บสท.ตั้งเป้ารายได้16 เดือนสุดท้ายก่อนยุบที่ 3.2 หมื่นล.

บสท.ตั้งเป้ารายได้16 เดือนสุดท้ายก่อนยุบที่ 3.2 หมื่นล.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นางจุไรรัตน์ ปันยารชุน กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย  (บสท.) เปิดเผยว่า ภายในระยะเวลา 16 เดือนข้างหน้า บสท.จะต้องดำเนินการยุบเลิกตามมาตรา 95 แห่งพ.ร.ก.บสท. พ.ศ. 2544 โดยจะครบกำหนดในวันที่ 8 มิ.ย. 2554 ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลาที่เหลือได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์สำหรับการดำเนินงานไว้ โดยตั้งเป้ารายได้รวมทั้งสิ้น 32,650 ล้านบาท โดยในปี 2553 แบ่งเป็นรายได้จากการจัดเก็บหนี้ 1.3 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้ารายรับจากการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย (NPA) อีก 7.4 พันล้านบาท  ขณะที่ในปี 2554 จะมีรายได้จากการจัดเก็บหนี้ คาดว่าประมาณ 8,730 ล้านบาท และรายรับจากการจำหน่าย NPA ประมาณ 2,700 ล้านบาท ทั้งนี้บสท. ได้เตรียมแผนที่จะเปิดประมูลขายสินทรัพย์ประเภทลูกหนี้ รวมกับสิทธิเรียกร้องและ NPA ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.) และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุวิท (บสส.) โดยให้สิทธิ First Right  กับสถาบันผู้โอนเดิม ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเจรจาการจัดซองประมูลขายสินทรัพย์ประเภทลูกหนี้รวมกับสิทธิเรียกร้องและ NPA ได้ประมาณไตรมาส  3/2553 นอกจากนี้ในปี 2553 บสท. ได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ให้เข้มข้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยจะแบ่งพอร์ตลูกหนี้ในขนาดที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถกำกับดูแลและติดตามได้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ลูกหนี้รายใหญ่ ประมาณ 50 บัญชี/คน การให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งออกเยี่ยมเยียนพบปะลูกหนี้ รวมทั้งจะประสานความร่วมมือกับสถาบันการเงินรัฐให้รับรีไฟแนนซ์ลูกหนี้ที่มีศักยภาพและมีประวัติการชำระหนี้ดี เพื่อเป็นการส่งต่อลูกหนี้ที่ดีคืนสู่ระบบเศรษฐกิจโดยคิดอัตราส่วนลดหนี้พิเศษ ส่วนการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขายจะใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการจัดมหกรรมคัดทรัพย์สินที่มีศักยภาพเสนอขายให้แก่นักลงทุนในราคาพิเศษ รวมถึงยังตั้งเป้าเดินสายโรดโชว์ต่างจังหวัดเพื่อให้ครอบคลุมทุกจังหวัด ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว 54 จังหวัด นางจุไรรัตน์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานปี 2552 บสท. มีรายได้รวมจากการบริหารงานทั้งสิ้น 27,499 ล้านบาท หรือคิดเป็น 155.89% ของเป้าหมาย โดยแบ่งเป็นรายรับจากการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 16,309 ล้านบาท และรายรับจากการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย อีกจำนวน 11,190 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯได้นำเงินที่ได้จากการบริหารงานไปไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงิน 21,690 ล้านบาท  ทำให้ ณ สิ้นปี 2552 สามารถช่วยลดภาระหนี้สาธารณะของประเทศได้  และจากการค้ำประกันตั๋วสัญญาใช้เงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟู  ด้วยการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินในส่วนของเงินต้นแล้วจำนวน 161,261 ล้านบาท  คิดเป็น 65.07%  ของมูลค่าตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกทั้งหมด 247,844 ล้านบาท และได้ชำระดอกเบี้ยจ่ายของตั๋วสัญญาใช้เงินอีกจำนวน 20,349 ล้านบาท  โดยวันที่ 31 ธ.ค. 2552 คงเหลือตั๋วสัญญาใช้เงินในส่วนของเงินต้น จำนวน 86,583 ล้านบาท ในขณะที่มียอดสินทรัพย์คงเหลือจำนวน172,173 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินชำระตามแผนการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 49,921 ล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินระหว่างบังคับหลักประกันจำนวน 30,678 ล้านบาท และทรัพย์สินรอการขาย จำนวน 91,574 ล้านบาท นอกจากนี้ 8 ปีที่ผ่านมา บสท. ได้ส่งผ่านลูกหนี้ที่สุจริตและมีศักยภาพกลับสู่ระบบสถาบันการเงินตามปกติ ได้ทั้งสิ้นจำนวน 3,555 ราย  และคิดเป็นมูลค่าทางบัญชี 122,816 ล้านบาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook