กกต.เผย ประชาชนในภาคใต้มีความรู้เรื่องการเลือกตั้งสูง ส่งผลให้ปัญหาทุจริตเลือกตั้งมีน้อยกว่าภูมิภาคอ

รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ระบุ ประชาชนในภาคใต้มีความรู้เรื่องการเลือกตั้งสูง ส่งผลให้ปัญหาการทุจริต และการร้องเรียนเรื่องการเลือกตั้งมีน้อยกว่าภูมิภาคอื่น ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดยะลา นายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้งในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานด้านการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการดำเนินโครงการลูกเสืออาสา กกต.เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย โดยนายภุชงค์ กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ประชาชนในพื้นที่มีความรู้ และความเข้าใจในการเลือกตั้งสูงมาก โดยเฉพาะผู้สมัครที่ได้เข้าร่วมโครงการการเลือกตั้งสมานฉันท์ จนส่งผลให้การเลือกตั้งในแต่ละครั้ง เกิดปัญหาน้อยมาก ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ ถือว่าน้อยที่สุดในประเทศไทย ที่ผ่านมาการร้องเรียนถ้าเทียบกับจังหวัดอื่นๆ น้อยมาก ขณะนี้ทั่วประเทศมีการร้องเรียนกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งกับกรรมการนับคะแนนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนการซื้อสิทธิขายเสียงของภาคใต้ก็มีน้อยมากเช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประชาชนมีความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น นอกจากนี้การรณรงค์การเลือกตั้งนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดปัจจุบันมุ่งไปที่ประชาชนทุกกลุ่ม แต่ที่มุ่งเน้นมากที่สุด คือ กลุ่มนักเรียน นักศึกษา และเยาวชน ซึ่งมองว่าเด็กเหล่านี้ถ้าได้เสริมสร้างวิถีประชาธิปไตยให้แล้ว เมื่อเติบโตขึ้น จะมีวิถีชีวิตกับจิตวิญญาณที่เป็นประชาธิปไตยบ้านเมืองก็คงจะดีขึ้น นายภุชงค์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ทำเอ็มโอยูกับเทศบาลเมืองเบตง เพื่อดำเนินโครงการเสริมสร้างวิถีประชาธิปไตยที่เกี่ยวกับเด็ก และเยาวชน โดยใช้โครงการลูกเสืออาสา กกต.เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย มาเป็นโครงการที่เสริมสร้างวิถีชีวิตให้กับเด็ก ๆ โดยมีการฝึกอบรมลูกเสือของโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองเบตง ทั้ง 5 โรงเรียน จำนวน 500 คน ให้เด็ก ๆ เหล่านี้ เป็นสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี ประชาธิปไตย โดยเทศบาลเมืองเบตง เป็นผู้จัดงบประมาณ ทาง กกต.ให้การสนับสนุนเรื่องของวิทยากร ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งแรกในประเทศไทย ที่มาร่วมมือทำงานกับทาง กกต.ในการส่งเสริมประชาธิปไตย โดยทาง กกต.จะได้นำโครงการดังกล่าวไปขยายผลยังองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช และเทศบาลนครยะลา เป็นหน่วยงานต่อไป พร้อมจะนำโครงการดังกล่าวไปขยายผลในทุกส่วนของประเทศไทยด้วย