แผนฉุกเฉินรับคดียึดทรัพย์

แผนฉุกเฉินรับคดียึดทรัพย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ธปท.พร้อมอัดฉีดเงินเข้าระบบ

นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงมาตรการฉุกเฉินรองรับสภาพคล่องตึงตัว หลังศาลมีคำพิพากษาตัดสินคดีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 26 ก.พ.นี้ว่า ธปท.พร้อมปล่อยสภาพคล่องเข้าระบบหากเกิดปัญหา สภาพคล่องตึงตัว หรือมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นแผนสำรองฉุนเฉินที่ธนาคารกลางทั่วโลกเตรียมไว้อยู่แล้ว และถ้าธนาคารพาณิชย์ต้องการนำสภาพคล่องส่วนเกินที่ฝากไว้กับ ธปท. กลับคืน ธปท. พร้อมดำเนินการให้ธนาคารพาณิชย์ทันที

สภาพคล่องในตลาดการเงินไทยมีมากและล้นระบบอยู่แล้วจึงไม่น่าเป็นห่วง แต่ถ้ามีเหตุการณ์ฉุกเฉิน ธปท.และสภาพคล่องถูกดึงออกไปจากระบบ ธปท.พร้อมอัดเงินเข้าสู่ระบบ ซึ่งปกติในธนาคารกลางในแต่ละประเทศจะมีแผนรับมือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น อย่างสม่ำเสมอ เช่น วินาศภัย

สำหรับผลกระทบจากกรณีที่ประเทศเวียดนามลดค่าเงินดองลง 3.4% นั้นเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อไทย เนื่องจากต้นทุนการผลิตของเวียดนามสูงกว่าไทย เพราะต้นทุนการนำเข้าที่่มขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้นไปอีก และทำให้การค้าเวียดนามไม่ได้เปรียบไทยมากนัก ส่วนสถานการณ์ค่าเงินบาทนั้น เคลื่อนไหวค่อนข้างนิ่ง เพราะตลาดการเงินในภูมิภาคยังปิดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลตรุษจีน และนักลงทุนกำลังจับตาสถานการณ์ยุโรป โดยเฉพาะกรีซว่า จะแก้ปัญหาหนี้สาธารณะอย่างไร

นายสาทร โตโพธิ์ไทย ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตรวจสอบ 2 ธปท. กล่าวว่า ธปท.ได้ตรวจเช็กแผนสำรองฉุกเฉินของธนาคารพาณิชย์เป็นประจำทุกปี ถ้ามีเหตุ การณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ สามารถบริการจัดการได้เป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้กระทบการทำธุรกรรมด้านต่าง ๆ ส่วนกรณีที่ธนาคารพาณิชย์บางแห่งจะปิดให้บริการบางสาขาถ้ามีเหตุการณ์รุนแรงนั้น ทำได้ทันทีแต่ต้องแจ้ง ธปท. ด้วย

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า คาดว่าไม่น่าเกิดความรุนแรงขึ้น เนื่องจากรัฐบาลเตรียมความพร้อมในการรองรับ หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อเดือน เม.ย.ปีที่ผ่านมา แต่ หากมีความรุนแรงเกิดขึ้น ธนาคารคาดว่าประชาชนจะสามารถปรับตัวได้ เนื่องจากกรชุมนุม และการอยู่กับเสื้อสีต่าง ๆ กินระยะเวลามากกว่า 3 ปีแล้ว นอกจากนี้ธนาคารก็มีแผนสำรองของแต่ละสาขา ในกรณีที่มีเหตุความรุนแรง เกิดขึ้นโดยหากมีความผิดปกติอาจมีการปิดสาขาลงในบางพื้นที่ ยังสามารถใช้บริการทางอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง และเอทีเอ็ม

นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมือง ที่หลายฝ่ายเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น ซึ่งธนาคารมีนโยบายชัดเจนในการวางแผนเตรียมรับสถานการณ์ ซึ่งหากเหตุการณ์มีความรุนแรงก็มีมาตรการพร้อมปิดสาขาได้ทันที ส่วนการตัดสินคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท หากศาลพิพากษายึดทรัพย์ธนาคารต้องจ่ายเงิน 30,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีอยู่ในบัญชีเงินฝากธนาคารออกไป และยืนยันว่าไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงิน เพราะวงเงินดังกล่าวมีจำนวนไม่มากนัก.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook