''การเมือง''เดือดสะเทือนถึงกีฬา

''การเมือง''เดือดสะเทือนถึงกีฬา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ไม่กล้ารับจัดเกม

ปัญหาการเมืองไทย สั่นสะเทือนถึงวงการกีฬาบิ๊กจายอมรับ ไม่กล้าเสนอหน้าต่อโอซีเอขอจัดมหกรรมใด ๆ แม้รัฐบาลจะมีนโยบายให้ไทยต้องเป็นเจ้าภาพทุกรายการในห้วงเวลา 7 ปี ต่อจากนี้ พร้อมโยนลูกให้ รมต.ชุมพล ตัดสินใจเอง

บิ๊กจา พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ตามที่ทางสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ได้แจ้งมายังคณะกรรมการโอลิมปิกของประเทศสมาชิก พิจารณาเสนอตัวเข้ารับการคัดเลือกเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาของโอซีเอ 4 รายการ ประกอบด้วย เอเชี่ยนอินดอร์และมาเชี่ยล อาร์ทเกมส์ ปี ค.ศ. 2013 และ ปี ค.ศ. 2018, เอเชี่ยนยูธเกมส์ ปี ค.ศ. 2013 และ ปี ค.ศ. 2017, เอเช่ยนบีช เกมส์ ปี ค.ศ. 2016 และ ปี ค.ศ. 2020, เอเชี่ยนเกมส์ ปี ค.ศ. 2019 และปี ค.ศ. 2023 นั้น อย่างไร ก็ตาม จากสถานการณ์ที่ประเทศไทยเกิดปัญหาการเมืองในประเทศ มีการแบ่งสี แบ่งข้าง สร้างความวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา ได้ทำลายภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นในสายตาองค์กรกีฬาโลกต่อประเทศไทยอย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาต่าง ๆ

สำหรับความเห็นส่วนตัวยอมรับว่าไม่กล้าที่จะเสนอความต้องการรายการหนึ่งรายการใด แม้รัฐบาลชุดนี้โดย นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ให้นโยบายหามหกรรมกีฬามาจัดในประเทศไทยในช่วง 7 ปี ก็ตาม แต่เอกสารทั้งหมดได้นำเสนอผ่านไปให้นายชุมพล ได้พิจารณาตามความเหมาะสมแล้ว

เมื่อตอนมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 1 เราเองก็แทบเอาตัวไม่รอด ต้องเลื่อนการแข่งขันถึง 2 ครั้ง จนเกือบจัดแข่งไม่ได้ ซึ่งตรงนั้นได้ทำลายความเชื่อถือภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาโอซีเอ อย่างมาก ตราบใดที่การเมืองไทยยังมีความวุ่นวายไม่เลิกก็เป็นเรื่องยากที่จะเอามหกรรมกีฬามาลงในบ้านเรา และคงอีกนานที่ไทยจะได้จัดมหกรรมกีฬาใหญ่ ๆ ของ โอซีเอ อีกครั้ง บิ๊กจา กล่าวทิ้งท้าย.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook