ดีดตัวเล็กน้อย
นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยอื่นทั้งในแง่ของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมายืนเหนือระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรล และการเพิ่มสถานะถือครองทองคำของกองทุนเอสพีดีอาร์ โกลด์ ทรัสต์ (SPDR Gold Trust) ที่เป็นกองทุนประเภทอีทีเอฟ ทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลกอีก 8.5 ตัน มาอยู่ที่ 1,116.12 ตัน ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงถือเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นในสัปดาห์นี้ ประเมินกรอบเคลื่อนไหวที่ 1,110-1,150 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อออนซ์หรือบาทละ 17,150-17,750 บาท
ส่วนสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำโลกเพิ่มขึ้น 17 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อออนซ์ หรือ 1.5% มาอยู่ที่ 1,134 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาขายออกในประเทศที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำเพิ่มขึ้นบาทละ 150 บาท หรือ 0.86% ปิดไปที่บาทละ 17,550 บาท ซึ่งสาเหตุที่ราคาทองคำในประเทศเพิ่มขึ้นในอัตราน้อยกว่าราคาทองคำโลกนั้น เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างมากกว่า 1.2% ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้การแปลงราคาทองคำโลกเป็นราคาทองคำในประเทศตามสูตรการคำนวณของสมาคมค้าทองคำได้ค่าน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น โดยการแข็งค่าขึ้นของเงินบาททุก 0.01 บาท จะทำให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวลดลงประมาณ 5 บาทต่อบาททองคำ.