ไฟเขียวต่อมาตรการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายว่าในปี 53 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทย 15.3-15.6 ล้านคน หลังจากที่ในปี 52 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทยเพียง 14.09 ล้านคน ลดลง 3.38% มีรายได้ 527,326.75 ล้านบาท ลดลง 8.21% อย่างไรก็ตามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามถึงการออกประกาศคำแนะนำนักท่องเที่ยวของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับการเดินทางมาเที่ยวไทยว่า เป็นเพียงคำแนะนำนักท่องเที่ยวให้หลีกเลี่ยงเฉพาะพื้นที่ที่มีปัญหาโดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น ที่สำคัญเป็นการออกคำแนะนำมานานแล้วไม่ได้เป็นการเตือนแต่อย่างใด ขณะที่นายกฯได้กำชับให้กระทรวงมหาดไทยเข้าไปดูแลธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์อย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายออกมาดูแลธุรกิจประเภทนี้โดยตรง ทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายโรงแรมได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
สำหรับมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวที่ต่ออายุออกไปได้แก่ การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ให้ต่ออายุไปจนถึงวันที่ 4 มี.ค. 53 เพราะเห็นว่ามาตรการนี้มีผลให้นักท่องเที่ยวกลุ่มหลักทั้งตะวันออกกลาง เอเชีย ออสเตรเลีย แปซิฟิกใต้ และอเมริกา เพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะตะวันออกกลางขยายตัวสูงถึง 115% เอเชีย 68% ออสเตรเลีย 56% เป็นต้น ส่วนมาตรการให้ส่วนราชการปรับแผนการฝึกอบรม จัดประชุมสัมมนาและดูงานในประเทศแทนการไปดูงานต่างประเทศนั้นพบว่ามีส่วนราชการปรับงบประมาณมาดูงานในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 173.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13% ของงบประมาณดูงานต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังมีมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจโรงแรมทุกประเภทปีละ 80 บาทต่อห้องพัก, การลดหย่อนค่าประกันการใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมโดยให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ลดค่าประกันการใช้ไฟฟ้าเหลือ 1.25 เท่าของเดือนสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีประวัติการชำระที่ดี, การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยานและที่เก็บอากาศยานหรือแลนดิ้งแอนด์พาร์กกิ้ง ฟรี รวมทั้งให้ผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายการจัดประชุม สัมมนา อมรมและการจัดการท่องเที่ยวเป็นรางวัลในประเทศแก่พนักงานมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่าของที่จ่ายจริง และที่สำคัญยังให้การประกันภัยคุ้มครองชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเมืองไทยกรณีเกิดจลาจล คนละไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ภายในวงเงิน 518 ล้านบาท ด้วย.