เสธ.แดงได้ประกันเคทองวืดเข้าคุก

เสธ.แดงได้ประกันเคทองวืดเข้าคุก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
น้า-หลานปาบึ้มส่งตัวขังเรือนจำ

ศาลอนุมัติ ให้ประกันตัว เสธ.แดง และลูกน้องรวม 7 คน ยกเว้น เคทอง เพียงคนเดียว ถูกหิ้วส่งเข้านอนเรือนจำต่อ ระบุเป็นคดีเกี่ยวพันความมั่นคง-ก่อการร้าย เจ้าตัวถึงกับหลั่งน้ำตา แต่ยังฝืนใจฉีกยิ้มชูสองนิ้วสู้ เผยศาลกำชับห้ามเสธ.คนดัง ออกมาให้ข่าวข่มขู่คุกคามอีก ขณะที่ตำรวจเตรียมเช็คบิลต่ออีก หลังตรวจพบรถตู้เป็นทะเบียนปลอม ด้าน 2 น้าหลานคดีปาบึ้มแบงก์บัวหลวง ศาลคัดค้านประกันถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ เทพเทือก โวยคดีบึ้มไม่ได้จับแพะ ตร.จับกุมตามพยานหลักฐาน ส่วนจับกุม เสธ.แดง เชื่อช่วยลดความรุนแรงลงได้ระดับหนึ่ง

ภายหลังจากตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดงผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พร้อมนายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือเคทอง คนสนิท และลูกน้องอีก 6 คน ตั้งแต่เย็นวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 07.40 น. วันที่ 8 มี.ค. ที่ บก.ป. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดี นฤนาถ รักษาราชการแทน ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศานิตย์ มหถาวร รอง ผบก.ป. สั่งระดมกำลังตำรวจหน่วยคอมมานโด กองปราบฯ อาวุธครบมือควบคุมตัว พล.ต.ขัตติยะ นายพรวัฒน์ และลูกน้องรวม 8 คน ไปผัดฟ้องฝากขังครั้งแรก ที่ศาลอาญา เป็นเวลา 12 วัน โดย พ.ต.ท.สุพจน์ คำวงศ์ษา พนักงานสอบสวน ยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด

สำหรับพล.ต.ขัตติยะ และลูกน้องอีก 6 คน คือ ว่าที่ ร.ต.สุรภัศ จันทิมา นายมงคล สารพัน นายจักรชลัส คงสุวรรณ นายเริงฤทธิ์ ตุ้มทองคำ นายจรัญ ลอยพูล และนายสุวิทย์ คีรีรักษ์ ถูกดำเนินคดี 3 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดหรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้นโดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม 2.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 3.พกพาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

ส่วนนายพรวัฒน์ หรือเคทอง ถูกดำเนินคดีข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการคุมตัวพล.ต.ขัตติยะ และลูกน้อง โดยใช้กำลังตำรวจคอมมานโด กองปราบฯ แต่งกายเต็มอัตราศึกมีหมวกไหมพรมคลุมหน้า อาวุธครบมือนานาชนิด พาไปส่งที่ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ โดยมีสื่อมวลชนเกาะติดไปทำข่าวจำนวนมากจึงสร้างความแตกตื่นฮือฮา ให้กับประชาชนที่พบเห็นอย่างมากรวมทั้งบรรดาคนเสื้อแดงที่เดินทางมาให้กำลังใจ ทั้งนี้พล.ต.ขัตติยะ ยังคงอยู่ในชุดลายพรางเหมือนเดิม สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นปกติ ส่วนนายพรวัฒน์ กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า เมื่อคืน (7 มี.ค.) นอนไม่ค่อยหลับแต่ก็ไม่เป็นไร มีแต่ลูกนง 2 คนที่เล่าให้ฟังว่าถูกผีหลอกจะมาลากคอไป

อย่างไรก็ดีในชั้นจับกุมและสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ต่อมานายณฤเมธ ภูพวงจันทร์ นายประกัน ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน จ.นครนายก และ จ.นครปฐม ประมาณ 3 ไร่เศษ ราคาประเมิน 1,875,900 บาท ขอประกันตัวพล.ต.ขัตติยะ และผู้ต้องหาทั้งหมดในคดีนี้ทั้งหมดด้วย

ต่อมาเวลา 17.00 น. ศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์ประกันตัวแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เฉพาะพล.ต. ขัตติยะ หรือ เสธ.แดง, ว่าที่ ร.ต.สุรภัศ, นายมงคล, นายจักรชลัส, นายเริงฤทธิ์, นายจรัญ, นายสุวิทย์ ผู้ต้องหาที่ 1-7 ข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และร่วมกันให้การช่วยเหลือซ่อนเร้นนายพรวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 8 ซึ่งถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับอยู่ระหว่างหลบหนี โดยศาลตีราคาประกันคนละ 2 แสนบาท พร้อมทั้งสั่งกำชับ พล.ต.ขัตติยะ ผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ให้ข่าวที่มีลักษณะของการข่มขู่ผ่านสื่อมวลชนว่าจะมีการประทุษร้ายต่อบุคคลสำคัญ ทรัพย์สิน และสถานที่ราชการ รวมทั้งผู้ที่จะมาชุมนุมโดยให้ใช้ความรุนแรง

ส่วนนายพรวัฒน์ หรือเคทอง ผู้ต้องหาที่ 8 ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติการณ์กระทำผิด พ.ร.บอาวุธปืนฯนี้ และคดีดำ พ.555/2553 ที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกคดี กระทำผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ด้วย เป็นการกระทำที่มีลักษณะก่อให้เกิดความตระหนกแก่ประชาชน โดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันมีลักษณะเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงและก่อการร้าย เกรงว่าหากปล่อยตัวชั่วคราวเชื่อว่าจะกระทำผิดลักษณะเดียวกันอีก จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

ภายหลังศาลมีคำสั่ง นายพรวัฒน์ จึงถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทั้งนี้นายพรวัฒน์ ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ แต่เมื่อพล.ต.ขัตติยะ เข้าไปนั่งปลอบใจสักพักก็ยิ้มได้พร้อมชูสองนิ้วสู้ ก่อนถูกคุมตัวขึ้นรถ ด้านนายอุทัย เสน่หา ทนายความนายพรวัฒน์ กล่าวว่า ขอกลับไปพิจารณาข้อกฎหมายก่อน โดยเตรียมจะยื่นอุทธรณ์คำร้องขอประกันตัวนายพรวัฒน์ อีกครั้ง ช่วงบ่ายวันที่ 9 มี.ค

ขณะเดียวกันช่วงสาย พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ท. ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ สว.กก.1 บก.ป. นำกำลังชุดสืบสวน แยกย้ายไปตรวจค้นห้องพักของว่าที่ ร.ต.สุรภัศ ในซอยลาดพร้าว 140 และที่บ้านพักของนายพรวัฒน์ ที่ย่าน ลาดกระบัง แต่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีนายทหารสังกัดกรมการขนส่งทหารบก 2 นาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท. ไพรินทร์ แจ่มจำรัส พงส.(สบ3) กก.1 บก.ป. เพื่อตรวจสอบรถตู้ โตโยต้า สีขาว ทะเบียนตรากงจักร 2481 พบว่าเป็นทะเบียน ปลอม จึงเตรียมตรวจสอบดำเนินคดีว่าใครเป็นเจ้าของรถตู้

ส่วนคดีซิ่ง จยย.ปาระเบิดธนาารกรุงเทพ สาขาสีลม ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก เมื่อคืนวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากตำรวจจับกุมคนร้ายได้ชุดแรก เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง 63 ช่วงสายวันเดียวกัน พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ควบคุมตัว นายเอกชัย มูลเกษ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น และนายไสว ยางสันเทียะ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาฐานเป็นผู้ใช้จ้างวานหรือยุยงให้บุคคลอื่นร่วมกระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น มาขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน จนถึง 19 มี.ค.นี้

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการจับกุมนายไสว และนาย เอกชัย คดีขว้างระเบิดป่วนธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม มีกลิ่นทะแม่งเป็นการจับแพะหรือไม่ว่า ไม่ ตนเรียนเลยว่าเจ้าหน้าที่ของเราจะไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด กรณีที่มีผู้กระทำความผิดก็เอาตัวจริงมาดำเนินคดี ไม่มีแพะ คนที่ไปขว้างระเบิด มีพยานเห็นเหตุการณ์ มือขว้างระเบิดนั้นคนก็จำหน้าได้ ตำรวจถึงได้ภาพสเกตช์ออกมา และผู้ต้องหาซัดทอดเองว่าคนที่จ้างวานเขาเป็นใครก็ไปตามจับกุมได้อีก เพียงแต่คนที่จ้างวานยังไม่ซัดทอดต่อว่าใครเป็นคนบงการ

เมื่อถามว่า การจับกุมตัว พล.ต.ขัตติยะ หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กับพวกจะเป็นการสร้างเงื่อนไขให้คนเสื้อแดงมาชุมนุมปิดล้อมและสร้างสถานการณ์ขึ้นมา นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องของ เสธ.แดงกับเรื่องของเสื้อแดงไม่แน่ว่าจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตนสังเกตว่าเขามีหลายกลุ่มมีหลายสาขา หลายสาย เมื่อถามว่า ประเมินว่าการ จับกุมตัว เสธ.แดง กับพวกจะทำให้เปอร์เซ็นต์ที่จะทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันในช่วงการชุมนุมน้อยลงแค่ไหนอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าคงลดได้ระดับหนึ่ง.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook