หนุนนายกฯ งัดกฎเหล็กฟัน

หนุนนายกฯ งัดกฎเหล็กฟัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ซื้อขายตำแหน่ง มท.ย้อน 2 ปีคืนยุติธรรม

เพื่อแม้ว-พันธมิตร-สภาสูงรุมถล่มภูมิใจไทยสำลักปมซื้อขายเก้าอี้ ขรก.มหาดไทย จี้ มาร์ค ตั้งคนนอกสาวทุจริตเซ็งลี้ตำแหน่ง ท้าใช้กฎเหล็กฟัด ปู่จิ้น-บิ๊กคลองหลอด ย้อนรอย 2 ปี คืนความเป็นธรรม ขรก.ถูกข้ามหัว เพื่อแม้วไล่บี้เปิดโปงไอ้โม่งเชิด มท.1 ทำตามใบสั่ง ดักคอ มาร์ค ดื้อตาใสจะหนักกว่าบุฟเฟ่ต์คาบิเนต ฝ่าย สภาสูง พร้อมเป็นพยานแก้ต่างช่วย จาดุร พ้นข้อหาหมิ่นน้องเนวิน เล็งเชิญ ปลัด...คิกคิก แจงข้อมูลโยกย้าย ส่วน การเมืองใหม่ อ้างได้รับร้องเรียนทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภออื้อซ่า

* ส.ว.ลากตั้งกระโดดป้องจาดุร

เมื่อวันที่ 21 ก.พ. นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา เปิดเผยกรณีนาย จาดุร อภิชาตบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ถูกนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงาน รมว.มหาดไทย แจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท หลังจากที่นายจาดุรพูดเรื่องการซื้อขายตำแหน่งในเวทีเสวนาเรื่อง ธรรมาภิบาลในการแต่งตั้งโยกย้าย : ศึกษากรณีกระทรวงมหาดไทย ว่า อนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา กำลังตรวจสอบเรื่องการโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ดังนั้นจึงได้จัดเสวนาเรื่องนี้เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม และ หลังจากนี้จะเชิญปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง

ส.ว.รายนี้ กล่าวว่า นายจาดุรมาร่วมเสวนาในฐานะนายกสมาคมข้าราชการพลเรือน และในวงเสวนานายจาดุรไม่ได้ระบุชื่อคนที่ซื้อขายตำแหน่ง ส่วนใหญ่พูดในหลักการกว้าง ๆ และระบุเพียงว่าเจ้าหน้าที่กองการเจ้าหน้าที่และปลัดกระทรวงมหาดไทยไม่มี บทบาทในการโยกย้าย

* ยุมาร์คลุยสอบโยกย้าย มท.

นายประสาร กล่าวอีกว่า มองว่าเป็นความเข้าใจผิดของผู้ที่ไปฟ้องนายจาดุร ซึ่งอยากท้าให้เอาเทปเสวนามาเปิดพิสูจน์ ถ้าหากนายจาดุรโดนฟ้องจริงตนซึ่งทำหน้าที่เป็นพิธีกรในเวทีดังกล่าว และ พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานศึกษาระบบ การเสริมสร้างธรรมาภิบาล พร้อมที่จะไปเป็นพยานให้ข้อเท็จจริง

ส.ว.สรรหา กล่าวด้วยว่า เมื่อมีเหตุการณ์การแทรกแซงของฝ่ายการเมืองเช่นนี้ ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยรวมทั้งผู้เกษียณอายุแล้วน่าจะตั้งชมรม คนรักมหาดไทย ขึ้นเพื่อสืบทอดจิตวิญญาณรักความเป็นธรรมเหมือนสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เพื่อต่อสู้กับความชั่วร้ายในกระทรวงฯ เหมือน ชมรมแพทย์ชนบทที่ได้รับความสำเร็จ นอกจากนี้ตนอยากเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ แต่งตั้งบุคคลที่สังคมเชื่อถือเป็นคณะกรรมการตรวจสอบการโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทยในรอบ 1 ปีเหมือนการ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบความไม่โปร่งใสในโผโยกย้ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)

* เพื่อไทยจี้หาไอ้โม่งเชิด มท.1

ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงข่าวการทุจริตในกระทรวงมหาดไทย อาทิ การจัดซื้อคอมพิวเตอร์ โครงการเช่าระบบให้บริการประชาชนด้านการทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่ ด้วยระบบอิเล็กทรอ นิกส์ วงเงิน 3.49 พันล้านบาท การทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ และข่าวการเรียกเงินแลกกับตำแหน่งอธิบดีที่ยอดเงินสูงถึง 400 ล้านบาทว่า หากผลการตรวจสอบเป็นเรื่องจริงถือว่าเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อระบบการเมืองและระบบราชการของไทย ที่นักการเมืองและผู้ที่อยู่เบื้องหลังนักการเมืองทำตัวเป็น ไอ้โม่ง อาศัยอำนาจ ที่กำกับอยู่เบื้องหลังแสวงหาผลประโยชน์ โดยที่ตนเองไม่ต้องรับผิดชอบ ผ่านกลไกระบบการบังคับบัญชาและผ่านบุคคลที่ตนเองสั่งการหรือมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการแทน โดยที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเป็นเพียงหุ่นเชิด ไม่กล้าห้ามปรามหรือขัดขวาง

* ท้าใช้กฎเหล็กฟัน ปู่จิ้น-ขรก.

โฆษกพรรคเพื่อไทย ่าวอีกว่า การทุจริตลักษณะดังกล่าวเป็นการพัฒนารูปแบบจากเดิมที่เป็นการทุจริตแบบกินแบ่งโดยอาศัยเปอร์เซ็นต์หรือค่าหัวคิวหรือในรูปของค่าคอมมิสชั่น แต่รูปแบบใหม่เป็นการทุจริตแบบกินรวบแต่เพียงผู้เดียว จากปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ใช้กฎเหล็ก 9 ข้อ ในการดำเนินการกับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว. มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รวมถึงข้าราชการที่เกี่ยวข้องด้วยการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตและทำผิดกฎหมาย โดยไม่ต้องเกรงใจพรรคร่วมหรือกลัวว่ารัฐบาล จะมีอายุสั้น เพราะรัฐบาลชุดนี้จะเป็นยิ่งกว่าบุฟเฟ่ต์คาบิเนต

นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า ถ้านายอภิสิทธิ์ ไม่กล้าดำเนินการ ถือว่าเอื้อประโยชน์ ให้พรรคร่วมรัฐบาลเพื่อต่ออายุในตำแหน่งนายกฯ ต่อไปโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ อีกทั้งยังเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีและเกียรติของกระทรวงมหาดไทยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

* พรรคเหลืองบี้สาวย้อนหลัง 2 ปี

ที่พรรคการเมืองใหม่ นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ขอชื่นชมนายจาดุร อภิชาต บุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ที่ออกมาปกป้องในสิ่งที่ถูกต้อง เชื่อว่ากรณีดังกล่าวนี้เป็นความจริง เพราะถ้าไม่เหลืออดคงไม่มีใครอยากจะพูด สำหรับเรื่องการเรียกรับเงินเพื่อสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอนั้น พรรคการเมืองใหม่เคยได้รับการร้องเรียนมาเป็นจำนวนมาก เพื่อความเป็นธรรมและไม่ต้องการให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยที่ไม่เกิดอะไรขึ้น ขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนย้อนหลังอย่างน้อย 2 ปี เพื่อจัดการกับขบวนการทุจริตที่อยู่เบื้องหลังการแต่งตั้งและคืนความยุติธรรมให้กับข้าราชการที่มีความรู้ มีวัยวุฒิเหมาะสมให้ได้รับตำแหน่ง

* ปชป.สาดน้ำลายเพื่อแม้ว

ที่บ้านพักซอยสวัสดี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เชิญไปให้ข้อมูลเรื่องเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 258 ล้านบาท ในวันที่ 22-23 ก.พ. ว่า กกต. ส่งหนังสือเชิญให้เจ้าหน้าที่พรรคผู้ทำบัญชีไปชี้แจง อย่างไรก็ตามถ้าเชิญตนก็พร้อมไปชี้แจง เมื่อถามว่า มีเสียงวิจารณ์ว่ามีการดึงเรื่องนี้ให้ช้าออกไป นายกฯ กล่าวว่า อยู่ที่ กกต. ตนไม่ได้ไปยุ่งอยู่แล้ว

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ระบุว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะสลับขั้วทางการเมืองไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย ถ้าเป็นภาษาจีนจะเรียกว่าเฉาฉุ่ย เจตนาของนายสุรพงษ์คงต้องการสร้างความหวาดระแวงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล อีกทั้งคงเป็นแก้เกี้ยวที่พรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถสร้างเอก ภาพภายในพรรคเพื่อยื่นญัตติขอเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ จึงอยากแนะนำให้พรรคเพื่อไทยไปหาบุคคลที่เหมาะสม เพื่อเสนอชื่อเป็นนายกฯ แนบท้ายญัตติ และขอให้หยุดสร้างข่าวว่าจะเสนอชื่อพรรคร่วมรัฐบาลเป็นนายกฯ เพราะถ้าหาใครไม่ได้จริง ๆ ก็อยากให้ดูผลโพลที่สนับสนุน ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้เป็นนายกฯ

* โพลหนุนเหลิมนายกฯ เงา

วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจำนวน 3,042 คน หัวข้อฝ่ายค้านเตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พบว่า 46.71% สนับสนุน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส. พรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ เงา หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะมีความเป็นผู้นำ มีบทบาททางการเมืองสูง มีลูกล่อลูกชนดี และมีบารมี อันดับสอง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย 37.28% เพราะเคยเป็นอดีตนายกฯ มาก่อน มีประสบการณ์สูง อันดับสาม นายมิ่งขวัญ แสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย 11.20% เพราะเป็นคนตรงไปตรงมา ใจเย็น ขณะที่ 4.81% สนับสนุนคนอื่น ๆ อาทิ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นต้น นอกจากนี้ยังเห็นด้วยที่จะให้ ร.ต.อ.เฉลิม พล.อ.ชวลิต และนายมิ่งขวัญ ตามลำดับ เป็นแกนนำในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

* ผลยึดทรัพย์ไม่กระทบซักฟอก

ส่วนความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทย 44.45% ไม่แน่ใจว่าจะมีผลทำให้น้ำหนักการอภิปรายน้อยลงหรือไม่ ขณะที่ 35.89% ระบุว่ามีผลทำให้น้ำหนักในการอภิปรายน้อยลง อย่างไรก็ตาม 48.53% ตอบว่าถ้าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดผลดีและผลเสีย พอ ๆ กัน นอกจากนี้ 79.58% เห็นว่าผลจากการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่มีผลทำให้ฝ่ายใดได้เปรียบ มีเพียง 14.74% ที่ระบุว่ารัฐบาลจะได้เปรียบ และ 5.68% ระบุว่าทำให้ฝ่ายค้านได้เปรียบ สำหรับผู้ที่น่าจะเป็น ผู้ตอบอภิปรายฝ่ายค้านได้ดี เรียงตามลำดับ คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ

ประเด็นที่ฝ่ายค้านน่าจะนำมาอภิปราย รัฐบาล ได้แก่ การทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง คดียึดทรัพย์ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การกู้เงิน การบริหารของรัฐบาล การแก้ไขรัฐธรรมนูญ

* ส.ว.ค้านไอเดียนครรัฐปัตตานี

ขณะที่นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล ส.ว.สรรหา ในฐานะ ส.ว. ในพื้นที่ปัตตานี กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยแต่งตั้งให้ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นประธานดูแลการเลือกตั้งในภาคใต้ พร้อมประกาศว่าจะใช้นโยบายเรื่องนครรัฐปัตตานีมาใช้ว่า ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการโหนกระแสในช่วงที่บ้านเมืองมีความขัดแย้ง เชื่อว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่รูปแบบการปกครอง การเสนอนครรัฐปัตตานีขึ้นมาเกรงว่าประชาชนจะสับสนและอาจเกิดความขัดแย้ง เพราะรูปแบบการปกครองแบบ กระจายอำนาจที่มีอยู่ก็ดีอยู่และมีมา 10 ปีแล้ว เพียงแต่ปรับปรุงหรือเพิ่มเติม ปัญหาใน 3 จังหวัดน่าจะดีขึ้น เพราะอย่าลืมว่าการเลือกตั้งผู้นำท้องถิ่นส่วนใหญ่ชาวไทยมุสลิมจะได้รับการเลือกตั้งมากถึง 95%

ส.ว.สรรหา กล่าวต่อว่า การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แต่คำตอบสุดท้ายอยู่ที่การใช้หลัก นิติธรรมและธรรมาภิบาล ปัญหาจะหมดไป ทั้งนี้ในฐานะที่ตนเป็นคนในพื้นที่ยังไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนี้ดีขึ้นหรือไม่ เพียงแต่ดูตัวเลขเท่านั้น และตัวเลขมีที่มาที่ไปแตกต่างกันไป เพราะปัญหาที่จะต้องแก้ไขมีหลายสาเหตุ แต่ปัญหาหลัก คือ 1.ขบวนการหลายขบวนการ 2.ปัญหาการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ 3.เรื่องอบายมุข ยาเสพติด และของหนีภาษี และ 4.ปัญหาความขัดแย้งส่วนตัวของกลุ่มต่าง ๆ.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook