IRPCเชื่อกำไรปีนี้ใกล้เคียงปี52

IRPCเชื่อกำไรปีนี้ใกล้เคียงปี52

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) กล่าวว่า แนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานปีนี้น่าจะไม่แตกต่างจากปีก่อน เนื่องจากปีนี้การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบเมื่อเทียบกับปี52 ที่ราคาน้ำมันค่อนข้างผันผวนจากระดับราคา 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงต้นปี เพิ่มขึ้นมาสู่ระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงปลายปี อีกทั้งบริษัทยังมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิต ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก(ABS) จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 แสนตันต่อปี โดยใช้น้ำยางธรรมชาติมากกว่า 4.5 พันตันต่อปี โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 6 หมื่นตัน ในช่วง 2-3 ปีหรือภายในปี 2555 โดยใช้เงินลงทุนในโครงการดังกล่าวจำนวน 77 ล้านดอลลาร์ โดยเงินลงทุนส่วนใหญ่มาจากการกู้ อีกทั้งสินค้าดังกล่าวจะเน้นการใช้ภายในประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะสามารถทดแทนการนำเข้ายางสงเคราะห์จากไต้หวัน หรือเกาหลีได้ ขณะที่ส่วนหนึ่งจะมีการส่งออกไปยังจีนที่มีอุตสาหกรรมยานยนต์ใหญ่เป็นอันดับ 1 ขณะที่ในส่วนของสินค้าที่เป็น Green ABS จะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2556  ขณะที่ในวันนี้บริษัทฯมีการเปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจากแผนในปีนี้ที่จะมีการเปิดผลิตภัณฑ์ใหม่จำนวน 10 ผลิตภัณฑ์ ส่วนที่เหลือจะมีการเปิดตัวทั้งหมดในปีนี้ตามแผนที่ได้วางไว้ โดยบริษัทฯจะเน้นการผลิตสินค้าที่เป็นพลาสติกวิศวกรรมมากขึ้น ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าได้มากกว่าสินค้าที่เป็นพลาสติกทั่วไป อีกทั้งผลิตภัณฑ์ที่เป็น Green ABS จะมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น 300% เมื่อเทียบกับอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้า ABS เดิม โดยปัจจุบันราคา ABS ยังอยู่ในระดับที่ดีที่ประมาณ 1.4 พันเหรียญต่อตัน  อีกทั้งเมื่อเริ่มช่วงไตรมาส 1 ยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังคาดว่าทั้งราคาผลิตภัณฑ์ ABS จะยังทรงตัวอยู่ในระดับที่ดีที่ 1.4 พันเหรียญต่อตัน และโพลีโอลีฟินจะมีราคาในระดับที่ดีเช่นกันที่ระดับ 1.3 พันเหรียญ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากงาน Expo ที่ประเทศจีนที่จะเริ่มขึ้นในเดือนพ.ค. ต่อเนื่องไปถึงเดือนพ.ย.  อย่างไรก็ดีราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในปีนี้ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยในประเทศ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากคำสั่งระงับการดำเนินการชั่วคราวในมาบตาพุดจะมีกำลังการผลิตใหม่อีก 2 ล้านตันว่าจะสามารถออกมาได้เมื่อไร สำหรับในแง่ผลกระทบจากปัญหามาบตาพุดต่อบริษัทฯ บริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากไม่มีโครงการที่ดำเนินการอยู่ในมาบตาพุด อย่างไรก็ตามผู้ถือหุ้นใหญ่คือ PTT อาจจะพิจารณาที่ดินที่ IRPC มีอยู่เพื่อใช้พิจารณาในการลงทุน อันเป็นผลกระทบจากปัญหามาบตาพุด   

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook