ทดสอบ20เจอ4จีที200ไร้ประสิทธิภาพ

ทดสอบ20เจอ4จีที200ไร้ประสิทธิภาพ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
มาร์คเต้นสั่งระงับซื้อ ใช้สุนัขดมกลิ่นดีกว่า

เด็กประชาธิปัตย์ตั้งท่าอุ้มทหาร อ้างผลสอบ จีที 200 ไม่โปร่งใส บางรอบมีสารปนเปื้อนทำให้การพิสูจน์เพี้ยน เตรียมอุทธรณ์ขอสอบใหม่ เนคเทค บ่ยั่นลั่นที่ไหนเมื่อไหร่บอกมา ขอแค่รัฐบาลสั่งพร้อมเสมอเท่านั้น มาร์ค รับ จีที 200 สู้หมาไม่ได้ สั่งทุกหน่วยงานที่ใช้ให้ระวังถึงความเสี่ยง พร้อมสั่งทำรายงานชี้แจงการจัดซื้อ ด้านหน่วยงานความมั่นคงหารือเครียด ส่วน หมอพรทิพย์ เด้งเชือกอ้างไม่ใช่อุปกรณ์หลัก เพื่อไทย จี้ตั้งกรรมการสอบ แฉรายชื่อหน่วยงานที่ซื้อมาใช้กว่าพันล้าน โพลชี้ แม้ว ยังเป็นนายกฯ ในดวงใจ

* มาร์ครับจีที200แพ้สุนัข

เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ถึงผลการทดสอบเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดจีที 200 ว่า ผลการทดสอบของเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200 จำนวน 20 ครั้ง ปรากฏว่า เครื่อง ดังกล่าวหาเจอเพียง 4 ครั้ง เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้สุนัขดมกลิ่น พบว่าการใช้สุนัขดมกลิ่นได้ผลมากกว่า ดังนั้นจึงจะไม่มีการจัดซื้อเครื่องจีที 200 เพิ่มเติม และได้มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯและคณะกรรมการแจ้งผลการทดลองไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีการใช้เครื่องดังกล่าวปฏิบัติงานอยู่ เพื่อให้ทราบถึงความเสี่ยงต่อการใช้เครื่องมือนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะระงับการใช้งานเครื่องดังกล่าวหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ยังไม่ได้แจ้งระงับการใช้งาน เพียงแต่แจ้งไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ให้ทราบผลของการทดสอบเท่านั้น และได้สั่งการให้หน่วยงาน ที่ใช้เครื่องดังกล่าวทำรายงานการจัดซื้อเข้ามาว่าเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามตนได้แจ้งให้ ผบ.ทบ.รับทราบผลการทดลองดังกล่าวแล้ว ท่านก็เข้าใจและไม่ขัดข้อง เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องจีที 200 หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนจะรอให้หน่วยงานต่าง ๆ ทำรายงานเข้ามาก่อน จากนั้นจะพิจารณาอีกครั้ง

* ฝ่ายความมั่นคงเครียดผลสอบ

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้ง ว่า ก่อนการประชุม ครม.จะเสร็จสิ้น พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้เดินทางมายังห้องประชุม ครม.โดยได้เข้าไปรออยู่ในห้องรับรอง จากนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้เดินออกจากห้องประชุม ครม. และเข้าหารือกับ พล.อ.อนุพงษ์

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ก่อนที่การ ประชุม ครม.จะเสร็จสิ้นเล็กน้อย นายอภิสิทธิ์ ได้เดินออกจากห้องประชุมมาหารือกับ ผบ.ทบ. และ รมว.กลาโหม ที่ห้องรับรอง โดยมีนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช.เข้าร่วมหารือด้วย โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางออกไปก่อน โดยนายกรัฐมนตรียังหารือต่อกับนายสุเทพ และ พล.อ.อนุพงษ์ อีกประมาณ 30 นาที ก่อนที่นายสุเทพและ พล.อ.อนุพงษ์จะเดินทางออกไปด้วยกัน โดยไม่มีใครให้สัมภาษณ์

* อัลฟ่า 6 คิวต่อไป

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว. วิทยาศาสตร์ฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 กล่าวว่า การทดสอบใช้เทคนิคแบบดับเบิ้ลไบล์ด เทสต์ ปรากฏว่าเครื่องจีที 200 ค้นหาสารระเบิดซีโฟร์ถูกเพียง 4 ครั้ง จาก 20 ครั้ง ถือว่าไม่มีนัยสำคัญทางสถิติหรือขาดประสิทธิภาพในการทำงาน

ส่วนเครื่องอัลฟ่า 6 ที่กระทรวงมหาด ไทยส่งหนังสือมาให้ทำการทดสอบนั้น รมว. วิทยาศาสตร์ฯกล่าวต่อว่า ต้องรอปรึกษากระทรวงมหาดไทยอีกครั้งว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งในรายละเอียดจะต่างกันออกไป หากทดสอบก็คงใช้เทคนิคเดิมคือ ดับเบิ้ลไบล์ด เทสต์ เหมือนกับการทดสอบจีที 200

* ยุติธรรมระงับการสั่งซื้อ

ทางด้านกระทรวงยุติธรรม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีผลการตรวจสอบเครื่องจีที 200 ที่ไม่มีประสิทธิภาพว่า ทราบว่าผลการทดสอบระบุว่าเครื่องมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาด จากนี้จะหารือกับ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงาน แต่ตนคงไม่สั่งห้ามให้เลิกใช้เครื่องดังกล่าว ถ้าเจ้าหน้าที่มีความมั่นใจก็ใช้ต่อไป แต่ถ้าจะขออนุมัติซื้ออุปกรณ์ในลักษณะเดียวกับเครื่องจีที 200 อีก ตนจะไม่อนุมัติให้ซื้อ

ส่วนเครื่องอัลฟ่า 6 ของ ป.ป.ส.ที่อยู่ ระหว่างการส่งมอบอุปกรณ์นั้น รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ตนจะหารือกับ ป.ป.ส.ว่า หน่วยงาน ต่าง ๆ ยังยืนยันในความต้องการจะใช้เครื่องอัลฟ่า 6 อีกหรือไม่ ซึ่งตนเคยเสนอให้คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นำเครื่องอัลฟ่า 6 ไปทดสอบพร้อมกัน แต่ที่ผ่านมามีเพียงการทดสอบตรวจค้นสารประกอบระเบเท่านั้น

* พรทิพย์พลิ้วไม่ใช่อุปกรณ์หลัก

ด้าน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า สถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะใช้เครื่องจีที 200 ต่อไป แต่จะไม่สั่งซื้อเครื่องเพิ่มเติม ที่ผ่านมาตนชี้แจงไปแล้วว่าเครื่องจีที 200 ไม่ใช่อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ แต่มีตัวแปรของผู้ใช้งานเป็นส่วนสำคัญ เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแต่ไม่ได้ใช้เป็นอุปกรณ์หลักในการเก็บกู้ระเบิด

ส่วน พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า เครื่องที่ ป.ป.ส. ใช้งานตรวจสารเสพติดเป็นเครื่องอัลฟ่า 6 ไม่ใช่จีที 200 โดยปกติอุปกรณ์อิเล็ก ทรอนิกส์จะใช้เป็นอุปกรณ์เสริมไม่ใช่อุปกรณ์หลักในการปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตาม ป.ป.ส. พร้อมให้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องอัลฟ่า 6 ซึ่งมีลักษณะการทำงานใกล้เคียงกับเครื่องจีที 200 เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน

* พท.จี้มาร์คตั้งกก.สอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.กฤษณะ เคยออกมาแถลงข่าวยืนยันในประสิทธิภาพและความแม่นยำในการตรวจหาสารเสพติดของเครื่องอัลฟ่า 6 จนทำให้ ป.ป.ส.เลิกใช้สุนัขดมกลิ่นที่อ้างว่ามักจะเมารถระหว่างการเดินทาง และสุนัขยังจัดเป็นครุภัณฑ์เสื่อมสภาพและมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามาก โดย ป.ป.ส. ได้จัดซื้อเครื่องอัลฟ่า 6 อีกเป็นจำนวนมาก

ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดซื้อเครื่องจีที 200 ของกองทัพบกและเครื่องอัลฟ่า 6 ของกระทรวงมหาดไทยว่า มาตรการที่นายกฯระงับการสั่งซื้อไม่เพียงพอ นายกฯต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ หากไม่ได้ดำเนินการภายในสัปดาห์นี้ ตนจะยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบว่านายกฯละเว้นและหรือละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ ก่อนที่จะนำไปสู่การยื่นถอดถอนต่อไป

* แฉหลายหน่วยซื้อกันอื้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ซื้อเครื่องตรวจระเบิดจีที 200 และอัลฟ่า 6 มาตั้งแต่ปี 2548 โดยกองทัพอากาศเป็นผู้ริเริ่มด้วยการสั่งซื้อเครื่องจีที 200 มาจำนวน 4 เครื่อง จากนั้นปี 52 กองทัพบกก็จัดหามาให้กำลังพลในช่วงแรกจำนวน 222 เครื่อง ในราคาเครื่องละ 9 แสนบาท เป็นเงิน 199,800,800 บาท ตามมาด้วย บช.ภ.4 จำนวน 50 เครื่อง ในราคาเครื่องละ 1 ล้านบาท เป็นเงิน 50 ล้านบาท กรมศุลกากร 6 เครื่อง ราคาเครื่องละ 426,000 บาท เป็นเงิน 2,560,000 บาท บก.ภ.ชัยนาท สั่ง 1 เครื่อง ราคา 550,000 บาท กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด 5 เครื่อง ราคาเครื่องละ 1.2 ล้านบาท เป็นเงิน 6 ล้านบาท สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 10 เครื่อง ราคาเครื่องละ 1.5 ล้านบาท เป็นเงิน 15 ล้านบาท สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ 6 เครื่อง ราคาเครื่องละ 1.1 ล้านบาท เป็นเงิน 6.6 ล้านบาท

ต่อมากองทัพบกได้จัดหาเครื่องจีที 200 เพิ่มเติมให้กับกำลังพลเพื่อไว้ใช้งาน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมจัดซื้อตลอดทั้งปี 2552 ถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 535 เครื่อง เฉลี่ยราคาเครื่องตั้งแต่ 900,000-1,200,000 บาท หากเฉลี่ยเครื่องละ 1 ล้านบาท จะเป็นเงินสูงถึง 535 ล้านบาท นอกจากนี้หน่วยงานอื่นที่จัดซื้อเครื่องอัลฟ่า 6 อาทิ ป.ป.ส.จัดซื้อ 10 เครื่อง ในราคาเครื่อง ละ 663,000 บาท เป็นเงิน 6,634,000 บาท ขณะที่กระทรวงมหาดไทยซื้อถึง 479 เครื่อง ราคาเครื่องละ 720,000 บาท เป็นเงิน 344,880,000 บาท รวมกันแล้วทั้ง 2 หน่วยงานใช้งบฯซื้อเครื่องดังกล่าวเป็นมูลค่ากว่า 350 ล้านบาท

* ปชป.ช่วยทหารขอสอบใหม่

วันเดียวกันนายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า หลังจากที่นายกฯแถลงผลการตรวจสอบเครื่องจีที 200 แล้ว ฝ่ายกองกำลังซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบได้มาร้องเรียนกับตนว่า รู้สึกไม่สบายใจกับผลการตรวจสอบ จึงจะขออุทธรณ์ เพื่อให้ตรวจสอบอีกครั้ง

ผู้ร้องเรียนระบุว่าในระหว่างการตรวจสอบเครื่องจีที 200 มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เกิดการแปรปรวน จึงสงสัยว่าจะมีสารปนเปื้อนอยู่ในที่ตรวจสอบ แต่ด้วยความเกรงใจจึงปล่อยให้กระบวนการตรวจสอบเดินหน้าต่อไป โดยไม่ได้บอกถึงความสงสัยดังกล่าว และจากการหารือกับนายกฯ เห็นว่าเป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการฯที่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้นหากมีหนังสืออุทธรณ์มาอย่างเป็นทางการ ผมก็จะดำเนินการเพื่อความเป็นธรรม นายเจะอามิง กล่าวและว่า หากผลออกมาไม่ตรงกับผลตรวจสอบรอบแรกก็ต้องดูว่าจะต้องตรวจสอบใหม่อีกหรือไม่

* จี้บริษัทที่ขายคืนเงินให้รัฐ

นายเจะอามิงกล่าวต่อว่า ตนขอเรียกร้องไปถึงรัฐบาลว่าหากมีการจัดซื้อจัดจ้างวัตถุใกล้เคียงกับเครื่องจีที 200 ในครั้งต่อไป จะต้องให้มีคณะกรรมการกลางขึ้นมาจากนักวิทยาศาสตร์ ผู้ใช้เครื่องมือและผู้ที่อยู่ในฝ่ายนโยบายทำการตรวจสอบเบื้องต้นก่อนที่จะมีการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนที่ผ่านมา และขอตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาล ควรเรียกร้องให้บริษัทผู้ขายเครื่องจีที 200 ที่นำเครื่องที่มีคุณสมบัติไม่ตรงกับสเปกมาขาย ทำให้ราชการเสียหาย รัฐบาลต้องเรียกร้องให้บริษัทคืนเงินที่รัฐจ่ายไปกลับมาเพราะถือเป็นภาษีของประชาชน

นายพันธุ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผอ.ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ในฐานะเลขานุการและโฆษกคณะกรรมการทดสอบประสิทธิภาพ เครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดจีที 200 กล่าวว่า ที่ยังไม่สามารถเปิดเผยผลในทันที เพราะต้องรอการวิเคราะห์ประเมินผลก่อน เนื่องจากเกรงว่าประชาชนจะไม่เข้าใจในการแปรความหมายของข้อมูลเชิงสถิติ แต่เมื่อผลการทดสอบออกมาเป็น 4 ครั้งใน 20 ครั้ง การบอกผลข้อมูลดิบจึงไม่เป็นปัญหา เนื่องจากหลักการ วิเคราะห์ทางสถิตินี้จะคลาดเคลื่อนได้ประมาณ 20% หมายถึงค่าความถูกต้องของเครื่องดังกล่าวอยู่ที่ระหว่าง 2-6 ครั้งใน 20 ครั้ง ทั้งนี้จะมีการทำสรุปผลรายงานเชิงวิเคราะห์ฉบับสมบูรณ์อีกครั้ง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ตนยืนยันผลการทดสอบครั้งนี้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เชื่อถือได้

* พร้อมทดสอบใหม่ถ้าไม่เชื่อ

ส่วนกรณีที่หน่วยงานด้านความมั่นคงจะขอยื่นอุทธรณ์ให้มีการทดสอบใหม่นั้น นายพันธุ์ศักดิ์ กล่าวว่า การจะขอให้มีการทดสอบใหม่สามารถทำได้ เพราะหลักสถิติหากทำซ้ำกันหลายครั้งจะทำให้มีความแม่นยำของผลมากขึ้น แต่การจะทำการทดสอบอีกครั้งคงเป็นเรื่องนโยบายที่ระดับสูงต้องสั่งการลงมา อาจจะให้ทางเนคเทคหรือหน่วยงานกลางอื่น ๆ เข้ามาช่วยทำการทดสอบอีกก็ได้ แต่วิธีการทดสอบจะต้องใช้วิธีการเดิม

แหล่งข่าวซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ทดสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดจีที 200 เปิดเผยว่า การดำเนินการทดสอบในวันนั้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีปัญหาติดขัด ทำให้การทดสอบใช้เวลาเพียง 1 วัน จากเดิมที่คาดว่าจะใช้เวลา 2 วัน สำหรับการที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายค้นหาสามารถตรวจหาวัตถุสารซีโฟร์ได้อย่างถูกต้อง 4 ครั้งนั้น เป็นการตรวจเจอในการทดสอบรอบที่ 11, 14, 15 และ 18

* แม้วยังเป็นนายกฯในดวงใจ

ส่วนการเมืองอื่น ธุรกิจบัณฑิตโพลได้สำรวจความเห็นของประชาชนใน กทม. และปริมณฑลจำนวน 1,470 คน พบว่า 34.57% เชื่อว่า นายอภิสิทธิ์จะสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้เกิน 9 เดือน 26.95% เชื่อว่าอยู่ไม่เกิน 6 เดือน 8.55% เชื่อว่าอยู่จนครบวาระ ประเด็นเศรษฐกิจการเมืองที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ 46.37% อยากให้มีการยุบสภา 33.09% อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาต่อไป 19.46% อยากให้นายกฯลาออก

สำหรับประเด็นการยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ 60.20% คิดว่าจะถูกยึดบางส่วน 14.00% เชื่อว่าจะไม่ถูกยึดเลย ส่วนโอกาสที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง 36.36% คิดว่าโอกาสค่อนข้างน้อย 35.12% คิดว่าไม่มีโอกาสเลย ส่วนบุคคลที่อยากให้เป็นนายกฯมากที่สุด อันดับ 1 นายอภิสิทธิ์ 43.85% รองลงมา พ.ต.ท.ทักษิณ 29.91% ส่วนนายกฯที่ประชาชนชอบมาก ที่สุด อันดับ 1 พ.ต.ท.ทักษิณ 34.89% รองลงมา นายอภิสิทธิ์ 22.59%.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook