ธปท.ผ่อนกฎนำเงินออก

ธปท.ผ่อนกฎนำเงินออก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รักษาสมดุลสกัดบาทแข็ง

นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ผ่อนคลายระเบียบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราเพิ่มเติม โดยอนุญาตให้นิติบุคคลสามารถลงทุนโดยตรงในต่างประเทศและให้กู้แก่กิจการในเครือต่างประเทศได้ไม่จำกัดจำนวน จากเดิมอนุญาตเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น และให้กู้แก่กิจการในเครือต่างประเทศไม่เกิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี รวมถึงขยายวงเงินลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ที่จัดสรรให้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุนหรือ บลจ. จาก 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ผ่อนผันให้ผู้นำเข้าและส่งออกสามารถยกเลิกธุรกรรมป้องกันความเสากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับค่าสินค้าและบริการได้ทุกกรณี เพื่อให้มีทางเลือกในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่คาดว่าจะผันผวนมากขึ้น โดยมาตรการดังกล่าวมีผลในวันที่ 2 ก.พ.นี้ และเชื่อว่าจะช่วยให้การไหลเข้าออกของเงินทุนระหว่างประเทศมีความสมดุลมากขึ้น และลดการผันผวนของค่าเงินบาท แต่ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าหรือแข็งค่ามากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับพื้นฐานของเศรษฐกิจเป็นหลัก

สำหรับมาตรการที่มีผลในปลายเดือน ก.พ. นี้คือได้อนุญาตให้ฝากเงินหรือลงทุนในต่างประเทศได้ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่ต้องขออนุญาต ธปท. และเพิ่มวงเงินการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศจาก 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อ ปี เป็น 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ส่วนบริษัทในประเทศที่ปล่อยกู้กับบริษัทใน ต่างประเทศที่ไม่ใช่กิจการในเครือได้ไม่เกิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ขณะที่บุคคลในประเทศที่นำเงินบาทซื้อเงินตราต่างประเทศต้องมียอดคงค้างในบัญชีไม่เกิน 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับนิติบุคคล และ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับบุคคลธรรมดานั้น ได้เพิ่มยอดคงค้างเป็น 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ

มาตรการที่ออกมานอกจากลดความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนแล้วยังช่วยเพิ่มทางเลือกในการลงทุน และเพิ่มเสถียรภาพการแข่งขันของภาคธุรกิจไทย หลังจากที่เศรษฐกิจโลกและเอเชีย กำลังมีแนวโน้มฟื้นตัว และสนับสนุนให้บริษัทข้ามชาติที่มีฐานการผลิตในไทยย้ายการบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศมาอยู่ที่ ไทย.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook