คดียึดทรัพย์ระทึก!สตช.แฉ

คดียึดทรัพย์ระทึก!สตช.แฉ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
แผนแดงบุกเข้ากรุงมาร์คเชื่อศาลไม่หวั่นไหวข่าวลือ สธ.ตั้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉินรับมือ

มาร์ค มั่นใจศาลไม่หวั่นไหวข่าวลือรับสินบน แนะให้รอฟังคำพิพากษาอย่าตื่นเต้น วอน แม้ว เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม งง จะฟ้องศาลโลกประเด็นอะไร สุเทพ สลดใจกระบวนการยุติธรรมไทยถูกป้ายสี เห็นใจศาลโดนสองทาง ตัดสินยึดก็ถูกต่อว่าไม่ยึดก็ถูกวิจารณ์ กกต.ไม่เชื่อข่าวลือสินบน นพดล ออกโรงยันไม่มีติดสินบนศาล ทักษิณ ทวีตอัดรัฐบาล ใช้สื่อทำลายการเมือง ยัน ไม่ผิดคดียึดทรัพย์ไม่ดิ้นรน ลั่น ขอสู้ทุกทางทวงคืนความยุติธรรม บัวแก้ว หารือ ยูเออี เตรียมแปลหมายจับเป็นภาษาอาราบิกส่งให้รัฐบาลยูเออี วอนจับตา แม้ว เคลื่อนไหว รอแจงนานาชาติหลัง 26 ก.พ. ขณะที่ศาลฎีกาเปิดให้สื่อดูงาน แจงขั้นตอนการเข้าฟังคำพิพากษา จัดกำลังเจ้าหน้าที่อารักขาเข้มพิเศษ เลขาศาลฯ ยัน ตามมารยาทวิจารณ์ศาลไม่ได้ ตำรวจเปิดแผนแดงชุมนุม 23-28 ก.พ.นี้ กทม.-พัทยา-อีสาน-เหนือ นัด 26 ก.พ. ฟังคำตัดสิน รอ 28 ก.พ. ชุมนุมใหญ่

ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับช่วง 10 วันอันตราย ตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษา ในวันที่ 26 ก.พ.นี้นั้น เมื่อวันที่ 22 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวการให้สินบนองค์คณะผู้พิพากษาในการพิจารณาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ตนเห็นข่าวว่าศาลออกมาปฏิเสธเรื่องนี้แล้ว และเชื่อว่าไม่กระทบกับความเชื่อมั่นของศาล คิดว่าเรื่องนี้ทั้งหมดจะต้องอยู่ที่คำพิพากษาที่จะต้องมีคำอธิบายอยู่แล้วว่าเหตุผลคืออะไร ถึงได้เน้นย้ำว่าสัปดาห์นี้อย่าได้ตื่นเต้นขอให้รอฟังคำพิพากษา ศาลคงจะมีการแจกแจงเหตุผลทั้งหมด เมื่อทุกฝ่ายรับฟังเหตุผลของศาลและยอมรับทุกอย่างจะผ่านพ้นไป ส่วนที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะนำเรื่องนี้ไปฟ้องศาลโลกนั้นตนยังนึกไม่ออกว่าจะไปฟ้องในประเด็นไหน อย่างไร

* ฝากแม้วคิดถึงส่วนรวม

เมื่อถามว่าอยากจะฝากอะไรถึงพ.ต.ท. ทักษิณ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เหมือนเดิม คือ อยากให้คิดถึงประโยชน์ส่วนรวม เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายเป็นห่วงว่า หลังจากที่ตัดสินคดีแล้วความเคลื่อนไหว จะยังไม่ยุติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราต้องช่วยกันแก้ไข ในสังคมจะต้องให้ความเคารพ กระบวนการยุติธรรม จะสนใจเฉพาะคดีใดคดีหนึ่งไม่ได้ ที่ผ่านมาศาลมีการตัดสินหลายคดีมีแพ้ มีชนะบ้าง แต่เวลาใครไม่พอใจก็ไปหยิบยกขึ้นมาแล้วไปทำความเข้าใจว่าตัวเองแพ้ตลอดหรือชนะตลอด ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น

เมื่อถามว่าคดีนี้จะทำให้กลายเป็นปัญหาของชาติหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องพยายามไม่ให้เป็นอย่างนั้น และเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคดีที่จะผ่านพ้นไปในวันที่ 26 ก.พ.นี้ อย่างไรก็ตามตนยอมรับว่าปัจจัยทางการเมืองมีผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ หากเราไม่สามารถดูแลให้ทุก อย่างอยู่ในระบบได้ ตนจึงเห็นว่าทุกคนควรจะช่วยกัน หากปล่อยให้เหตุการณ์บ้านเมืองไปกระทบเศรษฐกิจอีก คงจะเกิดปัญหาและเกิดการชะงักงัน และการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องใช้ทั้งเวลาและทรัพยากรและภาษีของประชาชน ดังนั้นเมื่อขณะนี้ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยเดินหน้าไปได้ด้วยดี อย่าทำให้เสียรูปขบวน

* สลดใจศาลถูกป้ายสี

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงกล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองใหม่ ออกมาระบุว่ามีการจ่ายสินบนให้กับผู้พิพากษาคดียึดทรัพย์ ซึ่งศาลออกมาปฏิเสธไปแล้วว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสลดใจเป็นอย่างยิ่ง ที่มีการปล่อยข่าวทำลายภาพลักษณ์ของศาลของ กระบวนการยุติธรรมไทย ขอเรียนว่ากระบวน การยุติธรรมของประเทศไทยดีที่สุดแห่งหนึ่ง ของโลก เป็นระบบที่มีมาตรฐานเป็นร้อย ๆ ปี พอมาพิจารณาคดีนี้ศาลเหนื่อยเลย ขอให้พี่น้องประชาชนคนไทยต้องตั้งสติให้ดี

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า สำหรับการพิจารณาคดีนักการเมืองนั้น รัฐธรรมนูญได้ออกแบบวิธีพิจารณาคดีไว้เป็นการเฉพาะให้เกิดความรวดเร็วจึงใช้ศาลฎีกาเลย แต่มีระบบรองรับให้เกิดความเป็นธรรม คนที่จะมาเป็นผู้พิจารณาพิพากษาในกรณีเช่นนี้จะใช้ผู้พิพากษาจากศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูงถึง 9 ท่าน มาเป็นองค์คณะ ขอให้คิดดูว่าผู้พิพากษา 9 ท่านนั้นกว่าจะมาอยู่ศาลฎีกาได้ต้องทำงานผ่านทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ มาค่อนชีวิตใกล้จะเกษียณอยู่แล้ว มีประสบการณ์ในการใช้วิชาชีพกฎหมายมาอย่างช่ำชอง แม่นยำ และไม่ใช่ใครจะมาเป็นได้ แต่ต้องเป็นการคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา

* เห็นใจศาลโดนสองทาง

ผมจึงอยากให้พี่น้องคนไทยเชื่อมั่นในระบบของเรา อย่าไปหวั่นไหว อย่าไปบอกว่าศาลจะถูกกดดัน หรือจะเปลี่ยนความคิด แนวทางในการพิพากษา หรือศาลถูกซื้อ ถูกจ้าง อย่าไปฟังเลย ผมเชื่อว่าทำไม่ได้ในประเทศไทย วิธีนั้นทำไม่ได้ แม้จะมีคนพยายามจะทำ ไม่เห็นหรือว่า เคยเกิดกรณีมีคนเอาเงินใส่ถุงขนมไปทิ้งไว้บนศาล จนต้องติดคุกไปแล้ว ไม่สำเร็จหรอก และผู้พิพากษา ในศาลสูงเหล่านี้ถ้าไม่แน่จริงท่านไปไม่ถึงศาลสูงหรอก นายสุเทพ กล่าว

เมื่อถามว่าการที่พรรคการเมืองใหม่ออกมาพูดเช่นนี้จะมีการสอบถามหรือไม่หรือเพราะมีประสบการณ์เองจึงออกมาพูดโดยไม่กระดากปาก นายสุเทพ หัวเราะพร้อม กล่าวว่า ตนไม่กล้าไปวิจารณ์เขา เดี๋ยวจะทำให้เกิดปัญหาระหว่างตนกับพรรคการเมืองใหม่อีก ขนาดตนไม่วิจารณ์เขายังเสนอปลดตนเป็นประจำอยู่แล้ว ตอนนี้ตนเชื่อว่าข่าวยังต้องมีอีกเยอะ และน่าเห็นใจศาลมาก แต่ศาลท่านคงไม่ต้องการความเห็นใจจากเรา เพราะท่านถือว่าปฏิบัติหน้าที่ของท่าน ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่ที่มีเกียรติยศที่สุด สื่อมวล ชนลองนึกดูว่าในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ถ้าศาลไม่ยึดทรัพย์เลยแม้แต่บาทเดียว ปล่อยไปโดยมีเหตุผลของศาลตามกฎหมายคนพวกหนึ่งก็ต้องออกมาด่า ตำหนิศาล แต่ถ้าหากยึดหมดก็ต้องมีคนออกมาด่า ตำหนิศาลอีก ดังนั้นไม่ว่าจะตัดสินอย่างไรศาลก็ไม่มีกำไร

* วอนฟังคำตัดสิน-ยอมรับ

นายสุเทพ กล่าวว่า ตนวิงวอนขอ ให้ประชาชนรอฟังการตัดสินของศาล วันนั้นเราจะมีการจัดให้มีการถ่ายทอดเสียงเพื่อให้ได้ยินกันไปพร้อม ๆ กัน และตนเชื่อว่าศาลจะมีคำอธิบายทุกแง่มุม ทุกประเด็น ว่าพิพากษาไปนั้นด้วยเหตุผลอะไร และคนไทยต้องทำใจยอมรับคำพิพากษานั้น และยอมรับระบบนี้คือ ระบบประชาธิปไตยที่มีการแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน หากเรายึดหลักนี้ได้บ้านเมืองก็จะไม่วุ่นวาย

เมื่อถามว่า ก่อนหน้าที่จะถึงวันพิพากษา ทางคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความ มั่นคง (คตม.) จะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนจะประชุมเป็นระยะ ๆ แต่ในระหว่างที่ไม่มีการประชุมตนมีระบบการสื่อสารถึงกันอยู่ แล้ว เพื่อรายงานข่าวและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง ต่อข้อถามว่า ในการประชุมครม.วันที่ 23 ก.พ.นี้จะมีการขอความเห็นชอบประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงไว้ล่วงหน้าหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องประกาศพื้นที่ความมั่นคง

* รัฐป้องกันทุกเหตุในปท.

เมื่อถามว่า นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ระบุว่า ได้เตรียมช่องทางการต่อสู้หลังจากที่ศาลฎีกาฯตัดสินคดียึดทรัพย์แล้ว และจะยื่นฟ้องศาลโลกถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม นายสุเทพ กล่าวว่า นายนพดลก็พูดไปเรื่อย ส่วนการที่จะไปฟ้องศาลโลกตนไม่เคยได้ยินว่าจะทำได้ เมื่อถามว่า มีกระบวนการข่มขู่มาก มาย ทั้งข่มขู่วางระเบิดกระทรวงศึกษาธิการ และล่าสุดข่มขู่จะเผาหนังสือพิมพ์แนวหน้า นายสุเทพ กล่าวว่า ก็เพราะเกิดความวุ่นวาย สับสนเพราะการเมือง แต่ขอให้พี่น้องประชาชน ได้กรุณาทำหน้าที่เจ้าของประเทศ โดยการช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากเห็นอะไรที่แปลกน่าสงสัยขอให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง

เมื่อถามว่าทางภาครัฐจะมีการป้องกัน อย่างไร เพราะอาจจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีกบ่อยครั้ง นายสุเทพ กล่าวว่า เราพยายามเตรียมการป้องกันไว้เต็มที่แล้ว โดยมีการเฝ้าระวังความปลอดภัยสถานที่สำคัญ ๆ รวมทั้งตั้งด่านตรวจค้นอาวุธตามสถานที่ต่าง ๆ เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร พลเรือน เอาไว้รับมือกรณีที่มีการก่อความวุ่นวาย และ เตรียมดูแลแม้กระทั่งการดูแลการชุมนุม ที่จะไม่ให้มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บล้มตาย จึงมีการซักซ้อมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อย่างที่ได้เห็นในช่วงที่ผ่านมา

* ดีเอสไอลุยไม่พบสินบน

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่กลุ่มคนเสื้อแดงไปจัดการชุมนุมที่ภาคใต้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการยั่วยุหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เขาพยายามเคลื่อนไหวอย่างนี้ตลอด ในวันที่ 23 ก.พ. จะไปชุมนุมที่ จ.ลพบุรี เขามีปฏิทินการเคลื่อนไหวของเขาอยู่แล้ว ส่วนการที่นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนร่วมสร้างรัฐไทยใหม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศนี้คงไม่เอาด้วย

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กล่าวว่า เป็นข้อมูลที่พรรคการเมืองใหม่เพิ่งจะเปิดเผย ซึ่ง ดีเอสไอจะนำเรื่องนี้ไปตรวจสอบ โดยประสาน การทำงานร่วมกันกับ ปปง. เบื้องต้นยังไม่พบอะไรผิดปกติ ส่วนความคืบหน้าในการตรวจสอบเส้นทางการเงินมายังแกนนำคนเสื้อแดงได้ตั้งคณะพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งเบื้องต้นยังไม่พบข้อมูลที่มีนัยสำคัญ

* กกต.ไม่เชื่อเป็นการให้ร้าย

ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ยังจะไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง เพราะทุกฝ่ายกำลังรอฟังคำพิพากษาของศาล หากจะเกิดการชุมนุมก็น่าจะเป็นช่วงหลังผลคำพิพากษาออกมาแล้ว ทั้งนี้กระบวนการต่อสู้นั้นเป็นเรื่องธรรมดา และเชื่อว่าคงไม่มีการปฏิวัติ เมื่อถามว่า เชื่อข่าวเรื่องการซื้อผู้พิพากษาแบบยกคณะในวงเงิน 5,000 ล้านบาทหรือไม่ นายประพันธ์ กล่าว ว่า เป็นไปไม่ได้เชื่อว่าเป็นข่าวปล่อยที่ทำให้เสื่อมเสีย เหมือนกรณีข่าวการซื้อตัว ส.ส. 20 ล้านบาท ในขณะนั้นมีนักการเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นคนออกมาพูด แต่เมื่อ กกต. ตรวจสอบและเชิญมาให้ข้อมูลผู้พูดก็บอก ว่าเป็นแต่เพียงข้อกล่าวอ้าง แต่ไม่มีอะไรที่ชัดเจนยืนยันข้อเท็จจริง

นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง ในฐานะอดีตผู้พิพากษา ศาลฎีกา กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่ามีการให้สินบนคณะตุลาการว่า สำหรับข่าวในแง่ลบที่ออกมานั้น เชื่อว่าน่าจะมีกลุ่มคนที่ไม่หวังดีกับประเทศชาติเป็นผู้ปล่อยข่าวออกมา การตัดสินในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ถือเป็นเรื่องใหญ่และมีหลายฝ่ายต่างจับจ้องมา ก็คงไม่มีใครที่กล้าพอที่จะให้สินบนตามที่เป็นข่าว ทำให้การให้สินบนในคดีนี้คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้ามีการให้สินบนตามนั้นจริงก็คงจะมีการเก็บหลักฐานการจ่ายหรือโอนเงินจำนวนนี้ไว้ ซึ่งถ้าผลของการพิจารณาคดีที่ออกมาไม่เป็นไปตามที่ฝ่ายให้สินบนคาดหวังไว้ เมื่อถึงเวลานั้นก็คงจะมีการนำออกมาเปิดเผย

* ยันไม่มีติดสินบนศาล

นายนพดล ปัทมะ กล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองใหม่ระบุว่ามีความพยายามที่จะติดสินบนศาลว่า ไม่มี เรื่องดังกล่าวเป็นข่าวลือ การที่พรรคการเมืองใหม่เปิดประเด็น ขึ้นมานั้น ส่วนตัวมองว่าต้องการที่จะสร้างความสับสนเพื่อดิสเครดิตกระบวนการยุติ ธรรม ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีใครให้สินบนใครตามที่โฆษกศาลยุติธรรมออกมาปฏิเสธ อย่างไรก็ตามการปล่อยข่าวในลักษณะนี้ถือว่าไม่เป็นผลดี เป็นการตีปลาหน้าไซ ใช้ความเท็จเพื่อใส่ร้ายคนอื่น ถือเป็นการเล่นการเมืองแบบเก่า

* แนะรัฐแจงทรัพย์สินแม้ว

ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ได้หารือต่อที่ประชุมว่า กรณีการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 26 ก.พ. ขอให้รัฐบาลพิจารณาการประชาสัมพันธข้าใจกับประชาชนก่อนมีคำพิพากษาคดีดังกล่าว ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการดีแล้วแต่ควรประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมในบางประเด็นด้วย ควรชี้แจงด้วยว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีทรัพย์สินอยู่จริงเพียงใด ทั้งนี้การแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกับป.ป.ช.สามารถยืนยันได้ว่าอดีตนายกฯไม่ได้มีทรัพย์สินเดิมอยู่ 60,000 ล้านบาท โดยการยื่นบัญชีเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 48 แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้ที่ 506 ล้านบาท ภริยา 3,262 ล้านบาท หลังพ้นจากตำแหน่ง พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งบัญชี 614 ล้านบาท ภริยา มีทรัพย์สิน 8,484 ล้านบาท รวม 9,098 ล้านบาท นอกจากนี้มีกรณี ส.ส. ฝ่ายค้านรายหนึ่ง ข่มขู่สื่อรัฐบาลควรดำเนินการเรื่องนี้ด้วย

* เร่งทำความเข้าใจต่างชาติ

นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีรัฐบาลหลายประเทศได้ประกาศแจ้งเตือนพลเมืองของ แต่ละประเทศให้ระมัดระวังการเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงนี้ว่า ประกาศดังกล่าวกระทบต่อประเทศไทยโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ทั้งนี้ได้มีการสอบถามสื่อต่างประเทศพบว่ามีการส่งข้อมูลที่คลาดเคลื่อน คือ 1.เรื่องความเสี่ยงต่อการเกิดสงครามกลางเมืองหรือสงครามประชาชน และ 2.การปล่อยข่าวลือผ่านสื่อต่างประเทศว่าจะมีการรัฐประหาร ขอให้รัฐบาลเร่งทำ ความเข้าใจต่อรัฐบาลต่างประเทศด้วย นอกจากนี้หากการที่แนวร่วมฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุถึงการจัดตั้งกองทัพประชาชนเพื่อที่ จะเคลื่อนไหวใต้ดิน ขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการติดตามพฤติกรรมเหล่านี้ หากพบก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย และขอสนับสนุนการเตรียมรับการประเมินสถานการณ์ที่คาดว่าจะเผชิญกับ 4 สถานการณ์ก่อนและหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์

* ทักษิณทวีตอัดรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทวีตข้อความในเว็บบล็อกส่วนตัวทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ว่า ในสถานีวิทยุและโทรทัศน์ของรัฐทุกวันนี้ ถูกใช้เป็นครั้งแรกเพื่อทำลายล้างทางการเมืองเปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือของพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งกว่า ยุคคอมมิวนิสต์ ถ้าอยากจะใช้ขอแนะนำให้เอาบุญ ให้ใช้ในเชิงบวก คนจะอยากฟัง/ ชมมากกว่าทุกวันนี้ เรตติ้งรายการการเมือง และข่าวของทีวีหลักตกมากคนปิดหนีหมด มีแต่เหลืองฟัง คุณสุทธิชัย หยุ่น ที่เป็นญาติคุณอภิสิทธิ์ ไม่รู้เอาลิง 3 ตัวที่ปิดหูปิดตา ปิดปากที่ใช้ตอนสมัยนายกฯชาติชาย ไปไว้ไหนเอ่ย ขอยืมใช้หน่อยได้ไหมครับ และยังระบุทิ้งท้ายด้วยว่า โธ่เอ๊ย! โง่ไปได้มันเป็นลิงทองเหลืองเลยไม่ชอบสีแดง จำไว้นะสามเกลออย่างง ถ้าสีอื่นเป็นรัฐบาลแล้วแย่แค่ 25% ของรัฐบาลนี้ลิงทองเหลืองจะออกมาเจี๊ยก

* ยันไม่ผิดไม่ดิ้นรน

พ.ต.ท.ทักษิณ ยังทวีตข้อความสนทนากับสมาชิกในเรื่องของคดียึดทรัพย์ โดยระบุว่า ผมถือว่าผมไม่ผิด ผมไม่ดิ้นรนหรอกครับ ถ้าศาลไทยไม่ให้ความเป็นธรรม ผมก็ต้องสู้ต่อในเวทีโลกอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ประชุมเตรียมการแทบทุกวัน และ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามครรลองมีเลือกตั้ง หลังยุบสภาไม่บอยคอตเลือกตั้ง ไม่ปฏิวัติ ไม่ตั้งปฏิปักษ์สอบสวนไม่ใช้ศาลจัดการเมือง ก็ไม่วุ่น อีกทั้งยังระบุว่า ผมเป็นนายกฯที่กระจายอำนาจหมด เซ็นงานเฉพาะเรื่องสำนักพระราชวัง นอกนั้นมอบรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีหมด กลายเป็นว่ามีผมผิดคนเดียว สนุกดีครับ

* ขอเดินห้าง-ลั่นสู้ทุกทาง

ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงการพิจารณา คดียึดทรัพย์ว่า ไม่รู้สึกเครียดต่อการตัดสินคดีที่จะเกิดขึ้นและตนขออยู่ที่ดูไบอาจเดินเล่นเลือกซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าเหมือนทุก ๆ วัน แต่หากผลตัดสินคดีไม่ได้รับความ ยุติธรรม ก็ขอต่อสู้เต็มที่ในทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้ความยุติธรรมกลับคืนมา และก็หวังว่าจะได้กลับประเทศไทยภายในปีนี้ เมื่อสอบถามว่าหากศาลตัดสินยึดทรัพย์แค่บางส่วนจะพอใจหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ถือว่าไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะเป็นสิ่งที่ตนเรียกร้องมาตลอด ส่วนกระแสข่าวเรื่องการส่งท่อน้ำเลี้ยงให้กับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ขอยืนยันว่าการคิดเช่นนั้น เป็นความคิดที่ไม่สร้างสรรค์ในกลุ่มห้องสีม่วง

* ไทยหารือยูเออีส่งคนร้าย

ที่กระทรวงการต่างประเทศ เวลา 10.30 น. นายโมฮัมเหม็ด อาลี อาเหม็ด ออมรัน อัล แชมซี่ เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำประเทศไทย ได้เข้าพบนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ช่วย รมว.การต่างประเทศ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที โดยนายพนิช กล่าวว่า ได้เชิญเอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อหารือถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลอาญาของไทยมีคำสั่งให้ส่งตัวนายไมเคิล ไบรอัน สมิธ ผู้ต้องหาสัญชาติอังกฤษเป็นผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อไปดำเนินคดีในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร และฉ้อโกง ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งคำสั่งนี้เป็นไปตามคำร้อง ขอความร่วมมือของยูเออี และไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ ทางการยูเออีเคยร้องขอมาแล้วถึง 6 ครั้ง ซึ่งไทยได้ส่งตัวผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงกลับไปยัง ยูเออีมาแล้ว 1 ครั้งเมื่อปี 49 ถือเป็นความร่วมมือต่างตอบแทนของทั้ง 2 ประเทศแม้จะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน

* ขอยูเออีช่วยจับตาแม้ว

นายพนิช กล่าวต่อว่า สำหรับการเจรจาจัดทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับยูเออีนั้น มีความคืบหน้า ตามลำดับ โดยมีการเจรจาครั้งแรกเมื่อวันที่ 9-13 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสองฝ่ายได้มีการรับรองร่างสนธิสัญญาฯแล้ว และต้องมีการเจรจาอีกครั้ง ทางยูเออีได้ตอบรับว่าเจ้าหน้าที่ของยูเออีจะสามารถเดินทางมาเจรจากับไทยภายในเดือน พ.ค.-มิ.ย.นี้ นอกจากนี้ตนยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ของไทยในขณะนี้แก่เอกอัครราชทูตยูเออีด้วยและขอให้เอกอัครราชทูตยูเออีแจ้งต่อรัฐบาลยูเออี เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบและติดตามความเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วง 2-3 สัปดาห์นี้ อย่างใกล้ชิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ขณะนี้พำนักอยู่ในนครดูไบ ได้ออกมาเคลื่อนไหวอย่างหนึ่งอย่างใดหรือยุยง ปลุกปั่นกระแส รวมถึงโจมตีรัฐบาลและบุคคลสำคัญหรือไม่

* แปลหมายจับเป็นอารบิค

นายพนิช เผยอีกว่า อย่างไรก็ตาม การดำเนินการต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของทาง การยูเออีเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลของยูเออีได้ขอให้สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) แปลหมายจับกุมชั่วคราว พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งสำนวนคดีและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เป็นภาษาอารบิคที่เป็นภาษาราชการของยูเออี เพื่อให้ศาลของยูเออีใช้ในการพิจารณาตามที่ทางการไทยร้องขอให้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นความคืบหน้าและเป็นการส่งสัญญาณในทางบวกต่อความร่วมมือระหว่างไทยกับยูเออีเพิ่มขึ้น

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการแลกตัวนายสมิธกับพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายพนิช กล่าวว่า คดีของนายสมิธมี ฐานความผิดตั้งต้นที่เป็นการฉ้อโกง ไม่เหมือนกับคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ ซึ่งเราใช้ข้อตกลงต่างตอบแทน โดยถ้ายูเออีจะมีการขอตัวผู้ต้องหาที่ทำความผิดเช่นเดียวกับ พ.ต.ท. ทักษิณ เราก็ยินดี เมื่อว่าภายหลังจากที่ศาลฎีกาฯ ตัดสินคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว จำเป็นต้องส่งคำพิพากษาไปให้ทางการยูเออีด้วยหรือไม่ นายพนิช กล่าวว่า คงไม่จำเป็น แต่เราเพียงขอให้เขาช่วยจับตาความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ ภายหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ฯแล้ว กระทรวงฯคงจะมีการเชิญคณะทูตานุทูตต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศมารับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลฯอีกครั้ง

* บัวแก้วรอแจงนานาชาติ

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำความเข้าใจกับนานาประเทศและประชาชนไทยว่ารัฐบาลให้สิทธิกับประชาชนตามกรอบของกฎหมาย และที่สำคัญรัฐบาลได้ใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันเป็นมาตรฐานเดียวไม่มี 2 มาตรฐาน ส่วนการประสานกำลังเพื่อดูแลกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเป็นจุดเสี่ยงตามที่มีการประเมินจากฝ่ายความมั่นคงนั้น ทางกระทรวงฯไม่ได้มีการประสานอะไรเป็นพิเศษในเรื่องการรักษาความปลอดภัย

ถ้ามีใครร้องขอคำพิพากษาหลังการตัดสินคดีนี้ ทางกระทรวงฯยินดีสรุปเป็นภาษาต่างประเทศเพื่อชี้แจงกับนานาประเทศ ส่วนที่หลายประเทศได้แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวของตัวเองให้ระมัดระวังในการเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยในเวลาดังกล่าว นาย กษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ ได้สั่งการให้เอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศทำความเข้าใจถึงสถานกรณ์ เพราะเกรงว่าจะมีการบิดเบือนข่าว นายชวนนท์ กล่าว

* ศาลฎีกาเปิดให้สื่อดูงาน

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง กรม ประชาสัมพันธ์ได้จัดสื่อมวลชนเข้ามาดูงานและขั้นตอนการทำงานของศาลฎีกาฯ โดยนายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กุล เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง บรรยายสรุปเกี่ยวกับบทบาท ภารกิจ และอำนาจหน้าที่ของศาล พร้อมกล่าวว่า การพิจารณาของศาลไม่ได้พิจารณาตามข้อกล่าวหาของโจทก์ เนื่องจากศาลไม่ใช่คู่กรณีผู้ที่ถูกกล่าวหา ดังนั้นการปฏิบัติหน้าที่ของศาลไม่ได้ใช้อคติในการตัดสิน แต่พิจารณาไปตามข้อเท็จจริงเท่านั้น โดยมารยาทของการวิจารณ์คำพิพากษาของศาลฎีกานั้น จะไม่วิจารณ์ข้อเท็จจริงโดยเด็ดขาด เพราะไม่เห็นสำนวนและไม่ใช่องค์คณะพิพากษา

* ยันศาลไม่ใช่คู่กรณีจำเลย

นายอนุรักษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนสถิติคดีที่มีการยื่นคำร้องต่อศาลเป็นคดีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินที่เป็นเท็จ ทั้งหมด 7 ราย เหลือรอการพิจารณาพิพากษา 4 ราย พร้อมทั้งขอให้สื่อมวลชนและประชาชนเชื่อมั่นในองค์กรของศาล และขอให้ศาลได้ทำหน้าที่ก่อน อยากเตือนสติประชาชนว่าศาลไม่ใช่คู่กรณี การทำหน้าที่ของศาลไม่ได้ขึ้นอยู่ในวิสัยที่เป็นอคติที่ให้ผลคดีเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง

เมื่อถามถึงมาตรการรักษาความปลอดภัย นายอนุรักษ์ กล่าวว่า ศาลจะ ต้องดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ แต่ไม่อาจบอกได้ว่าจะขอกำลังจากหน่วยงานใดมาบ้าง แต่ยืนยันว่าจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตามช่องทางที่มีอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้น ศาลจะใช้กฎหมาย ระเบียบ ข้อกำหนด เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ในการดำเนินการ หลังจากนั้นนายอนุรักษ์ได้นำคณะสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเดินทางเข้าดูห้องพิพากษาคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

นายฐานันท์ วรรณโกวิท ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา กล่าวว่า ศาลเกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ ปี 40 และมีรัฐธรรมนูญ ปี 50 รองรับการทำหน้าที่ มีเจตนาเพราะบ้านเมืองมีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น การพิจารณาเป็นแบบไต่สวน กำหนดองค์คณะผู้พิพากษา 9 คน ย้ำว่าพิจารณาคดีโดยอิสระ ตามหลักกฎหมาย รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และให้ความยุติธรรมกับนักการเมือง

* แจงขั้นตอนเข้าฟังคำตัดสิน

ทั้งนี้ศาลยังแจ้งการปฏิบัติตนใน การเข้าฟังการพิจารณาคดีในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ว่า 1.ให้แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ห้ามสวมรองเท้าแตะ เสื้อยืดคอกลม กางเกงขาสั้น 2.ห้ามนำอาวุธหรือสิ่งของที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ เข้ามาในบริเวณศาล 3.เมื่ออยู่ในห้องพิจารณาคดี ห้ามนั่งไขว่ห้าง ห้ามส่งเสียงดัง ให้ปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด 4.เปิดให้แลกบัตรขึ้นชั้น 4 เวลา 12.00 น. ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรประจำตัวข้าราชการหรือบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐมาแลกบัตรเข้าฟัง 5.การส่งเสียงรบกวนการพิจารณาของศาล เป็นความ ผิดฐานละเมิดอำนาจศาล

* ตรึงกำลังเข้มงวดในศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ ศาลจะทำการปิดตึกตั้งแต่เวลา 20.00 น. ห้ามผู้ใดเข้า-ออกภายในตึกในบริเวณศาล สำหรับสื่อมวลชนจะสามารถแลกบัตรได้ในเวลา 11.30 น. เป็นต้นไป ส่วนบรรยากาศรอบอาคารศาลฎีกา ปรากฏว่า ขณะนี้มีการนำแผงเหล็กกั้นมาติดตั้ง โดยรอบ ห่างจากรั้วและประตูทางเข้า-ออก ประมาณ 2 เมตร และบริเวณทางเท้านอกรั้วศาลฎีกามีการตั้งเต็นท์สำหรับตำรวจนครบาล สารวัตรทหาร และเจ้าหน้าที่เทศกิจ 3 แห่ง ตรงประตู-ออก 3 จุด แต่ละเต้นท์มีกำลังมากกว่า 30 นาย เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ภายในบริเวณศาลฎีกายังมี รปภ.สวมเสื้อเกราะเดินตรวจเป็นระยะ ๆ ด้วย

* กางปฏิทินแดงชุมนุม

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวว่า บช.ส. ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของ นปช. ช่วงวันที่ 23-28 ก.พ.นี้ โดยวันที่ 23 ก.พ. เวลา 13.00-17.00 น. กลุ่มอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน จัดเสวนาหัวข้อ ยึดเขย่าเมืองล่าขุมทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน 26 ก.พ.เส้นแบ่งแห่งความยุติธรรม โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายพงศ์เทพ เทพ กาญจนา และสมาชิกพรรคมาร่วมงาน ที่ห้องราชาโรงแรมรัตนโกสินทร์ เวลา 16.00 น. กลุ่มนปช. ยโสธร และกลุ่มเสื้อแดงยโสธร 99 ชุมนุมที่ตลาดสดแม่ลำไย จ.ยโสธร เวลา 18.00 น. กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ชุมนุม ที่ร้านอาหารครัวรื่นรมย์พลังแดด จ.เชียงใหม่

