ยืมเงิน ช.พ.ค.500 ล้านต่ออายุองค์การค้าฯ

ยืมเงิน ช.พ.ค.500 ล้านต่ออายุองค์การค้าฯ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
วอนรัฐรับรู้ภาวะวิกฤติอย่าทิ้งโดดเดี่ยว

ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) รักษาการ ผอ.องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการ ส่งเสริมสวัสดิการ และสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด สกสค. วันที่ 11 ก.พ. ว่า การประชุมวันนี้เป็นการประชุมนัดพิเศษเพื่อพิจารณา เรื่องการขอรับการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารออมสิน เพื่อดำเนินแผนฟื้นฟูองค์การค้าฯ ปี 2553-2557 ตามที่บอร์ด สกสค.เคยมีมติให้ความเห็นชอบการฟื้นฟูองค์การค้าฯในวงเงิน 2,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาองค์การค้าฯได้มีการติดต่อหาแหล่งเงินกู้หลายแห่งรวมถึงธนาคารออมสิน และได้มีการตกลงในหลักการกับธนาคารออมสินว่า จะใช้วิธีการฝากเงินเพื่อให้สามารถกู้เงินได้ 3 เท่าของเงินที่ฝาก โดยจะต้องนำเสนอเอกสารการเงิน งบฯกำไรขาดทุน รวมถึงแผนการใช้หนี้และแผนฟื้นฟูองค์การค้าฯ เป็นต้น

รก.ผอ.องค์การค้าฯ กล่าวต่อไปว่า จากการประสานงานดังกล่าวทางธนาคารออมสินยินดีให้องค์การค้าฯ ดำเนินการตามข้อตกลงได้ โดยได้เลือกโครงการในแผนฟื้นฟูมาดำเนินการ 5 โครงการหลัก คือ1.การเพิ่มศักยภาพของร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ ให้มีสินค้าจำหน่ายอย่างครบถ้วน 2.ปรับอัตรากำลังบุคลากรให้อยู่ในจำนวนที่เหมาะสม โดยนำเงินที่ได้จากการกู้มาทำโครงการเออร์ลี่รีไทร์ 3.พัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อจัดระบบการบริหารงาน 4.การเพิ่มศักยภาพการพิมพ์ และ 5.การประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ที่ดี และการมีส่วนร่วมของสังคม โดยในเบื้องต้น คาดว่าจะกู้เงินจำนวน 1,500 ล้านบาท ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติให้ สกสค.จะนำเงินไปฝากธนาคารออมสิน 500 ล้านบาท โดยยืมเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ชพค.) แต่ทั้งนี้ สกสค. จะต้องทำแผนการใช้หนี้ ช.พ.ค.ที่ค้างอยู่กว่า 300 ล้านบาท เสนอไปด้วย

สำหรับปัญหาเงินเดือนพนักงานองค์การค้าฯนั้น จากการติดตามสถานการณ์การเงินในเดือน ก.พ.นี้องค์การค้าฯสามารถติดตามหนี้ได้พอสมควร และในเดือนมี.ค.ก็จะเริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามา ทำให้จะมีเงินหมุนบรรจบกันพอดี คิดว่าไม่น่ามีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินเดือนพนักงาน แต่ก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ส่วนในระยะยาวคือจะต้องเร่งเรื่องการทำแผนฟื้นฟู รวมถึงขอให้รัฐบาลรับทราบภาระขององค์การค้าฯในการทำหน้าที่สนับสนุนด้านราคาของแบบเรียนที่เหมาะสม และตรึงราคาไม่ให้แบบเรียนมีราคาสูงเกินไป ซึ่งส่งผลให้องค์การค้าฯขาดทุนสะสมมา 7-8 ปีแล้ว ดร.ชินภัทร กล่าวและว่า ที่ต้องแจ้งให้รัฐบาลรับทราบปัญหา เพราะเมื่อถึงเวลาที่องค์การค้าฯประสบภาวะวิกฤติ รัฐบาลจะได้เข้ามาดูแลได้.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook