ทีโอทีเปิดผลสอบเจ๊งแสนล้าน''แม้ว''เอื้อเอไอเอส

ทีโอทีเปิดผลสอบเจ๊งแสนล้าน''แม้ว''เอื้อเอไอเอส

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
มติไม่ถอดสมชายคดีสลายม็อบสภา

สภาสูงมีมติ 76-49 ไม่ถอดถอนสมชาย วงศ์สวัสดิ์ที่สั่งสลายการชุมนุม เจ้าตัวปลื้มความเป็นธรรมยังมีอยู่ ขณะที่ พธม. อกหักเตรียมหาช่องทางอื่นเล่นงานต่อ ด้าน ทีโอที ประเมินความเสียหายนับแสนล้านบาท เหตุ แม้ว เอื้อประโยชน์ให้ เอไอเอส รอแค่สัญญาณ จาก ไอซีทีสั่งจัดการ ด้านแกนนำพันธ มิตรฯ ชี้ แม้ว ไม่ยอมรับคำตัดสิน เป็นการกำหนดยุทธศาสตร์ผิดพลาด เตือนระวังจะเจอชาวบ้านบางระจันยุคใหม่ ด้าน เพื่อไทย ยืดเวลาเชือดรัฐบาลออกไปปลายสมัย ประชุม เหลิม ยันลาก 3 รัฐมนตรีขึ้นเขียง ไม่ต้องการให้ประเด็นแตก

* มติวุฒิไม่ถอดถอน สมชาย

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภาเป็นพิเศษ มีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 273 จากกรณีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณี การสลายการชุมนุมหน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 โดยเป็นการลงคะแนนลับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายนอกรัฐบาลได้ มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 50 คน เดินทางมาให้กำลังใจ ส.ว. ซึ่งผลการลงคะแนนปรากฏว่า วุฒิสภามีมติเห็นด้วยให้ถอดถอน 49 เสียง ไม่เห็นด้วยให้ถอดถอน 76 เสียง งดออกเสียง 6 บัตรเสีย 3 จึงถือว่าวุฒิสภามีมติไม่ถอดถอนนายสมชายออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้นายประสพสุขแจ้งว่าจะส่งผลการลงมติดังกล่าวไปให้ ป.ป.ช.รับทราบ

* ปลื้มความเป็นธรรมยังมีอยู่

ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายก รัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ อดีต รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษากฎหมาย ร่วมแถลงภายหลังวุฒิสภามีมติไม่ถอดถอนออกจากตำแหน่งด้วยข้อหาการสั่งสลายม็อบ 7 ตุลาคมว่า ขอขอบคุณคะแนนวุฒิสภา 76 ท่านที่ได้ให้ความเป็นธรรมกับตน ทำให้เห็นว่าวุฒิ สภายังสามารถเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนชาวไทยได้ ส่วนเสียงข้างน้อยนั้นตนก็ให้ความเคารพ แต่ขอยืนยันว่าระหว่างที่อยู่ในตำแหน่งนายกฯ ตนบริหารราชการแผ่นดินตามตัวบทของกฎหมายทุกประการ การที่ ส.ว.ลงมติไม่ถอดถอนตนถือเป็นสิ่งยืนยันว่าตนไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา และขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิดทุกฝ่ายด้วยมาตรฐานเดียวกัน

ด้านนายสุขุมพงศ์กล่าวว่า กรณีของนายสมชายยังมีคดีชี้มูลทางอาญาและอยู่ ระหว่างการพิจารณาร่วมกันของคณะทำงานของอัยการสูงสุดและ ป.ป.ช. ดังนั้นเมื่อวุฒิ สภาได้วินิจฉัยประเด็นนี้ขอความกรุณา ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ให้ความกรุณากับนายสมชายที่จะดำเนินคดีทางอาญาต่อไปด้วย

* เป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่

น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า ถือเป็นวันประวัติศาสตร์การเมือง วันนี้ทำให้สังคมรับรู้ว่าแม้ผู้ที่ยื่น ถอดถอนจะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ก็ไม่พ้นความรับผิดกระบวนการยังต้องดำเนินการต่อไป เพราะหากไม่มีมาตรการนี้รัฐมนตรีจะไม่กลัวการถูกถอดถอนอีก วันนี้ถือเป็นการสร้างบรรทัดฐานการเมือง

เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าเป็นการจ้องทำลายล้างกัน น.ส.รสนา กล่าวว่า เป็นกระบวนการทางการเมืองที่จะทำให้รัฐมนตรีระมัดระวังการทำหน้าที่มากขึ้น เพราะสิ่งที่นักการเมืองกลัวที่สุดไม่ใช่การพ้นจากหน้าที่ แต่กลัวถูกตัดสิทธิ

* พธม.อกหักหาช่องเล่นใหม่

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่วุฒิสภามีมติไม่ถอดถอนนายสมชายว่า ตนไม่ได้คาดหวังอยู่แล้ว แต่ที่ยื่นถอดถอนเพราะต้องการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับสังคมไทย ที่นักการเมืองกระทำความผิดในการใช้อำนาจปราบปรามประชาชนจะต้องได้รับผลหลังจากออกจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ ส.ว.ส่วนใหญ่กลับไม่มีความพยายามที่จะสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้เกิดขึ้น เชื่อว่ามี บางคนยังอิงแอบอยู่กับบางพรรคการเมืองด้วย

จากนี้คงต้องรอปรึกษาฝ่ายกฎหมายเพื่อหาช่องทางในการดำเนินการกับนายสมชายให้รับผิดชอบต่อการสั่งการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม จนมีคนบาดเจ็บล้มตาย หากไม่มีการลงโทษหลังจากที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว จะทำให้เป็นตัวอย่างแก่นักการเมืองและผู้ที่อยู่ในอำนาจ ว่าสามารถสั่งการแล้วไม่ต้องรับโทษได้ นายสุริยะใสกล่าว

* เตือน แม้ว หยุดทำลายชาติ

ด้านนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธ มิตรฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนือน พ.ต.ท. ทักษิณว่ากำลังเดินยุทธศาสตร์การเมืองที่ ผิดพลาด ที่ไม่ยอมรับคำพิพากษาในคดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่หยุดการกระทำก็จะถูกตราหน้าไว้ในประวัติศาสตร์ว่า เป็นอดีตนายกฯ ที่ทำลายชาติ

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าระบอบทักษิณจะจบลงด้วยการเคลื่อนไหวของพลังทางศีลธรรม หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประกาศตัวเป็นศัตรูต่อศาล จากนี้เราอาจได้เห็น ชาวบ้านบางระจันยุคใหม่ในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล รวมทั้งในจังหวัดต่าง ๆ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

* ทีโอทีประเมินเสียหายแสนล้าน

วันเดียวกันนายวรุธ สุวกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหา ชน) กล่าวว่า ขณะนี้คณะทำงานได้ประเมินมูลค่าเสียหายผลจากคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท. ทักษิณ ที่เกี่ยวข้องกับทีโอทีมีประมาณ 1 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นที่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส หักส่วนแบ่งรายได้ไปเป็น ภาษีสรรพสามิตกิจการโทรคมนาคม การปรับลดส่วนแบ่งโทรศัพท์มือถือระบบเติมเงิน (พรีเพด) เหลือ 20% จนหมดอายุสัมปทาน และการแก้ไขสัญญาโทรศัพท์ มือถือ โดยอนุญาตให้เอไอเอสหักค่าใช้จ่ายส่วนการใช้เครือข่ายร่วม (โรมมิ่ง) ออกจาก รายได้รวมนั้น

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ นายวรุธ กล่าวว่า ต้องให้กระทรวงเทคโนโลยีฯ เป็น ผู้พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เช่น การฟ้องศาลแพ่งกับผู้ที่เกี่ยวข้องขณะนี้ จากมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะทำให้กลับมาใช้รูปแบบสัมปทานเดิม ก่อนที่จะมีการแก้ไขมากน้อยเพียงใดนั้น มองว่ายังเป็นเรื่องยากที่จะกลับมาใช้สัมปทานเดิม เพราะสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาผูกพัน ขณะเดียวกันหากจะมีการแก้ไขให้กลับมาใช้สัมปทานเดิมได้นั้นก็คงต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการ พิจารณาของศาลอีกครั้ง

* ขอยืดเวลาสอบสัมปทาน

นายภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม ครม.ว่า ครม.เห็นชอบให้กระทรวงเทคโนโลยีฯ ขยายเวลาการพิจารณาการ แก้ไขสัญญาสัมปทานโทรคมนาคม ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ตามแนวทางการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 หรือ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ออกไปอีกเพียง 60 วัน จากที่กระทรวงไอซีทีเสนอขอขยายเวลา 90 วัน

ทั้งนี้ในที่ประชุมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ได้สอบถามถึงเหตุผลในการขอขยายเวลาเพิ่ม โดย ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.ไอซีที ชี้แจงถึงสาเหตุที่ขอขยายเวลาว่า เนื่องจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.พ. มีประเด็นเกี่ยวข้องกับเรื่องการแก้ไขสัญญาสัมปทานระหว่างทีโอทีกับเอกชน ทำให้กระทรวงไอซีทีจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ทำให้ต้องใช้เวลาในการพิจารณาอีกระยะหนึ่ง

* พท.ยืดเวลาเชือดรัฐบาล

อีกด้านหนึ่ง พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า คาดว่าจะยื่นการอภิปรายฯได้ประมาณกลางเดือน เม.ย. ด้วยเหตุผลทาง การเมือง ส่วนข้อมูลพร้อมแล้วรวมถึงรายชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกฯด้วย ซึ่งเป็นคนในพรรค และคงสามารถอภิปรายได้ประมาณต้นเดือน พ.ค.ปลายสมัยการประชุม ตอนนี้ก็เก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆ

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ส่วนตัวยังเห็นว่าควรยื่นอภิปราย 3 คน คือ นายกฯ รมว.ต่างประเทศ และ รมว.มหาดไทย แล้วให้ผู้อภิปรายสัก 9 คนรวมตน เอาเนื้อ ๆ เน้น ๆ ใช้เวลาวันครึ่งพอ เพราะหากกระจายประเด็นมากเขาก็เลือกที่จะตอบในประเด็นที่ตอบได้ และละเลยประเด็นอื่นไป เรื่องพวกนี้ประชาธิปัตย์เก่ง พูดให้ขาวเป็นดำก็ยังทำได้ อย่างไรก็ตามคิดว่าเวลาที่เหมาะสมคือช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ไปแล้ว คิดว่าควรจะยื่นญัตติไม่วันที่ 9 เม.ย. ก็วันที่ 19 เม.ย. โดยยึดเลข 9 เป็นหลัก เป็นฤกษ์ดับอภิสิทธิ์

* ยงยุทธ โผล่ เพื่อไทย

ส่วนการเมืองอื่น นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ประธานพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงเหตุการณ์สภาล่มรายสัปดาห์ว่า ในส่วนของพรรคมีการเช็กรายชื่อตลอดเวลา ล่าสุดที่สภาล่มมี ส.ส.ของพรรคหายไป 2 คน หนึ่งในนั้นมีรัฐมนตรีด้วย แต่ทราบว่ารัฐมนตรีติดประชุมที่กระทรวง ส่วน ส.ส.ลาป่วย ซึ่งนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคในฐานะครูใหญ่ได้เรียกทั้ง 2 คนไปอบรมแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ที่สภาเคยล่มแรก ๆ ก็มีการอบรมไปแล้วเช่นกัน จนไม่มีการทำผิดซ้ำ แต่ก็มี ส.ส.หายไปอีก คิดว่าใครที่ถูกตักเตือนก็คงไม่กล้าทำอีก อย่างไรก็ตามพรรคที่มี ส.ส.หายไปจากการประชุมมากที่สุด คือ พรรคเพื่อแผ่นดิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างประชุมพรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา และคนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมายังพรรค หลังจากที่เงียบหายจากการเมืองไปนาน โดยล่าสุดเขาและนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มแดงสยาม ได้ปรากฏตัวผ่านทางวิดีโอลิงก์ร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในงานเลี้ยงสังสรรค์ก่อนปิดสมัยประชุมสภา ปลายปี 2552 ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่าเขาได้หลบไปอยู่เมืองนอก เนื่องจากเกรงเรื่องความไม่ปลอดภัย ทั้งนี้นายยงยุทธปฏิเสธ ที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าว แต่พูดติดตลกว่า ไม่มีไรนะ พี่มาพรรคเฉย ๆ ก่อนที่จะขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนของอาคารที่ทำการพรรค

* กกต.เผยคดียุบปชป.คืบหน้า

อีกด้านหนึ่ง ม.ล.ประทีป จรูญโรจน์ ที่ปรึกษานายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวถึงการตรวจสอบสำนวนเงิน 258 ล้านบาท และเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาทที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหาว่า คดีเงิน 258 ล้านบาทคืบหน้าเกินกว่าร้อยละ 50 แล้ว คณะทำงานจะต้องสอบเพิ่มเติมในประเด็นที่ขาดไปจากที่อนุกรรมการเคยไต่สวนมา โดยให้รู้ว่าเงินจำนวนดังกล่าวมีความเกี่ยวพันกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างไรที่จะนำไปสู่การยุบพรรคได้ แต่ถ้าไม่สามารถหาพยานโยงใยได้คดีก็จบเหมือนเช่นที่อนุกรรมการเคยไต่สวนมา

ม.ล.ประทีป กล่าวต่อว่า คณะทำงานน่าจะพิจารณาให้แล้วเสร็จได้ภายในเดือน มี.ค. ตอนนี้ยังคงรอเอกสารจากที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะจากธนาคารที่มีการเคลื่อนไหวทางธุร กรรมทางการเงิน เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยอ้างว่ามีเอกสารสำคัญของคดีนี้สูญหาย ม.ล. ประทีป กล่าวว่า หากเอกสารในสำนวนมีการสูญหายจริง ก็ขอเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยส่งเอกสารสำคัญหรือพยานต่าง ๆ นั้นเข้ามาที่คณะทำงาน

* พผ.ตั้งสิทธิชัยเป็นเลขาพรรค

วันเดียวกัน นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม และหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยภายหลังการประชุมพรรคว่า พรรคมีมติตั้งนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรค เป็นรักษาการเลขาธิการพรรค แทนนายไชยยศ จิรเมธากร ส.ส.อุดรธานี ที่ลาออกไป ส่วน ร.ต. (หญิง) ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโนโลยีฯ นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง ที่ลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ที่ประชุมพรรคยังไม่มีมติแต่งตั้ง ต้องรอการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีพรรคช่วงเดือน เม.ย.

ยืนยันว่ากลุ่มโคราชและกลุ่มวังพญานาคไม่มีความขัดแย้ง โดยเฉพาะโควตารัฐมนตรี คนที่ลาออกเพราะงานเขาล้นมือ อีกทั้งการเป็นกรรมการบริหารพรรคก็เป็นอันตราย หากเกิดเหตุอะไรขึ้นโดยเฉพาะการยุบพรรคก็จะโดนตัดสิทธิทางการเมืองถึง 5 ปี ข่าวก็คือข่าวแค่ลือกันไป ส.ส.ทั้ง 2 กลุ่มก็พูดคุยกินข้าวกันไม่มีปัญหา หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินกล่าว.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook