เซ็งลี้เก้าอี้ตร.ผวา

เซ็งลี้เก้าอี้ตร.ผวา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
มาร์คตั้งวสิษฐเชือด แฉมท.วิ่งเต้นไม่แพ้กัน

นายกฯ ชง วสิษฐ ประธานฯ สอบเซ็งลี้เก้าอี้ ตร. เทพเทือก เตรียมเรียกประชุม ก.ตร. 12 ก.พ.นี้ ปทีป เดือดเรียกมือทำโผ บช.ภ.1 เข้าชี้แจงกรณีไม่แต่งตั้งตำรวจโรงพักดีเด่นเมืองลิงให้ได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น ใช้เวลากว่า 1 ชม. เจ้าตัวอ้างเลื่อนให้ สวญ.เมืองกรุงเก่า เป็น ผกก.ไปแล้ว ด้านมหาดไทยวุ่นไม่แพ้กันกลุ่มข้าราชการเกษียณแฉซื้อขายตำแหน่งผู้ว่าฯ 20 ล้าน รองผู้ว่าฯ 7 ล้าน ด้านคณะรองผู้ว่าฯ ประสานเสียงโต้ไม่จริง

เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่โรงแรมดุสิตธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ข้อร้องเรียน เรื่องการซื้อขายตำแหน่งในการจัดทำรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจนั้น ขณะนี้ได้ตัวประธานคณะกรรมการ คือ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ซึ่งพล.ต.อ.วสิษฐกำลังเสนอผู้ที่จะมาเป็นกรรมการเข้ามา ซึ่งคาดว่าจะได้รายชื่อในวันเดียวกันนี้

ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงเรื่องเดียวกันนี้ว่า คนเราถ้าโยกย้ายแต่งตั้ง เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง แล้วต้องเสียเงิน มันหมดท่าหมดศักดิ์ศรี ถ้ามีจริง ขอให้มีหลักฐานมาเราจะดำเนินการ รักษาการ ผบ.ตร.ก็สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว หรือให้ ก.ตร.มีมติ ซึ่งผมจะเรียกประชุม ก.ตร. ในวันที่ 12 ก.พ.นี้

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวสนับสนุนกรณีที่นายกฯตั้งคณะกรรมการสอบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจที่มีพล.ต.อ.วสิษฐ เป็นประธาน เนื่องจากการแต่งตั้งโยกย้ายของ บช.ภ.2 มีความผิดปกติสองประเด็นคือ ไม่ตรงตามระเบียบ และมีกระแสข่าวว่า มีการซื้อขายตำแหน่ง โดยใช้วิธีการผ่านคนกลาง ชื่อย่อ ห. ซึ่งบุคคลนี้เป็นคนใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายใน บช.ภ.2 ซึ่งวิธีการจะใช้การลงพื้นที่สอบถามว่า ใครต้องการไปอยู่ตำแหน่งไหนอย่างไร จากนั้นก็จะมีการพูดคุยเรื่องผลประโยชน์ ซึ่งจะคล้ายกับการประมูลตำแหน่ง หากใครให้ผลประโยชน์มากกว่าก็จะได้ตำแหน่งนั้นไป หากพล.ต.อ. วสิษฐ อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมตนก็พร้อมสนับสนุนเพราะมีข้อมูลในมือแล้ว และเชื่อมั่นในคณะทำงานของ พล.ต.อ.วสิษฐ

ที่สำนักงานตำรวจาติ พล.ต.อ. ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. กล่าวถึงเรื่องการร้องเรียนขอความเป็นธรรมของ พ.ต.ท.สมศรี พัฒนาคม สวญ.ม่วงค่อม จ.ลพบุรี และ พ.ต.ท.สมเจษฐ์ แม้นบุตร สว.สภ.มะนาวหวาน จ.ลพบุรี ว่าไม่ได้รับความ เป็นธรรม ว่า ตนได้เรียก พ.ต.อ.จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผกก.ฝอ1.บช.ภ.3 ซึ่งเป็นคนทำบัญชีแต่งตั้งของ บช.ภ.1 ซึ่งในคำสั่งนี้ ได้รับการยกเว้นหลักเกณฑ์ ย้ายมาเป็น ผกก.ฝอ1บช.ภ.1 มาชี้แจง เบื้องต้นทางภาคอ้างว่าได้จัดให้รองผู้กำกับหัวหน้าสถานีที่ได้โรงพักเพื่อประชาชนดีเด่นเลื่อนเป็นผู้กำกับแล้ว คือพ.ต.ท.พิพัฒน์ ชุ่มมณีกุล สวญ. สภ.พระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นโรงพักเพื่อประชาชนดีเด่นของภาค แต่ทุกกองบัญชาการพิจารณาจากสถานีตำรวจที่ได้รับรางวัลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงให้ทางกำลังพลไปพิจารณาในเรื่องนี้ว่าภาค 1 ทำถูกหรือไม่ แต่ในทางกลับกันในระดับ ผกก.เลื่อนเป็น รอง ผบก. ทางภาค 1 กลับพิจารณาจากสถานีตำรวจ ที่ได้รับรางวัลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ปทีป ได้เรียก พ.ต.อ.จักรกฤษ เข้าพบนานกว่า 1 ชม. คาดว่ามีการชี้แจงเรื่องไม่แต่งตั้ง พ.ต.ท. สมศรี ทั้ง ๆ ที่ได้รับรางวัลสถานีตำรวจเพื่อประชาชนดีเด่น เพราะเป็นนโยบายสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องการให้หัวหน้าสถานีตำรวจทุกแห่งแข่งกันทำงานเพื่อประชาชน โดยใครได้รางวัลก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งเต้น และมีตำรวจจากส่วนกลางเป็นผู้ตัดสิน

ต่อมา ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวถึงกรณีนายกฯ ระบุว่า บัญชีโยกย้ายของ บช.น. และ บช.ภ.2 มีความไม่ชอบมาพากลในการแต่งตั้ง จะต้องระงับคำสั่งหรือไม่ รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า ระงับไม่ได้ ต้องเดินไปตามคำสั่ง กระบวนการแต่งตั้งก็ว่าไป การสอบสวนตรงนั้นก็ว่าไป คนละกระบวนการกัน คำสั่งทั้งหมด ให้มีผลวันที่ 16 ก.พ. เหมือนเดิม เมื่อถามว่าหากผลสอบพบว่ามีการซื้อขายตำแหน่งจริง จะต้องมีการรื้อคำสั่งหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเรื่องไหนไม่ชอบ มาพากล ตรงนั้นถึงจะทำได้แต่ถ้าพูดในภาพ รวมว่ามีการซื้อขายตำแหน่งแล้วต้องมารื้อคำสั่ง อย่างนั้นทำไม่ได้ แค่สงสัยอย่างเดียว แล้วมารื้อไม่ได้หรอก ต้องพิสูจน์ให้เห็นชัด ว่าอะไรคือความไม่ชอบธรรม

ส่วนที่กระทรวงมหาดไทย คณะรองผู้ว่าราชกาังหวัด 37 คน จาก 32 จังหวัด นำโดยนายเกรียงเดช เข็มทอง รอง ผวจ. ตรัง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงกรณีคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เขียนถึงเรื่องการต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด โดยนายเกรียงเดช อ่านแถลงการณ์ มีเนื้อความว่า การที่ได้มีการเสนอข่าวหรือข่าวลือเรื่องมีการใช้เงินทองเพื่อแลกกับการแต่งตั้งโยกย้ายไปในตำแหน่งที่ดี เพื่อทุจริตคอร์รัปชั่นให้ได้เงินง่าย ๆ นั้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีความจริงแม้แต่น้อย แต่เป็นเรื่องที่เกิดมาทุกยุคทุกสมัย เป็นการตอกย้ำกลลวงของขบวนการหาประโยชน์ตามน้ำ คณะรองผู้ว่าฯ เห็นว่าการเสนอข่าวในลักษณะคลุมเครือไม่ชัดเจน เช่นนี้ จะนำมาสู่ความแตกแยกไม่เป็นผลดีต่อสถาบันฝ่ายปกครองและบ้านเมือง จึงควรให้ยุติและไม่สนับสนุนให้มีการเสนอข่าวในลักษณะดังกล่าวอีกต่อไป การแสดงออกในครั้งนี้ มิได้ต้องการจะให้เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง และมิได้ต้องการตอบโต้ ขัดแย้งกับฝ่ายใด ไม่มีแรงบีบจากฝ่ายการเมืองออกมาให้แถลงข่าว

วันเดียวกัน ที่ร้านอาหารเพลิน กลุ่มข้าราชการเกษียณอายุ กระทรวงมหาดไทย นำโดยนายไพฑูรย์ บุญวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดน ภาคใต้ (ศอ.บต.) แถลงข่าวว่า ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด มีข่าวว่า ซื้อขายกันในราคาตำแหน่งละ 20 ล้านบาท รองผู้ว่าราชการจังหวัด ตำแหน่งละ 7 ล้านบาท นายอำเภอ ในอำเภอใหญ่ตำแหน่งละ 10 ล้านบาท และที่ดินจังหวัดก็เป็นเงินหลายล้าน เมื่อมีการซื้อขายต้องมีการหาเงินกลับ คืน กลายเป็นการทุจริตอีก จากนี้ทางกลุ่มจะประสานงานกับข้าราชการ อดีตข้าราชการหน่วยงานอื่น ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร แสดงพลังเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขสิ่งที่ไม่ถูกต้องจนถึงที่สุด.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook