชื้อโรคพบว่าขนนก 1 เส้นมีตัวไรกว่า 10 ตัว รวมแล้วมีตัวไรเป็นร้อยๆ ตัว อีกทั้งนกสามารถเพาะพันธุ์ได้จำนวนมาก