เครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง
สำหรับเครื่องปั้นดินเผาลายเขียนสี บ้านเชียง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี แหล่งอารยธรรมมรดกโลก เมื่อ 5,000 ปีก่อน มีกลุ่มเขียนสีลายบ้านเชียง ทำเครื่องปั้นดินเผาทั้งของใหม่และทำเลียนแบบของเก่า ฝีมือชาวบ้านเชียงที่รวมกลุ่มกันแต่งแต้มลวดลายเขียนสีบ้านเชียงให้คงอยู่ในรูปแบบของที่ระลึก ของแต่งบ้าน จนได้เป็นหนึ่งในสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เครื่องปั้นดินเผา บ้านเชียง พอตเตอรี่ นอกเหนือไปจากภูมิปัญญาโอทอป
คุณตาเสริม ธำรงรัตน์ ปัจจุบัน เป็นประธานที่ปรึกษากลุ่มเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงและของที่ระลึก ประเภทศิลปะประดิษฐ์ เล่าให้ฟังว่า ลายเขียนของบ้านเชียงนั้นจะมี 2 ลายคือ ลายตะขอและลายก้นหอย สีที่วาดลวดลายบนเครื่องปั้นดินเผาบ้าน เชียง เดิมนั้นเป็นสีจากดินสีแดงที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินประมาณ 3-4 เมตร เอามาละลายน้ำและผสมกาว แต่ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตสีฝุ่นมีความก้าวหน้าไปมากจึงใช้สีฝุ่นที่ใช้ผสมลงในซีเมนต์แทนสีจากดิน ก็ได้คุณภาพสีออกมาไม่แพ้กัน
เสน่ห์ของเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียง อยู่ที่การเขียนลายโดยไม่ร่างเส้นเอาไว้ก่อน หรือฟรีแฮนด์ ผู้วาดลายจะมีเพียงพู่กันและสีลากเส้นลายตะขอและลายก้นหอย
ดินเหนียวที่ใช้ปั้นนั้น ก็เป็นดินเหนียวสีดำจากแหล่งดินในสกลนคร เอามาผสมกับหัวเชื้อ ปั้นขึ้นรูปแล้วเผาให้สุก จึงนำมาเขียนสี กลุ่มเครื่องปั้นดินเผาฯ ยังใช้เทคนิคการปั้นทั้งแบบใช้มือและใช้เครื่อง เพื่ออนุรักษ์การปั้นแบบดั้งเดิมเอาไว้ ระยะเวลาเผาหากเป็นใบเล็กก็ใช้นานประมาณครึ่งวัน ใบใหญ่ก็เต็มวัน กรรมวิธีการเผาก็ยังเป็นแบบโบราณ ใช้ไม้และฟางข้าวเป็นเชื้อเพลิง
ชาวบ้านเชียงมีเรื่องตลกเล่าให้แขกมาเยือนฟังว่า ไม่ต้องกลัวว่า ของทำเลียนแบบของเก่าหรือทำเหมือนใหม่จะโดนจับ เพราะเดี๋ยวนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดรู้แล้วว่า ไม่ใช่ของเก่าแต่เป็นของทำเลียนแบบ ทางกลุ่มจะมีใบรับรองให้ว่าเป็นของทำเลียนแบบ หรือของปลอมแท้ๆ ไว้ให้ ราคาขายมีตั้งแต่ 10 บาทไปจนถึงสองหมื่นบาท
วิธีสังเกตของเก่าของใหม่บ้านเชียงนั้น คุณตาเสริมมีเคล็ดลับก็คือ ของเก่าแท้ ๆ ลวดลายจะไม่ละเอียดเหมือนของใหม่ เนื่องจากผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน แต่ของใหม่จะสวยมีลวดลายชัดเจน
นายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ภาครัฐได้พยายามเข้าช่วยพัฒนาคุณภาพของงานหัตถกรรมในท้องถิ่นให้มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของตลาด ผ่านโครงการโอทอป หรือหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ในอุดรธานี นอกจากกลุ่มงานเขียนสีบ้านเชียง ก็ยังมีกลุ่มผ้ามัดหมี่ย้อมครามพิบูลย์รักษ์ ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยเสริมฝีมือชาวบ้านทั้งการทอ การย้อม ซึ่งในกลางปี 2553 จะมีโอทอปมิดเยียร์ ให้ชาวบ้านจากทั่วประเทศนำผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นมาจำหน่าย และปีนี้จะเปิดคัดสรรลงทะเบียนสินค้าโอทอปด้วย
ในโลกปัจจุบัน เราปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวัน การทำธุรกิจ สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ การอนุรักษ์และการพัฒนาต้องทำควบคู่กันไป เพื่อให้คนได้อยู่ในถิ่นเกิด มีงานทำและมีความสุขตามอัตภาพกันทั้งปี.
ปรารถนา ฉายประเสริฐ
prathana.chai@gmail.com