พ.ต.อ.ภาคภูมิ เปิดใจอีกครั้ง หลัง มินนี่ เปิดหน้าสู้ ลั่นความจริงก็คือความจริง

พ.ต.อ.ภาคภูมิ เปิดใจอีกครั้ง หลัง มินนี่ เปิดหน้าสู้ ลั่นความจริงก็คือความจริง

พ.ต.อ.ภาคภูมิ เปิดใจอีกครั้ง หลัง มินนี่ เปิดหน้าสู้ ลั่นความจริงก็คือความจริง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รองหนึ่ง เปิดใจอีกครั้ง หลัง "มินนี่" เปิดหน้าสู้ แจงสัมพันธ์ ลั่นความจริงก็คือความจริง รับติดใจเรื่องภาพหลุด

วันนี้ (29 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สมาคมพนักงานสอบสวน สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต สื่อมวลชนจำนวนมากมาปักหลักเฝ้ารอสัมภาษณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แต่ยังไร้วี่แววไม่สามารถติดต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ และจากการสอบถามทีมงานก็แจ้งเพียงว่ามาสแตนบายตามปกติ ยังไม่มีภารกิจใดๆ

ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย รองผู้บังคับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 ทางโทรศัพท์ ระบุว่า ภายหลังจากที่ มินนี่ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อวานนี้

ตนยืนยันข้อเท็จจริงก็เป็นตามนั้น ความสัมพันธ์ก็เป็นไปตามคำพูดของน้องเขา ส่วนจะมีผลต่อรูปคดีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ที่กำลังต่อสู้ให้หรือไม่นั้น ตนเองมองว่า คงไม่เป็นไรเพราะน้องเขาคงพูดความจริงทั้งหมด เพราะความจริงก็คือความจริง

ส่วนกรณีน้องมินนี่อ้างตอนถูกจับแล้วถูกตำรวจ PCT 4 บังคับให้เขียนยอมรับว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิ เกี่ยวข้องด้วยนั้น พอวันที่น้องมินนี่ถูกจับ ตนก็ยังไม่ได้คุยกับน้องมินนี่อีกเลย และพอตนได้ฟังจากที่มินนี่ให้สัมภาษณ์ว่ามีตำรวจบังคับให้เขียนข้อความรับสารภาพนั้น

ก็มองว่าความเสียหายจะเกิดขึ้น 2 ส่วน ส่วนแรกน้องเขาต้องเสียหายที่จะต้องถูกบังคับ ถูกอะไรก็ตามตามที่เขากล่าว และอีกส่วนคือ ภาพที่หลุดออกมาเขาก็เสียหายอีกครั้ง เพราะข้อเท็จจริงแล้ว การเก็บพยานหลักฐานทำโดยตำรวจ แล้วหลุดไปอยู่ในมือบุคคลภายนอกโดยเจตนาของเขาคืออะไร ทำไมไม่เอาไปใช้เป็นพยานในคดีเท่านั้น

และการออกมาเปิดเผย มันจะคิดเป็นเจตนาอื่นยังไง และอีกคนที่เสียหายคือตนและครอบครัว ซึ่งในทางคดีก็ว่าไป แต่การเอารูปออกมาก็ลองคิดดูว่าเจตนาของเขาคืออะไร คงไม่ได้สนใจเรื่องคดี แต่ตนเองมองว่าคงต้องการให้เกิดความเสียหาย

เมื่อถามว่ามีการวางแผนหรือทำให้เสียหายหรือดิสเครดิตมานานแล้วหรือไม่ เพราะเกิดขึ้นตั้งแต่ที่มินนี่ถูกจับกุมในช่วงเดือน ก.ค.

พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุว่า คงไม่ไปกล่าวหาอย่างนั้น หากมีพยานหลักฐานก็ว่าไปตามกระบวนการ ตนเองเป็นตำรวจก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีพยานหลักฐานก็ว่ามา แต่วิธีการคือสิ่งที่ตนเองติดใจ ไม่ว่าจะเป็นการออกหมายจับ และการออกหมายค้นต่างๆตั้งแต่เริ่มต้น และพอตนเองยิ่งมาฟังที่มินนี่ให้สัมภาษณ์อีกก็มองว่า มินนี่คงต้องไปให้การเป็นพยานเพิ่มเติมในเรื่องนี้อีก

ส่วนจะต้องนัดพูดคุยกับมินนี่ เพื่อหารือทิศทางการต่อสู้คดีหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ ระบุว่า ในการต่อสู้คดีของตนเองกับมินนี่คงแยกกัน เพราะคดีของเขาว่าไปแล้ว คดีของตนเพิ่งเริ่ม ซึ่งก็ต้องดูในอนาคตและตนเองก็คงต้องให้ทนายดำเนินการต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook