บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะหุ้น 01/02/53

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะหุ้น 01/02/53

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 01/02/53 กลยุทธ์การลงทุน ตลาดหุ้นมีโอกาสดีดตัวสั้น ๆ ทดสอบ 705 จุด ขณะที่ 680-690 จุด หรือมี PER ที่ 12 เท่า สำหรับเดือน ก.พ. เป็นระดับที่สะท้อนพื้นฐานของประเทศไทย ยังเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง แนะนำให้นักลงทุนที่มีหุ้นพื้นฐานดีต่อไป หรือพอร์ตการลงทุนให้อยู่ในกลุ่มต่อไปนี้ หุ้นโรงกลั่น หุ้นปันผล หุ้น Turnaround และประโยชน์จาก AFTA เริ่มจาก BCP, ADVANC, STANLY, KSL, RCL, TUF, CPF, PRIN   15 โครงการมาบตาพุด ระหว่างก่อสร้างเตรียมยื่นศาลปกครอง แนะนำเลือก PTTEP และ BANPU คณะทำงานกลางเพื่อหาข้อสรุปในแนวทางดำเนินการตามมาตรา 67 วรรคสอง เตรียมเสนอให้โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างยื่นขอผ่อนผันต่อศาลปกครองเพื่อขอดำเนินการต่อไปได้ เนื่องจากเห็นว่าในขั้นตอนการก่อสร้างไม่ได้ก่อให้เกิดมลพิษ หรือกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งในจำนวนนี้คาดว่าจะมีอยู่ประมาณ 14-15 โครงการ ประเด็นความพยายามในการหาช่องทางยื่นต่อศาลปกครองดังกล่าวถือเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของผลการวินิจฉัยของศาลปกครอง ในส่วนของราคาหุ้นฝ่ายวิจัยเห็นว่าส่วนใหญ่ได้สะท้อนผลกระทบในเชิงลบจากกรณีถูกระงับการดำเนินการไปแล้ว สำหรับการลงทุนในกลุ่มพลังงาน ฝ่ายวิจัยเห็นว่าอาจมีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มน้ำมันและ ถ่านหินโดยในระยะสั้น 1-2 วันนี้ ราคาน้ำมันน่าจะมีการฟื้นตัว PTTEP เป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาในมาบตาพุดไม่มาก และผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว นอกจากนี้ BANPU ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี โดยราคาหุ้นมีโอกาสถูกผลักดันจากราคาถ่านหินในตลาดล่วงหน้าที่ปรับเพิ่มขึ้น 6 เหรียญฯ มาอยู่ที่ 92.65 เหรียญฯ/ตันเข้าสู่เดือนแห่งความร้อนแรงทางการเมือง ... ตลาดฯ ถูกกดดัน ... ต้องติดตามใกล้ชิด ปัจจัยการเมืองยังมีอิทธิพลกดดันตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนกุมภาพันธ์  ซึ่งจะมีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงเสถียรภาพรัฐบาลในช่วงเวลาที่จะมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประเด็นถัดมาเป็นเรื่องการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงโดยจะมีการนัดชุมนุมใหญ่ในช่วงครึ่งหลังของเดือนกุมภาพันธ์ และปิดท้ายด้วยคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ประเมินว่าสถานการณ์การเมืองจากนี้ไปจะเพิ่มความร้อนแรงขึ้นมาตามลำดับ โดยอาจมีประเด็นร้อนแรงอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวโยงกับเรื่องหลักๆ ดังกล่าวข้างต้น ปรากฎให้เห็นมากขึ้น โดยล่าสุดเป็นเรื่องข่าวการปองร้ายต่อศาลฯ และ ค.ต.ส. ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อราคหุ้น นักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามหาก SET Index จะปรับตัวลดลง ฝ่ายวิจัยก็ยังเชื่อว่าที่ระดับ PER 12 เท่า หรือประมาณ 680 จุด น่าจะสามารถรองรับแรงกดดันได้ระดับหนึ่ง อาจดีดขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 705 จุด ขณะที่  680 เป็นแนวรับแข็งแกร่ง ทยอยรับหุ้นปันผล ประเมินว่าทิศทาง SET Index วันนี้น่าจะเคลื่อนไหวผันผวนในทิศทางขึ้น โดยมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่บริเวณ 704 – 705 จุด ส่วนแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ PER 12 เท่า ซึ่งให้มูลค่า SET Index ช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2553 ที่บริเวณ 680 จุด และจากความเชื่อว่าที่ระดับ PER 12 เท่า น่าจะสามารถรับแรงกดดันในกรณีที่ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองได้ ทำให้ฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำให้นักลงทุนทยอยซื้อหุ้น ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง เฉพาะอย่างยิ่ง หุ้นที่ให้ Dividend Yield สูง สะสม ทั้งนี้จากกรศึกษาของฝ่ายวิจัย พบว่าการซื้อหุ้นปันผลฯ ในช่วงเวลาก่อนที่จะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ประมาณ 2 เดือน และไปขายหลังจากขึ้นเครื่องหมาย XD ไปแล้ว 2 สัปดาห์ จะให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ซึ่งสำหรับการจ่ายเงินปันผลงวดปี 2552 ที่จะประกาศในช่วงเดือน มี.ค. – เม.ย.2553 แนวทางนี้ก็ยังน่าจะใช้งานได้อยู่ โดยหุ้น High Dividend Yield ที่มี Market Cap มากกว่า 1 หมื่นล้านบาทที่น่าสนใจได้แก่ SPALI, CPNRF, BCP และ DCC เป็นต้น ส่วนหุ้นที่มี Market Cap เล็กกว่า 1 หมื่นล้านบาท ก็มีหลายบริษัท เช่น PRIN, TMT, SC, MCS, TFUND และ THRE               

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook