มติปปช.ลงดาบเชือด! ป๋าเหนาะ

มติปปช.ลงดาบเชือด! ป๋าเหนาะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ฮุบที่สนามกอล์ฟอัลไพน์ ผิดอาญา-เจ้าตัวโต้2มาตรฐาน บิ๊กกรมประชาชํ้าเจอฟัน2เด้ง

ป๋าเหนาะ ท้าสาบานกลางสภาไม่ทันขาดคำ ที่ดินอัลไพน์พ่นพิษ ป.ป.ช. ฟันอาญา เสนาะ ฮุบธรณีสงฆ์ ตอกย้ำคำวินิจฉัยกฤษฎาต้องโอนให้วัดเท่านั้น แจงข้อมูล เมียรัก-น้องชาย-เพื่อนซี้ ร่วมขบวนการเล่นแร่แปรธาตุมรดกคุณยายเนื่อม ยื่นอัยการสูงสุดดำเนินคดี ม.148 ส่วน มาร์ค สั่งหามาตรการเยียวยาลูกบ้านอัลไพน์ ส่วนคดี เจ๊เพ็ญ ล้วงช่อง 11 ป.ป.ช. ชี้ไม่มีหลักฐาน แต่ เผชิญ-สุริยงค์ งานเข้าเจอหวด 2 เด้ง ขณะที่ สภาล่ม อีกแล้ว 2 วันติดต่อกัน มาร์ค นำทีมโดดร่ม เพื่อแม้ว ตอกลิ่มพรรคร่วมดัดหลัง ปชป. เมินแก้ รธน. ฟาก วิปรัฐบาล โทษฝ่ายค้านป่วนตามแผน แม้ว ทวงคืน 7.6 หมื่นล้าน ฟุ้งพรรคร่วมยังชื่นมื่นกันดี มาร์ค เผย ปชป. ไม่กลืนน้ำลายร่วมแก้เขตเลือกตั้ง ฟาก สุวิทย์ นัดพรรคร่วมจูบปาก มาร์ค 9 ก.พ.นี้ ด้าน เพื่อไทย ตั้ง บิ๊กจิ๋ว คุมเกม-วางยุทธศาสตร์การเมือง

* มาร์คยันปชป.ไม่แหกมติ

เมื่อวันที่ 4 ก.พ. นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่ปรึกษาพรรคกิจสังคม กล่าวถึงการนัดหมายแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อทำความเข้าใจกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค หลังจากพรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ได้ประสานงานทุกพรรคการเมืองแล้วและลงตัววันที่ 9 ก.พ.นี้ ส่วนสถานที่และเวลาที่แน่ชัดกำลังพิจารณาอีกครั้ง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา เชื่อว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางคนอาจยกมือร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคประชาธิปัตย์มีมติออกมาแล้ว และตนยังมองไม่เห็นว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง

* เทือกเมินคำขู่ถอดถอน ส.ส.

ต่อข้อถามว่า เสียงข้างน้อยในที่ ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 48 เสียงอาจจะไปร่วมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในการประชุม ส.ส.ของพรรคครั้งนั้นพูดกันชัดเจนว่าจะไม่ใช้การฟรีโหวต และพรรคก็มีวินัย ซึ่งในอดีตเรื่องที่ยากกว่านี้และมีคะแนนเสียงที่ใกล้กว่านี้ แต่เสียงข้างน้อยก็เคารพมติของพรรคเสมอ เมื่อถามย้ำว่า มติพรรคเป็นการปิดกั้นเอกสิทธิ์ ส.ส. หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ได้ปิดกั้น แต่เป็นเรื่องจุดยืนของพรรค การที่รัฐธรรมนูญระบุว่า ส.ส. มีอิสระในการลงมตินั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับบุคคล ไม่ใช่เรื่องกฎหมาย

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคการเมืองใหม่เตรียมยื่นถอดถอน ส.ส. 102 คนที่ลงชื่อในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 5 ก.พ. นี้ ว่า ทุก อย่างว่าไปตามกฎหมาย ยืนยันว่าพรรคประชา ธิปัตย์ไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือรู้เห็นหรือรับลูกกับการกระทำของพรรคการเมืองใหม่

* ปู่จิ้นรอลุ้นปชป.กลับลำ

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว. มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะยื่นถอดถอน ส.ส. ที่ลงชื่อยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การยื่นญัตติดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 คิดว่าเจตนาของพันธมิตรฯ เป็นการเล่นเกมการเมือง ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ลงมติแล้วว่าจะไม่แก้ไข รัฐธรรมนูญ จะมีการหารือเพื่อให้เปลี่ยนมติหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า อาจแก้มติได้ ต้องแยกให้ออกว่าฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่แยกจากกันอย่างชัดเจน ซึ่งฝ่ายบริหารก็ต้องทำงานเดินหน้ากันไปไม่มีอะไรน่าห่วง

ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์อาจยื้อแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปเพื่อรอให้ใกล้ยุบสภาแล้วค่อยนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง นายชวรัตน์ กล่าวว่า ยังเหลือเวลาอีก 2 ปี ตราบใดที่ยังไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากนี้ก็คงไม่มีปัญหา

* ตั้งบิ๊กจิ๋วนั่งหัวโต๊ะคุมเกม

รายงานข่าวจากแกนนำพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า ช่วงเช้าวันที่ 4 ก.พ. พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ได้เข้าร่วมประชุมกับแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่อาคารชินวัตร 3 ถนนวิภาวดีรังสิต โดยเป็นการหารือเพื่อแต่งตั้งคณะบริหารสูงสุดพรรคเพื่อไทย โดยมี พล.อ.ชวลิต ทำหน้าที่เป็นประธาน วัตถุประสงค์เพื่ออุดข้อบกพร่องการทำงานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยที่ประกอบด้วยคนจำนวนมาก ทำให้ความลับที่ถือเป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรครั่วไหล

หน้าที่ของคณะผู้บริหารสูงสุด จะเปรียบเสมือนมันสมองของพรรค ทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์และเกมการเมืองของพรรคเพื่อไทยทั้งหมด โดยมีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน เข้าร่วมด้วย อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีต รมว.ยุติธรรม

* ผู้แทนสายเสมอเป็นวันที่สอง

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้นัดประชุมสภาในเวลา 09.00 น. ซึ่งถือเป็นการนัดประชุมเวลาใหม่เป็นวันที่สอง แต่เมื่อถึงเวลาดังกล่าวปรากฏว่ามีสมาชิกมาลงชื่อเพียง 75 คน จากทั้งหมด 475 คน นายชัย จึงได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือไปพลาง ๆ เพื่อรอให้สมาชิกมาลงชื่ออย่างน้อย 238 คนเพื่อให้ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดจึงจะครบองค์ประชุมและสามารถเปิดประชุมได้

โดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ หารือกรณีสภาล่มเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมาว่า มี ส.ส.หลายคนแสดงตน แต่คอมพิวเตอร์ไม่ประมวลผล พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภา คนที่ 2 ได้สั่งปิดประชุมแบบรวบรัดตัดตอน วางตัวไม่เป็นกลาง จึงควร พิจารณาตัวเอง ส่วนนายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ หารือว่า พ.อ. อภิวันท์ ต้องรับผิดชอบ อย่าเอาเกียรติภูมิของสภามาเล่นเกมการเมืองเพื่อความสะใจของตนเอง

* ปชป.-พท.โต้สภาล่มนัวเนีย

จากนั้นบรรยากาศเริ่มดุเดือด นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรค เพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า เป็นการให้ร้าย พ.อ.อภิวันท์ เพราะกดออดเรียกหลายครั้งแล้ว แต่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไม่มาจึงอย่าโทษคนอื่น ขอให้ถอนคำพูด ทำให้นายนิพนธ์ ลุกขึ้นตอบโต้ว่า การกระทำดังกล่าวทำให้สภาเสียชื่อเสียงและเกียรติภูมิจริง ตนไม่ได้ใส่ร้าย แต่ พ.อ.อภิวันท์ มาเป็นรองประธาน ฉะนั้นต้องวางตัวเป็นกลาง ทำให้นายชัยต้องไกล่เกลี่ยให้ยุติการโต้ตอบ

ขณะเดียวกัน พ.อ.อภิวันท์ ให้สัมภาษณ์ว่า ยืนยันว่าได้ทำหน้าที่อย่างเป็นกลางที่สุด ส่วนที่ฝ่ายรัฐบาลเรียกร้องให้ตน ลาออกนั้นก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการและต้องพิจารณาว่าตนได้ทำหน้าที่อย่างเป็นธรรมหรือไม่

ต่อมาในช่วงบ่าย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้เสนอญัตติด่วนด้วยปากเปล่า เรื่องการหามาตรการป้องกันการปฏิวัติรัฐประหาร โดยให้เหตุผลว่า ขณะนี้กระแสข่าวการปฏิวัติรัฐประหารเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน โดยเฉพาะเมื่อมีกระแสข่าวระหว่างวันที่ 23- 25 ม.ค. ที่ผ่านมาจนทำให้หุ้นตก กระทบต่อเศรษฐกิจ ความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน ขณะที่คนเสื้อแดงได้เตรียมต่อต้านการปฏิวัติแล้ว อย่างไรก็ตาม ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นคัดค้าน โดยเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเพียงกระแสข่าวลือเพื่อที่จะนำไปสู่การชุมนุมแทบทั้งสิ้น เป็นเพียงการสร้างกระแสให้ประชาชนเกลียดชังทหารและใส่ร้ายว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนเผด็จการ ในที่สุดนายทศพล เพ็งส้ม ส.ส.นนทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอให้ปิดการอภิปรายเพื่อลงมติว่าสภาจะอนุมัติให้พิจารณาญัตตินี้หรือไม่

* สภาล่มซ้ำซาก 2 วันติดต่อกัน

พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภา คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้กดออดเรียกสมาชิกนานอยู่หลายรอบและให้เวลารอ ส.ส. กว่า 10 นาที หลังจากถูก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ตำหนิว่ารวบรัดในการนับองค์ประชุมเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ผลปรากฏว่ามีผู้อยู่ในห้องประชุมเพียง 169 คน ถือว่าไม่ถึงกึ่งหนึ่งขององค์ประชุม ทำให้ พ.อ.อภิวันท์ ต้องสั่งเลื่อน การประชุมออกไปและปิดการประชุมทันทีเมื่อเวลา 15.19 น. ถือว่าองค์ประชุม ต้องล่มซ้ำซากติดกันเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์

นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า แม้ว่ารัฐบาลจะยังไม่ทิ้งกัน แต่พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มหวดก้นหลังพรรคประชาธิปัตย์ไม่ร่วมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อไปพรรคฝ่ายค้านต้องนับองค์ประชุมเรื่อย ๆ เพราะหากยังใช้ระบบรัฐสภาของไทยต้องคำนึงเรื่องคะแนนเสียงเป็นสำคัญ

* วิปรัฐโทษแผนแม้วป่วนเมือง

ด้านนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงเหตุสภาล่มเป็นครั้งที่สองติดต่อกันว่า เหตุการณ์ในวันนี้ (4 ก.พ.) เป็นเกมของฝ่ายค้านที่ต้องการจะสร้างความปั่นป่วนทำให้เห็นว่างานสภาเดินไปไม่ได้แล้วดึงเรื่องที่ทหารจะออกมาปฏิวัติเข้าไปในสภา ทั้งที่ทหารไม่ปฏิวัติอยู่แล้ว และฝ่ายที่จะปฏิวัติจริง ๆ คือกลุ่มคนเสื้อแดง ความพยายามในลักษณะนี้จะหนักขึ้นเพราะใกล้วันที่ 26 ก.พ. ที่จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

ต่อข้อถามว่า ปัญหาการประชุมสภาล่มในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเกมของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่จะไม่ให้ความร่วมมือในการเข้าประชุมหรือไม่ รองประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ไม่ใช่เกมของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะพรรคร่วมรัฐบาลยังให้ความร่วมมือกับวิปรัฐบาลอย่างดี 100% ส่วนมาตรการคุมเสียง ส.ส.รัฐบาลยังใช้ได้ผลอยู่ อย่างไรก็ตามวิปรัฐบาลและฝ่ายค้านคงมีการพูดคุยเป็นการภายในเพื่อให้การทำงานในสภามีความราบรื่น

* อ้าง ส.ส. โดดร่มหนีกลับ ตจว.

นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับการประชุมสภาในวันพฤหัสบดี ส่วนใหญ่เป็นการถามตอบกระทู้ถาม ซึ่งใช้เสียง 1 ใน 5 ของ ส.ส. ทั้งหมดในสภา จากนั้นเป็นเรื่องที่เข้ามาให้สภารับทราบซึ่งไม่มีการลงมติ ดังนั้นต่างคนต่างมีภารกิจ เช่น การประชุมคณะกรรมาธิการ ฯลฯ ส่วนญัตติด่วนเรื่องการหามาตรการป้องกันการปฏิวัติถือเป็น วาระที่ไม่ควรเข้ามาสู่การพิจารณาของสภา เพราะไม่มีสาระใด ๆ

รายงานข่าวจากพรรคร่วมรัฐบาลแจ้งว่า สาเหตุที่สภาล่มไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีพรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเพราะไม่ต้องการสนับสนุนญัตติของพรรคฝ่ายค้าน อีกทั้ง ส.ส. ต้องเดินทางกลับต่างจังหวัดในวันพฤหัสบดี และเที่ยวบินจะเริ่มในเวลา 16.00 น. อีกทั้งวาระการประชุมที่เหลือมีเพียงรับทราบผลการทำงานขององค์กรรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ในระหว่างการลงมตินายวิทยา ได้ส่งสัญญาณ ส.ส. ในส่วนของรัฐบาลไม่ต้องเสียบบัตร แต่ไม่สามารถประสานงาน ส.ส.รัฐบาลซึ่งอยู่ในที่ประชุมได้ทั้งหมด จึงมี ส.ส. จำนวนหนึ่งเสียบบัตรแสดงตน

* เปิดชื่อผู้ทรงเกียรติโดดประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบรายชื่อ ส.ส. ที่ไม่ได้เข้าประชุมสภาในวันที่ 4 ก.พ. ในส่วนพรรคร่วมรัฐบาลพบว่า พรรคประชาธิปัตย์ขาด 59 คนจาก 172 คน อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน นายกรณ์ จาติกวณิช นายทิวา เงินยวง ส.ส.กรุงเทพฯ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส. เพชรบุรี นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา เป็นต้น

พรรคชาติไทยพัฒนา ขาด 21 คนจากทั้งหมด 25 คน อาทิ พล.ต.สนั่น-นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา นายภคิน ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง เป็นต้น พรรคเพื่อแผ่นดิน ขาด 25 คนจาก 32 คน อาทิ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน ร.ต.หญิงระนองรักษ์-นายพลพีร์ สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชสีมา เป็นต้น ส่วนพรรคภูมิใจไทย ขาด 8 คนจาก 32 คน อาทิ นางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร ส.ส.มหาสารคาม ขณะที่พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ขาด 2 คนจาก 9 คน คือ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล และนางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคกิจสังคม ขาด 2 คนจาก 5 คน คือ นายวารุจ ศิริวัฒน์ ส.ส.อุตรดิตถ์ และนายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ ส.ส.สุโขทัย

* เทือกไม่เชื่อเพื่อนรุมดัดหลัง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อสังเกตที่ว่าสภาล่ม เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลดัดหลังพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ยอมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ไม่ใช่ อย่าไปคิดมาก ปัญหาดังกล่าววิปรัฐบาลคงจะแก้ไขกันไป หน้าที่มีอย่างเดียว คือ ส.ส. ต้องอยู่กันให้ครบ และเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมร่วมมืออยู่แล้ว นอกจากนี้นายสุเทพ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ว่า ไม่เป็นไร ในฐานะรัฐบาลเราก็ต้องชี้แจงกันไป

นายประมวล เอมเปีย ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุสภาล่ม 2 วันติดกันว่า ยังมึน ๆ อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น และผู้ใหญ่ของพรรคยังประเมินไม่ชัดเจนว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะหักหลังหรือไม่อย่างไร เนื่องจากเหตุสภาล่มเมื่อวันที่ 3 ก.พ. มี ส.ส. เข้าประชุมครบองค์ แต่ประธานรีบปิดประชุมไปก่อน แต่ในครั้งนี้ยอมรับว่ามี ส.ส. หายไปมาก เพราะอาจคิดว่าไม่มีวาระสำคัญ ปัญหาอยู่ที่ฝ่ายค้านไม่ได้ยึดประชาชนเอา แต่เล่นเกมอย่างเดียว

* ซัดสุพร-พี่กี้ร์เบ่งกล้ามบินฟรี

ก่อนหน้านั้น ที่รัฐสภา มีการพิจารณากระทู้ถามสดของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรมส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องการบริหารงานในบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ว่า มีบุคคลอ้างว่าเป็นนายสุพร อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย ใช้บัตร ส.ส. ที่หมดอายุ ขึ้นเครื่องบินจาก จ.ขอนแก่น กลับมากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา จึงอยากถามว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ชี้แจงว่า ได้รับรายงานว่าเมื่อวันที่ 1 ก.พ. มีผู้โดยสาร 2 คน แสดงบัตรส.ส. แต่คนหนึ่งบอกว่าไม่ได้เป็น ส.ส. ส่วนนายสุพร ได้มากรอกรายชื่อเสมือนว่าเป็น ส.ส. โดยนายสุพรได้ขึ้นเครื่องไปโดยไม่ได้จ่ายค่าตั๋ว แต่เจ้าหน้าที่การบินไทยที่สนามบินขอนแก่น ได้แจ้งเจ้าหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิให้ รปภ. เชิญนายสุพรมาจ่ายค่าตั๋ว ส่วนนายอริสมันต์เมื่อถูกทักท้วงได้ยอมจ่ายค่าตั๋วตั้งแต่แรก ทั้งนี้ตนได้ตำหนิและได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การบินไทยแล้ว ส่วนการแจ้งความดำเนินคดี เป็นเรื่องของการบินไทย

* 2 คู่หูแจ้งจับโทรโข่งทันควัน

ภายหลังตั้งกระทู้ถามเสร็จแล้ว นพ. วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้มาแถลงข่าวซ้ำในเรื่องกระทู้ถามอีกครั้ง และระหว่างที่แถลงนั้น นายประยุทธ์ ศิริพานิช ส.ส.มหาสารคาม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้นำนายสุพรและนายอริสมันต์ มายืนรอเพื่อแถลงข่าวต่อ โดยนายสุพร ได้เดินเข้ามานั่งเผชิญหน้ากับ นพ.วรงค์ ที่กำลังแถลงข่าวอยู่ด้วยสีหน้าดุดัน

นายสุพร แถลงว่า วันที่ 1 ก.พ. ตนและนายอริสมันต์ ได้แจ้งขอเปลี่ยน ตั๋วจากอุบลราชธานี-สุวรรณภูมิ มาเป็นขอนแก่น-สุวรรณภูมิ เมื่อเดินทางไปถึงสนามบิน เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่มีรายชื่อของตน จึงบอกให้ช่วยเปลี่ยนตั๋วพร้อมยื่นบัตรอดีต ส.ส. ให้แทน เนื่องจากไม่ได้เอาบัตรประจำตัวประชาชนไป พอเจ้าหน้าที่ยื่นตั๋วให้ก็เข้าใจว่าเลื่อนไฟลต์ได้เรียบร้อยจึงขึ้นเครื่องกลับ แต่พอมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่โทรฯ มาบอกว่ายังไม่ได้จ่ายค่าตั๋ว ตนก็เดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ และมีใบเสร็จยืนยันได้ชัดเจน ขณะที่นายอริสมันต์ กล่าวว่า เมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่สามารถเปลี่ยนตั๋วได้ ตนจึงควักเงินจ่าย และไม่เคยใช้บัตรอดีต ส.ส. เบ่ง จากนั้นทั้งสองพร้อมด้วยทนายความ ได้เข้าแจ้งความที่ สน.ดุสิต เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นพ.วรงค์ ในข้อหาหมิ่นประมาท

* บ้านริมน้ำออกโรงป้องนริศรา

อีกเรื่องหนึ่ง ที่รัฐสภา นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร กลุ่มบ้านริมน้ำ พรรคเพื่อแผ่นดิน แถลงตอบโต้ ส.ส.พรรค ประชาธิปัตย์ กรณีนำนายธีรพัฒน์ คำคูบอน ที่ปรึกษาสหภาพครูแห่งชาติ และอุปนายกสมาคมครูอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทยมาแถลงข่าวกล่าวหา น.ส.นริศรา ชวาลตัน พิพัทธ์ รมช.ศึกษาธิการ กรณีจัดซื้อครุภัณฑ์ให้กับวิทยาลัยอาชีวศึกษาทั่วประเทศว่า การทำงานในรัฐบาลจะต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน และควรตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดก่อน เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน อีกทั้งกระทรวงศึกษาธิการมีรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์เช่นกันก็ควรจะสอบถามกันก่อน หากมีหลักฐานก็ควรส่งให้คณะกรรมการสอบสวนที่กระทรวงฯ ตั้งขึ้น

ส.ส.กลุ่มบ้านริมน้ำ กล่าวด้วยว่า อยากฝาก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ให้ตรวจสอบการจัดซื้อครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์จำนวน 9 พันล้านบาท และการจัดซื้อตำราเรียนของประถมศึกษาปีที่ 3 ในความรับผิดชอบของสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ด้วย มิใช่ตรวจสอบเฉพาะคนใดคนหนึ่งเท่านั้น

* เหนาะเดือดตั้งกระทู้อัลไพน์

ช่วงสายวันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายเสนาะ เทียนทอง ส.ส.สัดส่วน หัวหน้า พรรคประชาราช ตั้งกระทู้ถามนายกรื่องการใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินโดยมิชอบกรณีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ว่า ตนจำเป็นต้องพูดเรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์อีกครั้ง เพราะมีการกระทำสองมาตรฐาน และมีการพูดเรื่องนี้ถึง 3 ครั้งโดยอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่กำลังป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล รวมถึงช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีต รมว.มหาดไทย ในขณะนั้น ล่าสุด 25 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือลับถึงนายกฯ เพื่อขอให้ดำเนินการเพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ ซึ่งนายกฯ ยังไม่ทันสอบสวนข้อเท็จจริง แต่แทงหนังสือให้รัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการโดยเร่งด่วน และส่งเรื่องต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทันที

* แช่งฮุบที่วัดอย่าได้ผุดได้เกิด

นายเสนาะ ได้อภิปรายเล่าถึงที่มา ที่ไปของที่ดินดังกล่าวนานกว่า 20 นาที ทำให้นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงให้เข้าประเด็น เพราะเกรงว่าจะไม่ทันเวลาที่กำหนดไว้ ทำให้นายเสนาะโกรธและตอบโต้อย่างมี อารมณ์ว่า ขอสาบานว่าใครก็ตามที่เอาที่ของวัด ขออย่าได ้ผุดได้เกิด แต่ถ้าใครก็ตามที่ยกที่วัดมาเป็นเรื่องการเมือง โดยกลั่นแกล้ง เสแสร้ง ก็ขอให้มีอันเป็นไป และที่มีปัญหาในขณะนี้ เพราะมีการเอาที่ดินไปขายให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จำนวน 500 ไร่เท่านั้น จึงอยากรู้ว่าถ้านายกฯ เป็น รมว.มหาดไทย เหมือนผมในปี 2531 แล้ววัดได้ทำหนังสือแจ้งความจำนงไม่ประสงค์จะไปข้องเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าว นายกฯ จะสั่งการอย่างไร

* มาร์คยึดคำวินิจฉัยกฤษฎีกา

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ชี้แจงว่า หน้าที่ของตนขณะนี้คือให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา คือ มูลนิธิที่จัดการมรดกมีหน้าที่โอนมรดกให้บุคคลอื่นนอกจากวัด ไม่ได้ ทั้งนี้ยอมรับว่าอาจกระทบกับผู้ที่ซื้อ ที่ดินโดยสุจริต แต่ได้สั่งการให้มีมาตรการเยียวยาด้วย ส่วนคดีที่อยู่ใน ป.ป.ช. ก็เป็นเรื่องขององค์กรอิสระ รัฐบาลคงไปดำเนินการอะไรไม่ได้

จากนั้นนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พร้อมด้วย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ร่วมลงชื่อยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ร่วมกันแถลงว่า การที่นายเสนาะ ตั้งกระทู้ถามสดต่อนายกฯ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถือว่าออก อาการเป็นพิเศษ เพราะ ป.ป.ช. ใกล้ชี้มูลคดีนี้ และได้เรียกนายเสนาะเข้าชี้แจง แต่นายเสนาะไม่ได้เข้าชี้แจง โดยอ้างว่าป่วย จึงอยากถามว่าป่วยจริงหรือป่วยปลอม เมื่อนายเสนาะได้ปรากฏตัวในที่ประชุมสภาแล้วก็ขอเรียกร้องไปยัง ป.ป.ช. ให้ออกหมายเรียกนายเสนาะเข้าไปไต่สวน เพื่อคดีจะได้คืบหน้า นอกจากนี้เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมานายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ได้ ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อเร่งรัดดำเนินการตามที่นายกฯ มีคำสั่ง มาแล้ว

* ป.ป.ช.ช่วยตอกย้ำที่ธรณีสงฆ์

ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. แถลงผลการประชุมว่า ป.ป.ช. ได้พิจารณาเรื่องกล่าวหานายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช สมัยเป็น รมช.มหาดไทย กับพวกรวม 7 คน ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีจดทะเบียนโอนมรดกและโอนสิทธิขายที่ธรณีสงฆ์ ของวัดธรรมามิการามวรวิหาร จ.ปทุมธานี จำนวน 732 ไร่ โดยมิชอบ และละเว้นไม่เพิกถอนการจดทะเบียนการโอนที่ดินโดยมิชอบดังกล่าว สมัยเป็น รมช. มหาดไทย เมื่อปี 2533 จากการไต่สวนข้อเท็จจริงมีประเด็นต้องพิจารณาว่า ที่ดินตามพินัยกรรมของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ดังกล่าวเป็นที่ธรณีสงฆ์หรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาและเห็นว่ากรรมสิทธิ์ที่ดินตกเป็นของวัดและเป็นที่ธรณี สงฆ์แล้ว

* ส่งอสส.ฟันอาญาเหนาะ

กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวต่อว่า การ ที่นายเสนาะมีคำสั่งไม่อนุญาตให้วัดรับมรดกที่ดินดังกล่าวเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2533 และต่อมาวัดได้ขายที่ดินให้บริษัท 2 แห่ง ซึ่งบริษัททั้งสองแห่งมีนางอุไรวรรณ เทียนทอง ถือหุ้นจำนวน 3 แสนหุ้น มูลค่า 30 ล้านบาท นายวิทยา เทียนทอง และนายชูชีพ หาญสวัสดิ์ ถือหุ้นคนละ 1.5 แสนหุ้น มูลค่า 15 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค. 2533 เป็นเวลาก่อนที่นายเสนาะจะไม่อนุญาตให้วัดรับที่ดินดังกล่าว

นายกล้านรงค์ กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของนายเสนาะ เป็นการกระทำในฐานะเป็นเจ้าพนักงานที่ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือฝืนใจผู้อื่น ให้หามาให้ซึ่งประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือ ผู้อื่น เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และยังมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 แต่ความผิดตามมาตรา 157 ได้ขาดอายุความไปตั้งแต่เดือน ส.ค. 2548 จึงมีมติส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 148 ต่อไป

* บิ๊กกรมกร๊วกงานเข้าเจอ2เด้ง

นายกล้านรงค์ แถลงต่อว่า ป.ป.ช. ได้พิจารณาคำสั่งขอถอดถอนนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง กรณีใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ 3 กรณี คือ 1. ข่มขู่ คุกคาม ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรสื่อของรัฐ 2. ใช้อำนาจสั่งถอดนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ออกจาก ผู้ดำเนินรายการทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 105 เมกะเฮิรตซ์ และ 3. เอื้อประโยชน์ให้เอกชนเข้ามาผลิตรายการข่าวในสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที ซึ่งทั้งสามกรณีไต่สวนแล้วไม่พบพยานหลักฐานว่า นายจักรภพใช้อำนาจสั่งการที่ผิดต่อรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด จึงให้ยกคำร้อง

สำหรับกรณีการเอื้อประโยชน์ให้ บริษัทเอกชนเข้ามาผลิตรายการในสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีนั้น กรรมการ ป.ป.ช.กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐ 2 คน คือ นายเผชิญ ขำโพธิ์ อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และนายสุริยงค์ หุณฑสาร อดีตรักษาการ ผอ. สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ดำเนินการให้บริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด เข้ามาผลิตรายการข่าว โดยไม่โปร่งใสอีกทั้งปล่อยให้บริษัท ดิจิตอลมีเดียฯ และบริษัท เคแอลทีเอ็ม มีเดียโปรดักส์ จำกัด ฮั้วประมูลกันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ดังนั้นนายเผชิญและนายสุริยงค์จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้วมาตรา 10, 12 และความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 151, 157 รวมทั้งผิดวินัยร้ายแรงฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีมติให้ส่งรายงานดังกล่าวให้ผู้บังคับบัญชาเพื่อลงโทษทางวินัย และส่งอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook