แดงบุกกรุงกระจาย 6 จุด

แดงบุกกรุงกระจาย 6 จุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รัฐบาลสั่งอารักขาเข้ม''ศิริราช''ประกาศพื้นที่ควบคุมพิเศษ''มาร์ค-สุเทพ''ปักหลักสู้ราบ 11

รัฐบาลสั่งคุมเข้ม รพ.ศิริราช-บางกอกน้อย-ท่าเรือ เป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ จัดกำลังทัพเรือ 5 กองร้อย ถวายการอารักขาในหลวงห้ามชุมนุมก่อความวุ่นวายสุเทพ-อภิสิทธิ์นัดอยู่ในเซฟเฮ้าส์ในราบ 11 ลั่น ไม่ขวางการชุมนุมแต่ต้องอยู่ในความสงบ เปิดตัวชุดจู่โจมอาวุธครบมือ ใครทำผิดกฎหมายถูกจัดการเด็ดขาด เสื้อแดง นัดดีเดย์ 14 มี.ค. ชุมนุมสงบกดดันรัฐบาลไม่ยุบไม่ออก เตรียมกระจายคนป่วนทั่วกรุงเทพฯ เปิดที่รวมพล 6 จุด บางเขน- บางนา-นนทบุรี-ดินแดง-วงเวียนใหญ่-สวนลุมพินี ลั่น เจอด่านสกัดพร้อมแหก สมาคมสื่อแจกปลอกแขนเขียวให้นักข่าว-ช่างภาพ มาร์ค แจง พร้อมยุบสภาหากเป็นทางออกที่ดีที่สุด อนุพงษ์ ยันไม่มีปฏิวัติ ด้านทำเนียบ-หน่วยงานราชการ เก็บเอกสาร ทักษิณ ทวีต อัดรัฐ หลายภาคส่วนออกอาการห่วงม็อบบานปลาย ส่วนรถตู้ปริศนาเป็นของ รองฯทยา เหลิมกลับ ปท. หญิงอ้อ ไป ดูไบ แบงก์ไม่หวั่นเหตุชุมนุม คุมเข้มเส้นทางคมนาคม แดงเหนือ-อีสาน แสดงพลัง สะสมเงินตุนเสบียงเตรียมปลาร้าตอบโต้

* มาร์คทำงาน-ตรึงทำเนียบ

เกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง ที่นัดรวมตัวกันและเตรียมเข้าผนึกกำลังที่สะพานผ่านฟ้าจนถึงลาน พระบรมรูปทรงม้าในวันที่ 14 มี.ค.นี้ เพื่อขับไล่รัฐบาลหรือกดดันให้ยุบสภา ทำให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติออกประกาศ พ.ร.บ. ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อควบคุมการชุมนุมระหว่างวันที่ 11-23 มี.ค.นี้นั้น เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันแรกที่รัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังคงปฏิบัติภารกิจตามปกติ โดยได้เดินทางออกจากบ้านพักซอยสุขุมวิท 31 ในเวลา 08.00 น. มายังทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเวลา 09.00 น. ได้เดินทางมาร่วมประชุมสภา ที่รัฐสภา และในเวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนใต้ (รชต.)

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเช้าได้มีกองกำลังทหาร 1 กองร้อย จากหน่วยรบพิเศษ ลพบุรีเข้ามาประจำการดูแลรักษาความปลอดภัยตามจุดสำคัญต่าง ๆ เช่น บริเวณประตูทางเข้าออกทุกทางของทำเนียบรัฐบาล บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ รวมทั้งบริเวณด้านหน้าของกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนบริเวณภายในทำเนียบรัฐบาล บริเวณด้านในที่ตรงข้าม ก.พ.ได้มีการตั้งเวทีเครื่องเสียงขนาดใหญ่ เพื่อไว้ใช้ในการประกาศบอกกลุ่มผู้ชุมนุม ถ้ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย หรือบุกเข้ามาในสถานที่ราชการ พร้อมกันนี้ได้มีการนำรถ ยกเตรียมพร้อมเอาไว้ด้วย

* ไม่ขวางม็อบ-ทำผิดจัดการ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ว่า ได้หารือกันถึงการอำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุมที่ต้องการใช้สถานที่ต่าง ๆ โดยยอมให้ใช้สถานที่ตามที่ ต้องการแต่จะมีข้อห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติ คือจะต้องไม่กระทำการใดที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ต้องชุมนุมโดยสงบ ก็จะได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่รัฐ แต่หากผู้ชุมนุมไปบุกรุก บ้านพักหรือสถานที่ราชการ จะถือว่าไม่ได้ชุมนุมโดยสงบ ก็จะไม่ได้รับการคุ้มครองรวมทั้งการไปขัดขวางเส้นทางคมนาคม ปิดถนน ปิดสถานีรถไฟ ปิดสนามบินไม่ได้โดยเด็ดขาด อย่างนี้ต้องสลายทันทีตามหลักสากลคือ เข้าไปเจรจา ตักเตือน จับกุม ใช้น้ำฉีดและใช้แก๊สน้ำตา กำลัง 5 หมื่นเคลื่อนพล

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ในพื้นที่ความมั่นคงรถอีแต๋นจะเข้ามาไม่ได้เด็ดขาด รถกระบะที่บรรทุกคนเข้ามาก็เข้ามาไม่ได้ ยกเว้นรถกระบะของประชาชนที่มาเยี่ยมลูกหลานหรือมาติดต่อธุรกิจปกติก็เข้ามาได้ แต่ขอความร่วมมือประชาชนเหล่านี้ให้ไปขอหนังสือรับรองจากอำเภอในภูมิลำเนาติดตัวมาด้วย จะได้ทราบว่าไม่มีเจตนาจะนำรถมากีดขวางการจราจร รวมถึงรถขนผักหรือพืชผลการเกษตรที่ค้าขายใช้ชีวิตปกติ หลักการศอ.รส. คือทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างปกติสุข

เมื่อคืนได้สั่งการให้เคลื่อนย้ายกำลัง ที่จะต้องทำหน้าที่ประมาณ 5 หมื่นคนแล้ว โดยทั้งหมดไม่มีพกอาวุธ แต่งเครื่องแบบและมีเครื่องหมายบอกฝ่ายชัดเจน ซึ่งใครที่แต่งเครื่องแบบเลียนแบบเจ้าหน้าที่จะถูกดำเนินการทันที ช่วงชุมนุมหากมีกลุ่มที่แฝงมาแล้วบุกรุกไปในที่ตั้งของทหาร หรือตำรวจ เราจะใช้หน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือที่หน่วยสวาท ปราบปราม เพราะถือว่าพวกนี้เป็นพวกผู้ก่อการร้าย รองนายกฯ กล่าว

* คุมเข้มศิริราชห้ามวุ่นวาย

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นพิเศษก็คือ ประชาชน ทั้งประเทศมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประชาชนมีความเป็นห่วงกังวล ซึ่งทางศอ.รส.ได้วางมาตรการดูแลถวายการรักษาอย่างดีที่สุด และขอความร่วมมือไปถึงผู้ชุมนุมทุกท่านว่าถนนทุกสาย ทุกเส้นทางไม่ว่าจะไปทางบกทางน้ำที่จะไปสู่รพ.ศิริราช ห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมไปโดยเด็ดขาด

เมื่อถามว่ารัฐบาลจะใช้พื้นที่ใดเป็นกระบอกเสียงชี้แจงกับประชาชนในช่วงชุมนุม นายสุเทพ กล่าวว่า ได้เตรียมสถานที่ที่กรมทหารราบที่ 11 เป็นสถานที่ตั้งกองบัญชาการ ศอ.รส. เพราะถือว่าอยู่ห่างจากจุดใหญ่ ทั้งนี้คนที่จะมีอาวุธ คือเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่จะแต่งเครื่องแบบแต่ละสังกัดพกอาวุธ เป็นการปฏิบัติปกติของหน่วยลาดตระเวน ที่ไม่ใช่หน่วยที่มาตั้งประชันหน้ากับผู้ชุมนุม และหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจ หรือหน่วยสวาทที่จะแต่งเครื่องแบบตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษชัดเจน ซึ่งตนจะนำเอาตัวอย่างหน่วยสวาทที่ติดอาวุธครบมาแสดงให้สื่อมวลชนดู ซึ่งมีจำนวนเป็นร้อยคนเท่านั้น

* มาร์ค-เทพอยู่เซฟเฮาส์

เมื่อถามว่ามีคนในที่ประชุมคณะ กรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) บอกหรือไม่การเตรียมการครั้งนี้ยิ่งกว่าการมีการปฏิวัติอีก นายสุเทพ กล่าวว่า ตนรู้สึกว่าน้อยเกินไปด้วยซ้ำไปถ้ามีกำลังมากกว่านี้ตนจะใช้มากกว่านี้ ตนกังวลใจจริง ๆ เพื่อดูแลพื้นที่ให้ทั่ว เมื่อถามว่าการที่รัฐบาลตั้งนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ เป็นหัวหน้าคณะผู้ประสานงานกับคนเสื้อแดง จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คราวนี้เป็นกรณีพิเศษที่รัฐบาลตั้งใจที่จะแก้ปัญหาโดยสันติวิธี ใช้เลขาธิการนายกฯ ถือว่าดีที่สุดแล้ว พูดแทนนายกฯและศอ.รส. ได้ส่วนตนเป็นผอ.ศอ.รส. ถ้าต้องไปนั่งเจรจากันอยู่ก็คงไม่สามารถนั่งบริหารงานได้

เมื่อถามว่าจะพาครอบครัวไปหลบในพื้นที่ต่างจังหวัดหรือเซฟเฮาส์หรือไม่ นาย สุเทพ กล่าวว่า ตนก็ยังไม่ได้คุยกันเลย ภรรยาและลูกยังอยู่ที่บ้าน แต่ตนตั้งใจว่าตัวเองจะไปอยู่ในที่พักที่เดียวกับนายกฯ ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เพื่อที่จะสะดวกในการไปปฏิบัติงานแก้ไขสถานการณ์ ส่วนครอบครัวก็พยายามจะชักชวนอยู่ ส่วนครม.ชุดเล็ก 9 คน จะไม่ได้ไปอยู่รวมกันในเซฟเฮาส์หรือสถานที่ที่ใช้เป็นกองบัญชาการ อยู่บ้านใครบ้านมันสบายกว่า ขณะนี้จะมีเพียงตนกับนายกฯเท่านั้นที่จะไปอยู่ด้วยกัน

* แถลงศอ.รส.พร้อมรับมือ

ที่กองบัญชาการกองทัพบก เวลา 12.00 น. นายสุเทพ พร้อมพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุม ศอ.รส. โดยนำชุดควบคุมฝูงชนของตำรวจทั้งชายและหญิง ชุดสายตรวจ ชุดปฏิบัติการพิเศษหรือหน่วยสวาท ชุดจู่โจมเคลื่อนที่เร็ว หรือชุดปะฉะดะ มาโชว์สื่อมวลชนเพื่อให้รับทราบการทำงานของเจ้าหน้าที่ช่วงวันที่ 11-23 มี.ค.นี้

นายสุเทพ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่พกพาอาวุธ มีเพียงชุดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษต่าง ๆ ที่จะมีอาวุธติดตัว โดยชุดแรกที่เข้าควบคุมฝูงชนที่เป็นผู้หญิงก็จะเป็นเจ้าหน้าที่ผู้หญิง และไม่มีอาวุธ ส่วนชุดควบคุมฝูงชนผู้ชายมีเพียงโล่และกระบอง หากมีบุคคลอื่นแอบอ้างหรือแต่งเครื่องแบบทหาร นอกเหนือจากนี้เราจะจับดำเนินคดี สำหรับการถวายอารักขาที่บริเวณรอบโรงพยาบาลศิริราชจะอยู่ภายใต้การควบคุมของ ผบ.ทร. และจะมีทหารเรือและทหารบกแต่งเครื่องแบบรักษาความสงบเรียบร้อย โดยใช้กำลัง 5 กองร้อย

* ขู่ห้ามแหกด่านตรวจ

เมื่อถามว่าคนเสื้อแดงประกาศจะแหกด่านเจ้าหน้าที่เข้ามาชุมนุมใน กทม. นายสุเทพ กล่าวว่า คงทำไม่ได้ เมื่อผู้ชุมนุม บอกจะมาชุมนุมโดยสงบ เราไม่มีเจตนาขัดขวางการชุมนุม แต่จำเป็นต้องตรวจค้นอาวุธ ดังนั้นโปรดให้ความร่วมมืออย่าแหกด่านเพราะไม่มีประโยชน์อะไร ทั้งนี้คาดว่าผู้ชุมนุมจะอยู่ในระดับแสนคน แต่ไม่เกิน 5 แสนคน สำหรับประชาชนที่จะแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่สามารถโทรฯ มาได้ที่เบอร์ 1555

เมื่อถามว่าจะปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์ที่ปลุกระดมโดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์พีทีวีหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เราให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และสภาความ มั่นคงแห่งชาติ ตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาติดตามบุคคลที่ใช้วิทยุโทรทัศน์เป็นการเฉพาะ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าหากสถานการณ์รุนแรงทหารอาจจะทำการปฏิวัติจัดระเบียบใหม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีแน่นอน ไม่มีเด็ดขาด อย่ากังวลใจ ตนยืนยัน อย่าไปกังวลใจเรื่องปฏิวัติ อย่างไรก็ตามตนจะเดินทางเข้าพบสมเด็จเกี่ยว เพื่อขอ กราบนมัสการและรายงานสถานการณ์ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้มีการขึ้นบัญชีดำ พระสงฆ์ตามที่ถูกกล่าวอ้าง

* บิ๊กป๊อกยันไม่มีปฏิวัติ

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจะรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ประ การแรกให้ความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ทำงานร่วมกันทุกฝ่ายเราจะรักษาความสงบเรียบร้อยให้ได้ และรับประกันได้ว่าไม่ว่าสถาน การณ์เป็นอย่างไรจะไม่มีการปฏิวัติ ตนยืนยันมาหลายครั้งแล้ว กองทัพเรือ กองทัพอากาศ มีการพูดคุยกัน ขอให้ประชาชนสบายใจ เมื่อถามว่าท่านยืนยันไม่ปฏิวัติแล้วทหารคนอื่นยืนยันได้หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนรับรองได้ว่าไม่มีใครในกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ตนยืนยันไม่มีปฏิวัติ ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ไม่มีการปฏิวัติ พูดกันหลายปีแล้ว ไม่ต้องห่วง

*นายกฯ แจงสภาคุมม็อบ

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้มีการพิจารณากระทู้ถามสดของนาย องอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ถามนายกรัฐมนตรี เรื่อง ผลกระทบต่อประชาชนในกรุงเทพมหานครจากการชุมนุมใหญ่ ว่า มีความเป็นห่วงเพราะเกรงว่าจะเกิดความรุนแรง มีการประกาศว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้าย มีข่าวการก่อวินาศกรรม นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า จุดยืนรัฐบาลคือการเคารพสิทธิประชาชนแต่ต้อง อยู่ภายใต้กฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้มีคำวินิจฉัยศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 51 วางแนวทางชัดเจนเกี่ยวกับผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ไว้ชัดเจน คือ สามารถชุมนุมได้ แต่ถ้ามาสร้างความหวาดกลัว ปิดล้อมสถานที่ ขัดขวางเจ้าหน้าที่ และส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนนั้นการชุมนุมจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ

นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ เราทำตามหลักสากล และตามสิทธิมนุษยชน ด้วยการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งไม่เหมือนกับการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะการประกาศพ.ร.บ.นั้น มุ่งป้องปรามเหตุไม่ใช่การปราบปราม ที่ผ่านมาก็มีการประกาศใช้ใน กทม. ชะอำ ภูเก็ต หัวหิน ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ส่วนข่าวสารในขณะนี้มีมากมาจากทุกฝ่ายดังนั้นรัฐบาลจึงต้องมีมาตรการไม่ให้เป็นเหยื่อการชุมนุม นอกจากนี้รัฐบาลจะมีการเปิดเผยข้อมูลให้สื่อได้ติดตามอย่างโปร่งใส ตน เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่และผู้ชุมนุมไม่มีใครต้องการเห็นความรุนแรงและขอให้ประชาชน ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยการแจ้งข่าว แจ้งเบาะแส และอดทน อดกลั้นด้วย

* พร้อมยุบสภาหากดีที่สุด

นายองอาจ ได้ถามต่อว่า ขณะนี้มีการวิเคราะห์จากสื่อว่า หากการชุมนุมในครั้งนี้เกิดเหตุการณ์รุนแรง นายกรัฐมนตรีมี 3 ทางเลือก คือ ยุบสภา ลาออก หรือปฏิวัติ อยากทราบว่านายกรัฐมนตรีจะมีแนวทางใดในการแก้ปัญหานี้ นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่า ตนขอย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลจะดำเนินการทุกวิถีทางไม่ให้สถานการณ์บานปลาย และเมื่อถามถึง 3 แนวทางเลือกนี้ ก็ไม่ทราบว่าผู้ถามนั้นถามภายใต้เงื่อนไขอะไร ซึ่งตนจะเลือกแนวทางที่ยึดเอาประโยชน์ส่วนรวมให้บ้านเมืองไปข้างหน้า และตนไม่เคยปิดทางยุบสภาหรือลาออก แต่ต้องมั่นใจว่าตรงนี้เป็นทางออกทำให้บ้านเมืองสงบ ส่วนการปฏิวัติรัฐประหารนั้นเรามีหน้าที่ไม่ให้เกิดขึ้น ตนไม่ได้ยึดติดว่าจะอยู่ในอำนาจได้นานแค่ไหน การยุบสภา ลาออกแล้วทำให้ทุก ๆ อย่างดีกว่านี้ตนก็ไม่มีปัญหา แต่การปฏิวัติรัฐประหารนั้นตนรับไม่ได้

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสื่อ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า รัฐบาลได้ตั้งศูนย์อำนวยการด้านสื่อ ที่กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีมาตรการในการปฏิบัติงานด้านการข่าวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้จะมีการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจในข้อเท็จจริงของสถานการณ์ตลอดจนป้องกันไม่ให้ เกิดการปลุกระดมมวลชนเข้ามาชุมนุมด้วย

* ออกพ.ร.บ.ตามอำนาจ

หลังจากนั้นมีการพิจารณากระทู้ถามสดของนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย เรื่อง กรณีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยถามนายกรัฐมนตรีว่านายกรัฐมนตรีต้องยอมรับความจริงว่าเกิดการปฏิบัติ 2 มาตรฐาน ทำให้ประชาชน กลุ่มหนึ่งไม่พอใจ เมื่อเขามาชุมนุมตามสิทธิ รัฐบาลก็ประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ และขณะนี้มีหมายศาลไปปิดพีทีวีนั้นจริงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่าการออกกฎหมายความมั่นคงไม่ใช่เรื่องการจำกัดสิทธิทางการชุมนุม แต่เพื่อทำให้การชุมนุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย แต่แกนนำนปช. รับรองได้หรือไม่ เพราะมีการพูดว่าให้เอาน้ำมันมาคนละลิตรเพื่อทำให้กทม.เป็นทะเลเพลิงแบบนี้หมายความว่าอย่างไร

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตอนนี้มีข่าวลือเยอะจากฝ่ายที่ไม่หวังดี เช่น มีตำรวจเตรียมนำหมายศาลไปปิดพีทีวี นั้นไม่เป็นความจริง ตนได้สอบถาม กทช.และตำรวจชัดเจนว่าไม่ได้มีการสั่งไปปิดล้อมหรือสั่งปิด แต่เป็นกระบวนการสร้างข่าวลือ

* ยาหอมนักธุรกิจญี่ปุ่น

ที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล นายอภิสิทธิ์ กล่าวปาฐกถา เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี JETRO กรุงเทพฯ มีนักลงทุนชาวญี่ปุ่นเข้าร่วมรับฟัง โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลยืนยัน ใช้แนวทางการรักษากฎหมายไม่ปล่อยให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย รวมทั้งจะพยายามทำให้ประชาชนทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัดได้ใช้ชีวิตเป็นปกติมากที่สุด การที่เรามีสถานการณ์เช่นนี้หนึ่งเป็นการยืนยันว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่หลากหลาย และพร้อมที่จะบริหารจัดการด้วยความอะลุ้มอล่วย ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางการทำงานที่ยั่งยืน และเป็นแนวทางที่ทำให้นักธุรกิจสบายใจได้ว่ารัฐบาลไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานสังคมไทย

* ไม่ปิดพีทีวีอย่าตื่นข่าวลือ

หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะดำเนินการปิดสถานีโทรทัศน์พีทีวี ว่า ตนไม่เห็นจะมีเรื่องนี้ แต่ในช่วงนี้เห็นว่ามีข่าวแปลก ๆมาเป็นจำนวนมาก สิ่งที่รัฐบาลจะดำเนินการนั้นจะมีการชี้แจงและดำเนินการอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ อย่าไปตื่นตระหนก ตกใจกับข่าวสาร หากทางพีทีวีไม่ทำผิด กฎหมายก็คงไม่มีการดำเนินการปิดสถานี เพราะการเชิญชวนประชาชนมาชุมนุมไม่ได้ผิดกฎหมาย รัฐบาลไม่ได้ห้ามไม่ให้มีการชุมนุม เมื่อถามว่าขณะนี้ประชาชนรู้สึกไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะมัสยิดจะต้องมีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประสบการณ์จากปีที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เบื้องต้นรัฐบาลคิดว่าในวันที่ 12 มี.ค. นี้ คงจะต้องเร่งจัดการในเรื่องคมนาคม เพราะการที่มีรถและคนเข้ามาเป็นจำนวนมาก อาจมีปัญหาบางเส้นทางจราจร ส่วนสถานที่ราชการ หรือสถานที่ที่ตกเป็นเป้าหมายก็จะมีการดูแลกันอยู่แล้ว และคิดว่าคนจะมาชุมนุมเป็นจำนวนมากในวันที่ 14 มี.ค.นี้ ส่วนในวันที่ 12 มี.ค. ตนก็จะทำงานตามปกติ และตั้งใจว่าหลังจากวันที่ 14 มี.ค. จะบริหารงานรตามปกติ และในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. จะอยู่ที่ ศูนย์บัญชาการที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เมื่อถามว่าแกนนำผู้ชุมนุมประกาศจะแหกด่านทุกด่านที่ฝ่ายรัฐบาลตั้งขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนขอย้ำว่าการตั้งด่านนั้น เพื่อประโยชน์ของกลุ่มผู้ชุมนุม การตรวจตราเพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์อื่นเข้ามาแทรกซ้อน ไม่ได้เป็นการขัดขวางการชุมนุม หากมีการละเมิดกฎหมาย ก็ต้องมีการดำเนินการ

* แม้วทวีตอัดรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทวีตข้อความทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ระบุว่า ตอนนี้ทหารเข้ามาเต็มกรุงเทพ ผมพูดไม่ผิดเปรียบเสมือนเรายังอยู่ในช่วงปฏิวัติต่อเนื่อง เพราะหัวหน้าตัวจริงยังบัญชาการอยู่ กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย ศาลไม่เป็นศาล สื่อไม่เป็นสื่อ สิทธิเสรีภาพไม่มี ความยุติธรรมก็ถูกยุติ ความเสมอภาคก็ไม่เหลือ ประชาธิปไตยเหลือแต่เปลือก ประเทศถอยหลังน่าเสียดาย ความระแวงตัวเดียวที่หาว่าผมไม่จงรักภักดีผมจะเปลี่ยนไทยเป็นสาธารณรัฐ ทั้ง ๆ ที่แวบในสมองไม่เคยมี เลยช่วยกันแสดงเสียประเทศเละ ถอยหลัง เป็นสิบ ๆ ปี พร้อมกันนี้ได้ทวีตข้อความสนทนาตอบโต้กับสมาชิกด้วย

ขณะเดียวกันสมาชิกหลายรายทวีต ถามถึงกรณีที่เรียกร้องให้ประชาชนร่วมชุมนุมแต่คนในครอบครัวกลับออกนอกประเทศ เป็นการหลอกใช้คนเสื้อแดงหรือไม่ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงตอบในทำนองเดิมว่ากลุ่มคนเสื้อแดงต่อสู้เพื่อเรียกร้อง ประชาธิปไตย ตนเองหรือใครก็ไม่สามารถใช้ปร ะชาชนเป็นเครื่องมือได้ แต่ประชาชนยอมรับไม่ได้กับความไม่เป็นธรรมสองมาตรฐาน อย่าไปดูถูกประชาชน ขอให้เข้าใจว่าที่เขามาเนื่องจากต้องการความยุติธรรมและไม่มีสองมาตรฐาน

* นปช.จ้องฝ่าด่านวังน้อย

ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดสวน พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช. แถลงว่า ขณะนี้ทราบว่ามีการประชุมสั่ง การผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทหารออกมาสกัดกลุ่ม ผู้ชุมนุมไม่ให้เคลื่อนไหวเข้ามาได้ แต่ถ้าสกัดไม่ได้ก็ให้ดึงไว้ให้นานที่สุด ก็ยืนยันว่าจะเคลื่อนเข้ามาชุมนุมให้ได้ ทราบมาว่าจุดที่ต้องการให้เกิดการแตกหัก ให้มีการปะทะ คือ บริเวณประตูน้ำพระอินทร์ วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยให้ทหาร 4 กองพัน กำลัง 6 กองร้อย จากกรมทหารม้าที่ 5 ใช้รถบรรทุกหินปิดถนน ส่วนภาคเหนือจะตั้งจุดสกัดที่ จ.นครสวรรค์ ส่วนภาคตะวันออกยังไม่มีอุปสรรค โดยบริเวณประตูน้ำพระอินทร์ ทางสถานีพีเพิลชาแนล จะไปถ่ายทอดสดเพื่อบันทึกภาพการชุมนุม

* คนเสื้อแดงป่วนกันเอง

ที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมแกนนำนปช.แดง ทั้งแผ่นดิน เพื่อกำหนดแผนการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในวันที่ 12 มี.ค. ในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ โดยก่อนการแถลงข่าวได้เกิดเหตุวุ่นวายเนื่องจากคน เสื้อแดง จำนวนกว่า 100 คน มาร่วมกันที่บริเวณชั้น 5 หน้าสถานีพีเพิลชาแนล เนื่องจากมีการส่งข้อความสั้นจากนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข บก.นิตยสารวอยซ์ออฟ ทักษิณ ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ กทช. มาติดหมายศาลห้ามสถานีพีเพิล ชาแนลออกอากาศ อย่างไรก็ตาม นายอดิศร เพียงเกษ ประธานกรรมการสถานีพีเพิลชาแนล ออกมาชี้แจงว่าจากการตรวจสอบกระแสข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น

ทั้งนี้เมื่อถึงเวลาการแถลงข่าว 13.30 น. ปรากฏว่าการแถลงข่าวต้องเลื่อนออกไป 15 นาที เนื่องจากผู้สื่อข่าวและช่างภาพโทรทัศน์ทุกช่องบอยคอตการนำเสนอข่าว เพราะไมโครโฟนของสถานีไทยพีบีเอสหายไป ซึ่งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ต้องประกาศให้คนเสื้อแดงที่พบหรือนำไมโครโฟนดังกล่าวไปนำมาคืน ไม่เช่นนั้นจะมีการเปิดกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบ จากนั้นเวลา 14.00 น. นายณัฐวุฒิ แถลงว่า กองทัพเสื้อแดงจะมาถึงกรุงเทพฯ ไม่เกินเวลา 12.00 น. ของวันที่ 14 มี.ค. ซึ่ง นปช. ได้รับรายงานว่าจุดสกัดใหญ่ที่รัฐบาลจะกันไม่ให้คนเสื้อแดงมาชุมนุมอยู่ที่ อ.วังน้อย

* นัดไล่ 14 มี.ค. ถึงที่สุด

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า หลังจากเคลื่อนพลในวันที่ 12 มี.ค.แล้ว วันที่ 13 มี.ค. ที่เวทีกลางเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศจะมีการบรรเลงดนตรี สลับแกนนำปราศรัยซักซ้อมความเข้าใจไปจนถึงเที่ยงวันที่ 14 มี.ค. จะมีการเปิดเวทีปราศรัยอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นนายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานนปช. จะอ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้องการชุมนุมบนเวทีคือต้องการให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน แต่ถ้าผ่านวันที่ 14 มี.ค.ไปแล้วรัฐบาลยืนยันที่จะอยู่ต่อ เราจะยกระดับการชุมนุมไปทั่วกรุงเทพฯในวันที่ 15 มี.ค. โดยใช้ชื่อว่า เคลื่อนขบวนไพร่ ไล่รัฐบาลอำมาตย์

* 6จุดรวมพลก่อนผนึกกำลัง

ส่วนของการเคลื่อนพลวันที่ 12 มี.ค. ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล กำหนดจุดเคลื่อนไหว 6 จุด คือ 1.อนุสาวรีย์ ปราบกบฏหลักสี่ มีนายวีระ และ นพ.เหวง โตจิราการ เป็นแกนนำเคลื่อนพล ผ่านถนนพหลโยธิน กรมทหารราบที่ 11 รักษา พระองค์ ถนนวิภาวดีรังสิต 2.อนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน วงเวียนใหญ่ มีนายจตุพร เป็นแกนนำ โดยนัดพบกันที่หน้าห้างเดอะ มอลล์ บางแค จุดที่ 3 แยกบางนา มีนายวรชัย เหมะ นายพีระ พริ้งกลาง เป็นแกนนำ เดินไปตามถนนสุขุมวิท พระโขนง เอกมัย จุด ที่ 4 จ.นนทบุรี นัดรวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัด ก่อนจะเคลื่อนเป็น 3 ทัพ และมาบรรจบกันที่หมู่บ้านพระปิ่น 3 นอกจากนี้ ในเวลา 13.00 น. จะมีทัพเรือเคลื่อนเข้ากรุงเทพฯ มี เจ๋ง ดอกจิก เป็นผู้ประสานงาน นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า จุดที่ 5 อนุสาวรีย์ ร.6 สวนลุมพินี มีนายจรัล ดิษฐา อภิชัย นางดารุณี กฤตบุญญาลัย เป็น แกนนำเคลื่อนไปตามถนนราชดำริ ผ่านมาบุญครอง สตช. ถนนพิษณุโลก ผ่านหน้า ทำเนียบรัฐบาล สะพานผ่านฟ้า และจุดที่ 6 สามเหลี่ยมดินแดง มีนายชินวัฒน์ หาบุญพาด เป็นแกนนำ เคลื่อนไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผ่านถนนข้าง รพ.ทหารผ่านศึก แยกสุทธิสาร ทั้งนี้แต่ละจุดหลังจากเคลื่อนพลและจะกลับมาที่ตั้ง ก่อนที่จะสลายตัว ยกเว้นที่แยกดินแดงที่จะชุมนุมถึงเวลา 21.00 น. ส่วนตนจะปักหลักที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว จัดรายการพิเศษ สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนจะเปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่ เวลา 14.00 น. วันที่ 13 มี.ค. ที่หลังเวทีใหญ่สะพานผ่านฟ้า โดยจะแจกคู่มือการปฏิบัติงานให้กับผู้สื่อข่าวด้วย

* สื่อแจกปลอกแขนเขียว

นายจีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง กรรม การฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นำหนังสือจากสมาคมนักข่าวฯ และปลอกแขนสีเขียวที่มีสัญลักษณ์ของสมาคมนักข่าวฯ ไปมอบและแจ้งให้นายณัฐวุฒิ เพื่อแจ้งต่อไปยังแกนนำ นปช. การ์ดและผู้ชุมนุมรับทราบตรงกัน ว่าในการทำข่าวการชุมนุมครั้งนี้สื่อมวลชนทุกแขนงจะได้รับแจกปลอกแขนดังกล่าวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของสื่อมวลชน เพื่อให้อำนวยความสะดวกในการทำข่าวครั้งนี้ด้วย ซึ่งนายณัฐวุฒิ กล่าวภายหลังรับมอบว่า ยินดีอำนวยความสะดวกให้กับสื่อมวลชนในการทำข่าว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสื่อมวลชนที่ทำข่าวการชุมนุมครั้งนี้ต้องการรับแจกปลอกแขนดังกล่าว ทางสมาคมฯ จะแจ้งให้ทราบถึงจุดที่มีการแจกต่อไป

* กทม.ลงพื้นที่จุดชุมนุม

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่เยี่ยมข้าราช การและลูกจ้างของสำนักงานเขตและชุม ชนที่เป็นพื้นที่ที่กลุ่มผู้ชุมนุม อาทิ สำนักงานเขตพระนคร สำนักงานเขตธนบุรี สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ชุมชนนางเลิ้ง ชุมชน แฟลตดินแดง เขตดินแดง และบางกอกน้อย เพื่อสร้างขวัญและกำลังให้กับผู้ปฏิบัติงาน

พ.ต.อ.พัฒนา แพศยนาวิน ผกก. สน.บางเขน กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง จะมารวมกลุ่มกันที่อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรม นูญ บริเวณวงเวียนหลักสี่ ว่า การรวมกลุ่มของคนเสื้อแดงที่วงเวียนหลักสี่นี้จะเป็นการ รวมตัวจากหลาย ๆ กลุ่ม โดยจะมีการนัดรวม กลุ่มกันในเวลา 12.00 น. แล้วเวลา 14.00 น. ก็จะแยกย้ายกันไป ทางตำรวจได้มีการจัดเตรียมกำลัง 350 นาย ดูแลความเรียบร้อย

* ทัพเรืออารักขาศิริราช

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ร.ต. นริศ ประทุมสุวรรณ เลขานุการกองทัพเรือ แถลงถึงการจัดกำลังของกองทัพเรือในการรักษาความปลอดภัยบริเวณ รพ.ศิริราชว่า ได้ดำเนินการจัดเตรียม 4 กองร้อย ร่วมกับตำรวจ บก.น.7 โดยวางกำลังรอบโรงพยาบาลทั้งชั้นกลาง และชั้นนอก เพื่อถวายการรักษาความปลอดภัย ซึ่งทาง ศอ.รส. ได้กำหนดพื้นที่ห้ามใช้เส้นทางคมนาคม หรือ การใช้ยานพาหนะ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเรือ ดังนี้ 1.ถนนพรานนก ตั้งแต่สามแยกไฟฉาย-ท่าน้ำพรานนก 2.ถนนอรุณอมรินทร์ ตั้งแต่เชิงสะพานอรุณอมรินทร์-หน้าพระราชวังเดิม กองทัพเรือ 3.ถนนอิสรภาพ ตั้งแต่ถนนโพธิ์สามต้น-สถานีรถไฟบางกอกน้อย ซึ่งสถานที่ที่กำหนดจะห้ามบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรเข้า-ออกจากบริเวณพื้นที่

* คุมพิเศษท่าเรือ-เขตวัด

พล.ร.ต.นริศ กล่าวต่อว่า กองทัพเรือ ยังได้จัดกำลังทางเรือรักษาความปลอดภัยทางน้ำตลอด 24 ชม. โดยมีฐานทัพเรือกรุงเทพ 3 หมู่เรือ เป็นหน่วยปฏิบัติรับ ผิดชอบในพื้นที่ ตั้งแต่สะพานกรุงธนบุรี สะพานพระราม 8 สะพานพระปิ่นเกล้า สะพานพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่งจะรับผิดชอบร่วมกับตำรวจน้ำ และกรมเจ้าท่า เพื่อรักษาความปลอดภัยทางน้ำให้แก่ ทาง ศอ.รส. จึงประกาศให้ท่าเรือโรงพยาบาลศิริราช ท่าวังหลัง ท่าช้าง ท่าพระจันทร์ ท่าราชนาวีสโมสร ท่าราชนาวิกสภา ท่านิเวศวรดิษฐ์ และท่าราชวรดิฐ เป็นท่าเรือที่ห้ามไม่ให้เรืออื่นใด ที่ไม่ใช่เรือโดยสารประจำท่า จอดรับส่งผู้โดยสาร หรือขนถ่ายสิ่งใด ๆ ยกเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ และกำหนดให้พื้นที่เขตวัดอรุณราชวราราม ถึงบางกอก น้อยเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ

* กำหนดปิดถนนชั้นใน

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษก ศอ.รส. กล่าวว่า ขอชี้แจงการห้ามใช้ถนนเพิ่มเติมได้แก่ ถนนลูกหลวง ถนนนครปฐม และถนนคู่ขนานของราชดำเนินนอก เฉพาะบริเวณล้อมรอบทำเนียบฯ โดยจะเปิดถนนพิษณุโลก ให้ใช้ได้ตามปกติ นอกจากนี้ ยังมีถนนที่ปิดการจราจรอีก 2 เส้นทาง คือ บริเวณแยกสี่เสา เทเวศร์ ถนนศรีอยุธยา เฉพาะคู่ขนาน ฝั่งด้านชิดกับสโมสรกองทัพบก และซอยสาม เสน 12 ตั้งแต่ปากซอย ด้านถนนราชสีมา จนกระทั่งถึงท้ายซอยด้านถนนสามเสน ซึ่งจะดำเนินการตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.นี้

* รถตู้ปริศนาของ ทยา

ส่วนเรื่องรถตู้ลึกลับพยายามเข้ามาในขบวนรถนายกรัฐมนตรีนั้น นางทยา ทีป สุวรรณ รองผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงว่า รถที่เข้าแทรกขบวนนายกฯเป็นรถของตนเอง ช่วงนั้นจะกลับบ้านพักในซอยสวัสดี ซึ่งเป็นซอยเดียวกับบ้านนายกฯ ระหว่างอยู่บนทางด่วนได้พบกับขบวนรถของนายกฯ และผู้สื่อข่าว คนขับรถของตนรู้จักกับ จนท. หัวหน้าคณะของท่านนายกฯ จึงประสานผ่านทางวิทยุขอเข้าร่วมขบวนและกลับบ้านด้วยเท่านั้น ส่วนเรื่องทะเบียนรถนั้นเป็นของจริงไม่ได้ปลอมแปลงแต่อย่างใด

ที่รัฐสภา นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กรุงเทพ พรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า กรณีที่มีรถตู้ ยี่ห้อโฟล์ค ทะเบียน ฮจ 1056 กรุงเทพมหานคร พยายามแทรกขบวนรถของนายอภิสิทธิ์ เป็นรถตู้ของนางทยา ภรรยาตน ทั้งนี้ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตนตกใจ กระทั่งนายกรัฐมนตรียังกล่าว หยอกแซวตนว่าทำให้เกิดเรื่อง

* ติดตาข่ายบ้านนายกฯ

ที่บ้านพักนายกฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ ได้นั่งทำงานอยู่ที่รัฐสภา จนเวลา 18.00 น. แล้วเดินทางกลับบ้านพัก โดยบริเวณบ้านพัก มีการติดตั้งตาข่ายเพิ่มขึ้นสูงจากรั้วประมาณ 4 เมตร เพื่อป้องกันเหตุร้าย ทั้งนี้ภายในบ้านค่อนข้างเงียบคาดว่าครอบครัวนายกฯ อาจจะเดินทางไปที่เซฟเฮาส์หรือพักผ่อนที่อื่นแล้ว

* เหลิมกลับปท.สมชายอยู่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook