สมศ.ปรับตัวชี้วัดประเมิน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1 ก.พ. ที่สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ได้มีการเปิดตัว ผอ.สมศ.คนใหม่ โดย ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผอ.สมศ. คนใหม่ กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสร่วมงานกับ สมศ.ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อ 9 ปีก่อนจึงมีความเข้าใจสถานศึกษาว่า สมศ.สร้างความยากลำบากให้มากเพียงใด ขณะเดียวกันก็เข้าใจดีว่า สมศ.เป็นองค์กรที่จำเป็น และสำคัญต่อการขับเคลื่อนคุณภาพสถานศึกษา ดังนั้นในการประชุมบอร์ด สมศ.ครั้งต่อไป ตนจะเสนอให้มีการปรับตัวชี้วัดให้น้อยลง ง่าย และจำได้ขึ้นใจ แต่สามารถจำแนกสถานศึกษาที่ดีและไม่ดีออกจากกันได้ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มตัวชี้วัดขั้นต่ำ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดขั้นพื้นฐานและจำเป็นที่ทุกสถานศึกษาจะต้องมี โดยในกลุ่มนี้คงไม่เปล่ยนแปลงไปจากตัวชี้วัดเดิม 2. กลุ่มชี้วัดเชิงอัตลักษณ์ ซึ่งจะให้สถานศึกษาได้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนด เพราะแต่ละแห่งแตกต่างกัน และ 3.กลุ่มตัวชี้วัดเชิงมาตรการส่งเสริมที่จะปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและนโยบาย เพื่อให้สอดคล้องกับการขับเคลื่อนคุณภาพในภาพรวมของประเทศ
ศ.ดร.ชาญณรงค์ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาสถานศึกษามักจะบ่นเสมอว่า ต้องรับการประเมินจากหลายหน่วยงาน ดังนั้นจึงคิดที่จะกำหนดการประเมินของ สมศ.ไม่ให้ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ สมศ.กำลังนำร่องใช้กรอบการประเมินคุณภาพภายนอกระดับอุดมศึกษา รอบ 3 จำนวน 6 แห่ง ซึ่งจะเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคมนี้ จากนั้นจะนำมาประมวลว่าต้องปรับปรุงอะไรบ้าง ก่อนที่จะมีการประเมินรอบ 3 ในเดือนมิถุนายน 54 ส่วนข้อเรียกร้องของมหาวิทยาลัยที่ไม่เห็นด้วยกับเกณฑ์ที่ สมศ.ยกร่างขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการประเมินวิทยาเขตของมหาวิทยาลัย ซึ่งหากตกประเมินจะถือว่า มหาวิทยาลัยแม่ไม่ผ่านการประเมินไปด้วยนั้น เป็นประเด็นที่ยังถกเถียงกันอยู่ และจะต้องหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติในที่ประชุมบอร์ด สมศ.
ดร.ชิงชัย หาญเจนลักษณ์ ประธานบอร์ด สมศ. กล่าวว่า บอร์ด สมศ.ชุดใหม่ ไม่ได้คิดรื้อระบบเดิมที่ทำไว้ในสมัย ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ เป็น ผอ.สมศ. ซึ่งตนได้เคยหารือกับ ศ.ดร.สมหวังแล้วว่า ควรมีการปรับลดตัวชี้วัด เพราะเกณฑ์ที่ผ่านมาอาจเหมาะสมกับช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น.
