นายกฯยันมีเบาะแสโอนเงินจริงปัดใส่ร้ายใคร

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ได้รับรายงานว่า มีการโอนเงินผิดปกติจริง แต่ไม่ทราบว่า เป็นการ
โอนเงินในลักษณะใด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตามนั้นเห็นว่า การ
โอนเงินที่ผิดปกตินั้น ก็ เป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่า มีความสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่
จะมีความเข้มข้นในการเคลื่อนไหว ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งนี้มั่นใจว่า กฎหมายที่ใช้ตามปกตินั้น จะสามารถดูแล
สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ได้ ส่วนที่จะมีการประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการประเมิน
สถานการณ์อีกครั้งอย่างไรก็ตาม นายกฯ ยังกล่าวถึง การที่ทางการกัมพูชาจะมายื่นฟ้องศาลโลก ให้พิจารณาพื้นที่
ทับซ้อนประสาทเขาพระวิหารว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะตนยังไม่เห็นเงื่อนไขที่จะดำเนินการได้ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่า
ทางการกัมพูชาจะดำเนินการในลักษณะใด อีกทั้งการวินิจฉัยของศาลโลก ก็มีขอบเขตที่ชัดเจนอยู่แล้ว

นอกจากนี้นายกฯ ยังกล่าวว่า การย้ายผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เป็นเรื่องของการตรวจสอบของคณะกรรมการ
การซื้อขายตำแหน่ง ที่พบว่า มีคำสั่งการโยกย้าย ที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งขณะนี้ได้ขยายผลให้คณะกรรมการตรวจสอบ ดำเนิน
การหาข้อเท็จจริง ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 1 และ ตำรวจภูธรภาค 4 แล้วด้วย เช่นกัน

ขณะ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่ประจำโฆษกสำนักนายกฯ ยืนยันขณะนี้ รัฐบาลได้รับ
เบาะแสว่า มีการโอนเงินผิดปกติ จำนวน 2 - 3 กลุ่ม ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบอยู่ โดยจากข้อมูลระบุว่า มีเส้น
ทางการโอนเงินที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตามนั้น ไม่ได้ระบุว่า จะเชื่อมโยงไปถึงบุคคลใดบ้าง ดังนั้น การที่นายจตุพร
พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเรียกร้องให้นำหลักฐาน
มายืนยันนั้น มองว่า เป็นการร้อนตัว

นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ในอีก 3 วัน จะมีความชัดเจน ในเรื่องของความพร้อมในมาตรการ
การเฝ้าระวังติดตามการเคลื่อนไหวภาคประชาชน โดยจะมีมาตรการดูแล ทั้งก่อนและหลัง การตัดสินคดียึดทรัพย์
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว

ด้าน นายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง กรณีสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา
ออกมาขู่ จะยื่นฟ้องต่อศาลโลกว่า ไทยยึดครองดินแดนกัมพูชา และจะร้องขอให้ UN เข้ามาช่วยแก้ปัญหาว่า ตอนนี้
รัฐบาลยังไม่ได้มีคำสั่งให้ กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการใดๆในเรื่องนี้ เนื่องจาก ต้องรอดูประเด็นที่กัมพูชา
จะยื่นต่อศาลโลกก่อนว่า อยู่ในข่ายที่จะดำเนินการต่อไปได้หรือไม่ แต่ทั้งนี้ หากทางการกัมพูชา มีการยื่นฟ้องจริง
ไทยก็จะไม่รับเป็นคู่กรณี