วันที่ 24 ก.พ. กลุ่มแกนนำ นปช. เชียงราย จะเดินทางเข้า กทม. โดยรถยนต์ส่วนตัวเพื่อร่วมให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ กรณีศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ แกนนำคนเสื้อแดงทุกกลุ่มของภาคอีสานประมาณ 104 กลุ่ม มาชุมนุมปรึกษาหารือถึงแนวทางการเคลื่อนไหวในการลงมาชุมนุม ใหญ่ที่ กทม.และมาร่วมชุมนุม ที่สนามทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี วันที่ 24-26 ก.พ. กลุ่ม นปช.อุดรธานี กลุ่มชมรมคนรักอุดร จัดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่สนามทุ่งศรีเมือง เทศบาลเมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี

* ลุ้นศาล-นัด28ก.พ.ชุมนุมใหญ่

วันที่ 25 ก.พ. เวลา 17.00-24.00 น. นปช.พัทยา นปช.สระแก้ว จะเดินทางไปร่วมงาน รวมพลคนเสื้อแดง พัทยา และภาคตะวันออก ที่ลานประชาธิปไตย ปากซอย เขาตะโล ถนนสุขุมวิท เยื้องสามแยกเทพประสิทธิ์ พัทยาใต้ วันที่ 25-27 ก.พ. เวลา 17.00 น. กลุ่มแดงสยาม จะเปิดเวทีปราศรัยที่สนามหลวง ตรงข้ามศาลฎีกา วันที่ 26 ก.พ. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ คนเสื้อแดงรวมตัวกันที่บริเวณศาลฎีกา เพื่อรอฟังคำพิพากษา 2-3 พันคน และหลังรับทราบคำตัดสิน พ.ต.ท.ทักษิณ จะออกแถลงการณ์เพื่อแสดงท่าที และเตรียมจะให้ สัมภาษณ์สื่อทั้งในและต่างประเทศที่ร้องขอ มา และวันที่ 28 ก.พ. กลุ่ม นปช.แดงทั้งแผ่นดิน นัดชุมนุมใหญ่ที่ถนนราชดำเนิน โดยเวทีอยู่ระหว่างพิจารณาจะจัดตั้งที่แยกมัฆวานฯ หรือแยกสวนมิสกวัน

* วิทยุชุมชนบุกทำเนียบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 12.15 น. นายพันธุ์ศักดิ์ ซาบุ หัวหน้าวิทยุชุมชนคนรักไทย และนายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานเครือข่ายกฎหมายภิวัตน์แห่งประเทศไทย นำกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 100 คน ในนามชมรมวิทยุชุมชนคนเสื้อแดง มาชุมนุมพร้อมเปิดเวทีปราศรัยโจมตีรัฐบาล และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวหาว่าทำผิดรัฐธรรมนูญ แทรกแซงสื่อ ข่มขู่และสั่งปิดวิทยุชุมชน 3 แห่ง ได้แก่ 95.25, 101.25 และ 96.35 เมกะเฮิรตซ์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้นายสาทิตย์ ลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบทันที ทั้งนี้กลุ่มคนเสื้อแดงได้ปักหลักชุมนุมตลอดแนวถนนพิษณุโลก ตั้งแต่สะพานชมัยมรุเชฐจน ถึงประตู 4 ตรงข้ามสำนักงาน ป.ป.ช. ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงปราศรัยโจมตีรัฐบาลอยู่นั้น นายอภิสิทธิ์ ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายสาทิตย์ ได้เดินขึ้นไปพบ ก่อนที่จะเดินทางออกจากทำเนียบฯ ในเวลา 13.15 น. เพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง โดยขบวนรถของนายกรัฐมนตรี ได้เลี่ยงไปใช้เส้นทางออกทางประตูสะพานมัฆวานฯแทน เพื่อหลบเลี่ยงคนเสื้อแดง

* ทุกฝ่ายพร้อมรับมือม็อบ

ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวหลังเปิดโรงเรียน นปช. ที่เขาพลายดำ ต.ทุ่งใสอ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ว่า ไม่รู้สึกวิตกกังวลหากรัฐบาลจะประกาศใช้มาตรการทางกฎหมายในช่วงของการชุมนุมประท้วงของกลุ่มเสื้อแดง ในช่วงการพิจารณาคดียึดทรัพย์ โดยแกนนำจะร่วมกันหารือเพื่อกำหนดท่าทีในการชุมนุมและกำหนดเวลาการชุมนุมประท้วงที่ชัดเจน ในวันที่ 24 ก.พ.นี้อีกครั้ง

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงกรณีคนเสื้อแดงเปิดโรงเรียน นปช. ที่เขาพลายดำ ว่าเป็นเพียงความเคลื่อนไหวในเชิงสัญลักษณ์ที่นายณัฐวุฒิ หวังผลทางจิตวิทยาว่าได้เข้ามาเคลื่อนไหวในภาคใต้แล้ว

ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 4 (ศปภ.ภ.4) พล.ต.ท.สุวัฒน์ ธำรงศรีสกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมเพื่อติดตาม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook