บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานตลาดหุ้น 01/02/53

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานตลาดหุ้น 01/02/53

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 01/02/53คาดแค่ดีดกลับเป็นบวกช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะไหลลงต่ออีกครั้ง... ตลาดหุ้นสหรัฐในท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง แม้ว่า GDP 4Q09 ของสหรัฐฯ จะดีกว่าคาดมาก โดยขยายตัว 5.7% Q-Q โดยเป็นการบวกติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 แต่ตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น บริโภคภาคเอกชนยังค่อนข้างน่าผิดหวัง โดยต่ำกว่าไตรมาสก่อนจากอัตราการว่างงานที่ยังสูง นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อ ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงยังถูกดดัน รวมถึงตลาดหุ้นด้วย ดังนั้นแม้ว่า SET จะสามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาปิดเป็นบวกได้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ FSS คาดว่าเป็นแค่การรีบาวด์กลับช่วงสั้นๆ หลังจากนี้จะยังปรับตัวลงต่อเนื่อง และมีโอกาสสูงที่จะไหลหลุดลงไปต่ำกว่า 680 จุดได้ในเร็วๆ นี้ ดังนั้นจึงยังไม่แนะนำให้กลับเข้าซื้อเร็วนัก แต่อาจเป็นลักษณะทยอยเลือกหุ้นเข้าซื้อเป็นรายตัวได้ในสัดส่วนที่ไม่มากเพื่อถือลงทุน เช่น หุ้นในกลุ่มที่คาดว่าจะจ่ายปันผลสูงได้แก่ BCP, AIT, TRT, SPALI, GFPT, TMT, TVO, HANA, KSL เป็นต้น  ประเด็นสำคัญวันนี้ เศรษฐกิจไทยเดือน ธ.ค. ฟื้นตัวต่อเนื่อง…อิเล็คทรอนิคส์และยานยนต์โดดเด่น เศรษฐกิจเดือน ธ.ค. ขยายตัวดี การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวดีเพิ่มขึ้น 3.9% Y-Y จากรายได้เกษตรกรที่ดีขึ้น และการว่างงานที่ลดลง การลงทุนภาคเอกชนก็ขยายตัวเนื่องเป็นเดือนที่ 7 แต่ยังต่ำกว่าช่วงก่อนวิกฤต และเป็นการลงทุนเพื่อทดแทนเครื่องจักรเดิมที่เสื่อมสภาพ ยังไม่ใช่การลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต แต่ในบรรดาอุตสาหกรรมต่างๆ กลุ่มอิเล็คทรอนิคส์และยานยนต์มีแนวโน้มที่จะลงทุนเพิ่มขึ้นมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ส่วนดัชนีภาคการผลิตขยายตัวถึง 10.4% M-M โดยขยายตัวในเกือบทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็คทรอนิคส์ขยายตัวโดดเด่นที่สุด มีกำลังการผลิตที่สูงเป็นประวัติการณ์ เช่นเดียวกับกลุ่มยานยนต์ (หุ้นกลุ่มนี้ที่เราแนะนำได้แก่ DELTA, HANA, KCE, SVI, STANLY, SAT) เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี แต่เริ่มเห็นความเสี่ยงในเรื่องเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และการตึงตัวของแรงงานในบางอุตสาหกรรม ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาสินค้าและบริการให้สูงขึ้นในอนาคต    ติดตามเงินเฟ้อวันนี้ กระทรวงพาณิชย์ของไทยจะประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือน ม.ค. วันนี้ ซึ่ง Bloomberg consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% M-M จากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น และมาตรการของรัฐที่ลดความช่วยเหลือค่าน้ำลง โดยต่ออายุ 5 มาตรการช่วยเหลือประชาชนออกไปอีก 3 เดือน (หมด มี.ค.) แต่ลดน้ำฟรีเหลือ 20 ลบ.ม. จากเดิม 30 ลบ.ม. และเมื่อเทียบ Y-Y ตลาดคาดว่าจะเพิ่ม 3.9% เป็นอัตราเร่งจากเดือนก่อนที่เพิ่ม 3.5% Y-Y ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงอาจทำให้ตลาดกังวลเรื่องดอกเบี้ยและกดดันตลาดอีก หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อสูงคือ TTW ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทไม่ตอบสนองข่าวดี GDP 4Q09 ของสหรัฐฯ ดีกว่าคาดมาก โดยขยายตัว 5.7% Q-Q (บวกติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 เทียบกับ 3Q09 ที่เติบโต 2.2% Q-Q) ดีที่สุดในรอบ 6 ปี สาเหตุหลักมาจากการลงทุนในด้านสินค้าคงคลังของเอกชน ซึ่งมีส่วนในการขยายตัว (Contribution to GDP) ถึง 3.8% แต่สิ่งที่ยังน่าผิดหวังกลับเป็นการบริโภคภาคเอกชนซึ่งคิดเป็น 70% ของเศรษฐกิจ แต่ contribute to GDP เพียง 1.44% ต่ำกว่าไตรมาสก่อน จากอัตราการว่างงานที่ยังสูง สำหรับ GDP ทั้งปี 2009 หดตัว 2.4% เป็นการถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบ 64 ปีนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 นอกจากนี้ ยังมีรายงานเศรษฐกิจได้แก่ ISM ของรัฐชิคาโก เดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นดีกว่าคาด และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากการสำรวจของ U of Michigan เดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นสูงที่สุดในรอบ 2 ปี ดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าต่อ สินทรัพย์เสี่ยงยังถูกดดัน แต่ปลายสัปดาห์อาจมีข่าวดี ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดเมื่อวันศุกร์โดยเฉพาะ GDP ทำให้ตลาดกังวลว่า Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดและก่อนธนาคารกลางยุโรป เราคาดว่าดอลลาร์ยังแนวโน้มแข็งค่าต่อในสัปดาห์นี้ เพราะความวิตกกังวลเรื่องฐานะหนี้สินของกรีซตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังเป็นบรรยากาศที่ต่อเนื่องถึงสัปดาห์นี้ และอาจทำให้ S&P’s หรือ Moody’s ลดอันดับเครดิตประเทศอื่นเช่นโปรตุเกสได้อีก ซึ่งจะกดดันค่าเงินยูโรให้ลดลง ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นโดยอัตโนมัติ ราคาสินทรัพย์เสี่ยงจึงยังไม่สดใสนักในสัปดาห์นี้ ยกเว้นปลายสัปดาห์ที่อาจมีลุ้นตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. ที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.3 หมื่นราย เป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 (เดือน พ.ย. เพิ่ม 4 พันราย) Technical View : “เริ่มมีจังหวะดีดกลับจากแนวรับ 680 จุด ลุ้นทำกำไรตามแนวต้านได้ สำหรับจังหวะเข้าเทรดดิ้งรอบใหม่ให้รอแถวจุดต่ำเดิม 669-666 จุด .. ส่วนระยะกลางยังรอเพิ่มพอร์ตอีกครั้งแถว 650 จุด(+/- เล็กน้อย)..” แนวรับ    :   690-680* , 669-666** , 660      แนวต้าน  :   698* , 705** , 710-715***Technical Picks:AP (Bt 4.90 เป้าเทคนิค 5.20-5.30 cut loss ถ้าหลุด 4.76)STEC (Bt 5.30 เป้าเทคนิค 5.80-6 cut loss ถ้าหลุด 5.05)TMB (Bt 1.27 เป้าเทคนิค 1.32, 1.40 cut loss ถ้าหลุด 1.22)               

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook